บทที่ 379 การเสด็จมาของพระเจ้าแห่งไอน้ำ

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

บทที่ 379 การเสด็จมาของพระเจ้าแห่งไอน้ำ
“พระองค์ปกครองทุกสิ่ง พระองค์ตัดสินชีวิตและความตาย พระองค์คือพระเจ้าเหนือพระเจ้าทั้งปวง กษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งปวง”

ท่วงท่าการเคลื่อนไหวของผู้เฒ่าคนแคระค่อนข้างบิดเบี้ยวอย่างแปลกประหลาด และเขาก็เคลื่อนที่ไปโดยรอบในลักษณะที่ไม่เป็นแบบแผน อย่างไรก็ตาม หากมีใครสังเกตให้ดี ก็จะบอกได้ว่าการเคลื่อนที่ของออกัสตัสเป็นไปตามรูปแบบปริศนา

คนแคระคนอื่นๆ ต่างเต้นตามเขาอย่างยากลำบาก และขณะเดียวกัน พวกเขาก็ทวนกล่าวของท่านผู้เฒ่า “พระองค์ประทานชีวิตกับเรา พระองค์ประทานอาหารกับเรา พระองค์ประทานความกล้ากับเราเมื่อเผชิญปัญหา รวมถึงความดี ความซื่อสัตย์ และความเพียร”

นะทางเข้าปราสาท ร่างโปร่งแสงสี่ร่างกำลังจ้องมองการสวดภาวนาของเหล่าคนแคระ

“ดูเหมือนเป็นรูปแบบจากจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณ….” เทสส์ เจ้าสาวแวมไพร์พูดขึ้น โดยใช้พลังของสายเลือดแวมไพร์ที่เรียกว่า ‘โทรจิตระยะสั้น’ สื่อสารกับพ่อบ้านกาลาต้า เวลส์ และแม่บ้านอีดิธ เทสส์ทั้งรู้สึกตลกและรู้สึกสับสน

พวกเขาพบสถานที่ซ่อนตัวของกองกำลังกบฏ!

ทั้งเวลส์และอีดิธต่างก็เป็นทาสรับใช้โลหิต พวกเขาเติบโตขึ้นมาใน ‘ภูเขารัตติกาล’ สถานที่ที่ไกลที่สุดที่เวลส์และอีดิธเคยไปก็คือปราสาทของเคานต์แวมไพร์อีกตนหนึ่ง พวกเขาไม่รู้ว่าจักรวรรดิเวทมนตร์โบราณคืออะไร ดังนั้นเมื่อได้ยินข้อมูลจากเทสส์ ทั้งคู่ได้แต่ก้มหน้าต่ำไม่รู้ว่าจะพูดอะไร แน่นอน พวกเขาไม่มีวันได้เข้าไปถึงห้องอ่านหนังสือในปราสาท และเวลส์เองก็อ่านหนังสือไม่ออก!

“คนแคระผู้เฒ่าแสดงท่าทางแปลกๆ การเคลื่อนที่ของเขาซับซ้อนและแปลกประหลาดมาก” กาลาต้า พ่อบ้านแวมไพร์ ตอบด้วยความเคารพ “ข้าคิดว่า นี่เหมือนกับการระบำบวงสรวงนักบุญแห่งสัจธรรม”

“การระบำบวงสรวงนักบุญแห่งสัจธรรมมาจากพิธีกรรมเวทมนตร์ง่ายๆ” เทสส์พูดเสียงเบา “แต่กาลาต้า เจ้าดูไม่ออกหรือว่าคนแคระเฒ่านั้นสมบทบาทเป็นหกคน? การระบำนี้ควรใช้นักเวทหกคนในหกตำแหน่ง เคลื่อนที่ต่างกัน…แต่เขาระบำทั้งหมดนี้ตัวคนเดียว”

ทั้งเวลส์และอีดิธก้มหน้าต่ำลงยิ่งกว่าเดิม ทั้งสองไม่กล้าแม้แต่จะขัดการสนทนา เนื่องจากทั้งคู่รู้ดีว่าเคานต์วลาดได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังเทพของนักบุญแห่งสัจธรรม เมื่อช่วงสิ้นสงครามที่เรียกว่า ‘สงครามแห่งรุ่งอรุณ’ เคานต์วลาดไม่สามารถฟื้นสภาพกลับมาเหมือนเดิมอีกต่อไป ดังนั้น ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา เคานต์แวมไพร์จึงใช้เวลานอนพักเป็นส่วนใหญ่และไม่เคยออกจากเขตภูเขารัตติกาลอีกเลย ฉะนั้น จึงไม่มีใครได้รับอนุญาตให้พูดถึงนักบุญแห่งสัจธรรม ยกเว้นพวกขุนนางสายเลือดแวมไพร์

“ท่านหญิง ถูกแล้วขอรับ” กาลาต้าเห็นด้วยหลังจากสังเกตอย่างใกล้ชิด “แต่บทเพลงสวดมนต์ของพวกเขาไม่ใช่เวทมนตร์แน่นอน พิธีกรรมนี้คงไม่ได้ผล แต่ข้าก็ไม่รู้ว่านี่เป็นพิธีกรรมอะไร”

“นั่นไม่สำคัญหรอก ไม่มีทางได้ผลอยู่แล้ว ตอนจับตัวคนแคระสกปรกพวกนั้นได้ เดี๋ยวเราก็รู้” เทสส์แสยะยิ้ม “ข้าเกลียดพวกบาทหลวงกับนักบวช เพราะพวกมัน วลาด ยอดดวงใจของข้า ไม่อาจอยู่ข้างกายข้าได้ตลอด!”

“เราคงไม่มีวันรู้ที่ซ่อนตัวของพวกกบฏถ้าไม่มีความคิดอันเฉียบแหลมของท่านหญิงนะขอรับ” เวลส์ประจบสอพลอ เขากังวลว่าท่านหญิงเทสส์จะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

เทสส์ยิ้ม “เขาไม่เหมือนคนอื่น ใช้แรงงานในเมืองมาสามปี แต่เขายังกระฉับกระเฉงและดวงตายังมีความหวัง นั่นไม่ใช่เรื่องปกติ แต่ข้าก็ไม่คิดว่าเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองกำลังกบฏขนาดนี้”

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านหญิง” อีดิธประจบบ้าง “คนแคระไม่สมควรมีความหวัง พวกมันเป็นสัตว์”

เมื่อเห็นว่าพิธีกรรมใกล้เสร็จสิ้น เทสส์ก็ยกมือของนางขึ้นและออกคำสั่ง “ฆ่าพวกมันให้หมด เอาศพพวกมันแขวนไว้บนกำแพง”

“รับทราบ ท่านหญิง” กาลาต้า เวลส์ และอีดิธขานรับพร้อมกัน

ฮาโรลด์คุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยอากัปกิริยาเคารพอย่างสูงตามผู้เฒ่าคนแคระ และพวกเขาก็สวดภาวนาด้วยเสียงแผ่วเบา “ท่านเจ้าแห่งชีวิตและความตาย! พระองค์โปรดเมตตาเราด้วย พระองค์ทรงมีอำนาจอยู่ในพระหัตถ์ เราจะทำให้ทุกคนเคารพในพระนามของพระองค์ ได้โปรดประทานพรให้เราหลุดพ้นจากความเจ็บปวดและทุกข์ยากด้วยพรและเกียรติศักดิ์ของพระองค์ด้วยเถิด!”

“ขอให้พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ ไอน้ำ กลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง!”

ฮาโรลด์คิดอยู่ในใจ “ได้โปรดให้เราได้สร้างอารยธรรมไอน้ำอันยิ่งใหญ่ด้วยพรของพระองค์อีกครั้งเถิด!”

แล้วเขาก็ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน!

ฮาโรลด์รีบลุกขึ้นและหันไปมองยังจุดที่เสียงร้องดังออกมา

ร่างสี่ร่างค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาคือท่านหญิงเทสส์ พ่อบ้านกาลาต้า เวลส์ และอีดิธ

เขี้ยวสีขาวของกาลาต้าฝังเข้าไปในลำคอของคนแคระคนหนึ่ง เวลส์เพิ่งปาดคอของคนแคระอีกคน และเลือดก็สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณ

ทาสรับใช้โลหิตไม่สมควรรู้สึกหฤหรรษ์กับเลือดเช่นนี้

“ทำไม…พวกมันเจอที่นี่ได้อย่างไร?” ฮาโรลด์ร้องออกมาด้วยความกลัวสุดขีด เขาไม่อาจหยุดสั่น

แวมไพร์แคระหน้าสวยหยิบผ้าเช็ดหน้าชั้นดีที่ทำมาจากขนไนติงเกลสีดำจากราชอาณาจักรโฮล์ม นางค่อยๆ บรรจงเช็ดมุมปากและตอบออกมา “เจ้านำเรามาที่นี่”

คนแคระทุกคนหันกลับไปมองฮาโรลด์ ทุกคนต่างตกตะลึง และดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความข่มขืนและความเกลียดชัง

“ฮาโรลด์… ทำไม?” อไควนัสคว้าขวานขนาดใหญ่ขึ้นมา

“อุตส่าห์ไว้ใจ!” เสียงของเมอร์นาสั่นเครือ

“ข้าไม่ได้… ข้า… ท่านผู้เฒ่า ข้าไม่ได้” ฮาโรลด์รีบอธิบาย “ได้โปรดเชื่อข้า! ข้าไม่ได้ทำ!”

เทสส์หัวเราะชอบใจ นางส่งสัญญาณให้กาลาต้ายั้งมือฆ่าคนแคระเสียก่อน นางอยากดูฉากนี้ให้เต็มตา

“ข้าเชื่อเจ้า ฮาโรลด์” ผู้เฒ่าตอบ “ถ้าเจ้าหักหลังเรา พวกมันคงบุกมาแต่แรกแล้ว”

ฮาโรลด์เกือบจะร้องไห้ออกมา

ออกัสตัสส่ายศีรษะอย่างเศร้าใจแล้วกล่าวกับคนแคระที่เหลือด้วยเสียงอันดัง “พวกเจ้าอยากสู้? หรือพวกเจ้าอยากคุกเข่ายอมแพ้?!”

“ไอน้ำจงเจริญ!” คนแคระตะโกนก้องจับอาวุธขึ้นสู้

เทสส์ปิดปากของนางและพูดด้วยน้ำเสียงผิดหวัง “น่าเบื่อ… กาลาต้า ลงมือได้”

กาลาต้าจัดหูกระต่ายเล็กน้อยแล้วถึงโค้งคำนับ “ตามบัญชา ท่านหญิง”

แม้จะเผชิญหน้ากับคนแคระที่ถือขวานทุ่งมหาเขา กาลาต้าก็ยังมีท่าทีไม่ทุกข์ร้อนอะไร

จังหวะที่ขวานเกือบจะฟันลงกลางหลัง กาลาต้าก็สลายตัวกลายเป็นเงาราวกับผี และปรากฏตัวอีกครั้งด้านหลังของคนแคระที่ถือขวาน

มือซ้ายของกาลาต้ากลายเป็นกรงเล็บที่แหลมคม เขาฟันร่างคนแคระผู้โชคร้ายคนนั้นขาดเป็นสองท่อน คนแคระกรีดร้องอย่างเจ็บปวด แต่เสียงของเขาก็หยุดชะงักในทันทีจากเลือดที่ออกมาจากลำคอที่ถูกเฉือนเปิดออก

แล้วเงานั้นก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มคนแคระ เสียงกรีดร้องดังขึ้นทุกหนทุกแห่ง

ตอนที่คนแคระหลายต่อหลายคนรุมกินโต๊ะกาลาต้า ค้างคาวตัวเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนก็เข้าคลุมร่างของพ่อบ้านแวมไพร์ตนนี้ แล้วแวมไพร์ก็ไปโผล่อีกฝั่งของห้องโถงตามฝูงค้างคาว

คนแคระที่เหลือกำลังต่อสู้กับเวลส์และอีดิธ พวกเขามีพลังไม่ต่างกันมากนัก ขวานขนาดใหญ่เป็นภัยที่น่ากลัวสำหรับภาพรับสายโลหิตทั้งสอง

เมื่อเห็นว่าความหวังในการสังหารกาลาต้าดูริบหรี่ ออกัสตัสก็ออกคำสั่ง “ไปที่ประตู! ไปข้างนอก!”

คนแคระเจ็ดหรือแปดคนมองหน้ากัน พวกเขาคำรามออกมาด้วยเสียงอันแหบพร่าและพุ่งเข้าใส่แวมไพร์พ่อบ้าน พวกเขาจะใช้ชีวิตของตนถ่วงเวลาให้กับคนแคระที่เหลือ

อย่างไรก็ตาม พวกเขาถูกสังหารทีละคนๆ พวกเขาถ่วงเวลาไว้ให้คนอื่นได้ไม่มากนัก

คนแคระที่เหลือรีบวิ่งไปยังประตูด้วยน้ำตานองหน้า เวลส์และอีดิธไม่อาจป้องกันประตูไม่ได้ และคนแคระก็เกือบจะไปถึงทางเดิน!

“ไร้ประโยชน์…” เทสส์พูดอย่างเยือกเย็น เขี้ยวสีขาวสองเขี้ยวงอกออกมาจากริมฝีปากอันงดงามและบอบบางของนาง นางยกมือขวาขึ้นและกลุ่มหมอกสีดำก็เข้าเล่นงานคนแคระที่นำขบวนสองสามคน

อ๊า!

เมื่อควันสีดำหายไป ร่างของคนแคระหลายคนเข้าร่วงกองบนพื้น และเลือดของพวกเขาก็ถูกดูดจนหมดตัว

พวกคนแคระที่เหลือกลัวจนตัวสั่น พวกเขาวิ่งหนีไปรอบๆ ด้วยความกลัวตาย แต่ก็อยู่ห่างจากเทสส์ไม่ถึงเมตร

“ทำไม… ทำไมนางถึงทรงพลังนัก?” คนแคระที่อยู่ด้านหลัง รวมถึงผู้เฒ่าคนแคระ เพิ่งทำออกมาด้วยความตกใจ

แม้ว่าผู้เฒ่าคนแคระยังคงสงบนิ่งอยู่ได้ และเขารู้ดีว่ากองกำลังกบฏไม่อาจต่อกลอนกับแวมไพร์ชั้นสูงได้ แต่เขาก็ไม่คิดว่าแวมไพร์ชั้นล่างและชั้นกลางจะทรงพลังขนาดนี้! พวกแวมไพร์กำลังสหารหมู่คนแคระไม่ต่างจากการฆ่าสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน!

ผู้เฒ่าคนแคระคุกเข่าลงตรงหน้าแท่นบูชา เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นและร้องครวญคราง “เหตุใดความพยายามของเรา… จึงไร้ค่า…เราพลีชีพ เรายอมตาย…อย่างไร้ค่าอย่างนั้นหรือ?!”

เทสส์หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสวยของนางออกมาเช็ดมุมปาก “ทำไมเจ้ายังไม่เข้าใจ? เหตุผลเดียวที่เจ้ายังไม่ตายก็เพราะเราขี้เบื่อ เราเก็บพวกเจ้าไว้เป็นของเล่น”

“อย่างนั้นหรือ…” หยาดน้ำตาคลอเบ้าตาของผู้เฒ่าคนแคระ แล้วเขาก็โขกหัวลงกับพื้น “เราคนแคระต้องตายอย่างไร้ค่าสินะ…?”

ออกัสตัสหันไปรอบๆ และคร่ำครวญกับแท่นบูชา “พระเจ้าแห่งไอน้ำ! พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่! เจ้าแห่งชีวิตและความตาย! ได้โปรด… ได้โปรดช่วยเราด้วย!”

ด้านหลังของเขา คนแคระอีกจำนวนมากกำลังตาย

“ตื่นเถอะ คนแคระ ไม่มีใครช่วยเจ้าได้” เทสส์พูดยั่วให้โมโห “พวกเจ้าคนแคระช่างไร้เดียงสามาเป็นพันๆ ปี”

ผู้เฒ่าคนแคระไม่ฟังคำกล่าวของนาง เขายังคงเรียกชื่อของพระเจ้าซ้ำๆ ผู้เฒ่าคนแคระก็โขกหัวลงกับพื้นฐานบูชา เลือดของเขายอมท่านบูชาจนเป็นสีแดง

“เจ้าโง่…” เวลส์เยาะเย้ยเขา

พวกคนแคระที่เหลือต่างคุกเข่าอย่างสิ้นหวัง นี่คือจบใช่ไหม? จบแบบนี้หรือ? ฮาโรลด์ไม่อาจทนรับความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้น แสงสว่างก็ปะทุออกมาจากแท่นบูชา แท่นบูชาทั้งแท่นมีแสงบริสุทธิ์ปกคลุม!

ความปิติยินดีพลุ่งพล่านขึ้นในใจของฮาโรลด์ เขาคุกเข่าลงและทรุดตัวเอามือยันพื้นร้องไห้

“เจ้าแห่งชีวิตและความตาย ได้โปรดเมตตาเรา พระองค์ส่งมีอำนาจสูงสุด เราจะทำให้ทุกคนเคารพพระนามของพระองค์”

ผู้เฒ่าคนแคระ เมอร์นา และอไควนัสต่างตกตะลึง พวกเขาต่างสวดภาวนาให้กับแท่นบูชาทั้งน้ำตา “ได้โปรดประทานพรให้เราหลุดพ้นจากความเจ็บปวดและทุกข์ยากด้วยพรและเกียรติศักดิ์ของพระองค์ด้วยเถิด!”

“ขอให้พระนามอันศักดิ์สิทธิ์ ไอน้ำ กลับสู่จุดสูงสุดอีกครั้ง!”

ร่างในชุดสูทสีดำค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น

“พระผู้เป็นเจ้า การเสด็จมาของพระองค์ทำให้เราได้รับพร!”

“เจ้าแห่งชีวิตและความตาย บารมีของพระองค์จะชำระล้างทุกสิ่ง!”

ผู้เฒ่าคนแคระ ฮาโรลด์ และคนแคระที่เหลือต่างตื่นเต้นเป็นอันมาก

นี่หรือคือพระเจ้าแห่งไอน้ำ?! ที่ลงมาเพื่อช่วยพวกเขา?

เทสส์ กาลาต้า และทาสรับใช้โลหิตทั้งสองสั่งจ้องมองแท่นบูชาด้วยอาการตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้นกันแน่!?