ตอนที่ 228 ประธานเฉียวผู้ภาคภูมิใจ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

จากนั้นอาห้าก็มองดูกองแฟ้มที่สูงเป็นภูเขาด้วยรอยยิ้มบางๆ คนอื่นๆ เข้าใจในความหมายทันที ใช่แล้ว มีเพียงนายน้อยเท่านั้นที่ทำให้กู้อวิ๋นเชื่องเหมือนสุนัขได้! ไม่ว่านายน้อยบอกให้ทำอะไร เขาก็จะทำโดยปราศจากคำอุทธรณ์ใดๆ … อ้อ… ไม่ใช่สิ เขาจะทำแม้ว่าเขาจะอยากอุทธรณ์ก็ตาม!

 

 

กู้อวิ๋นกำลังจะโต้กลับเมื่อโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขามองดูชื่อผู้โทรและยืนตัวตรงทันทีโดยอัตโนมัติ เขารับโทรศัพท์แล้วกล่าวว่า “ครับ นายน้อย”

 

 

ทางอีกด้านหนึ่ง ถังซีนั่งอยู่ข้างเฉียวเหลียง มองดูเขาโทรศัพท์ เฉียวเหลียงอดลูบผมเธอเล่นไม่ได้ “นั่งแท็กซี่มารับฉันที่โรงเรียนมัธยมตี้อี ซื้ออาหารเช้ามาด้วยฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย” เฉียวเหลียงมองดูถังซี กระแอม และหยุดไปครู่หนึ่ง “ต้องเป็นอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการด้วยนะ ฉันจะรอนายอยู่ที่นี่”

 

 

จากนั้นเขาก็วางสายโทรศัพท์

 

 

กู้อวิ๋นตกตะลึงถือโทรศัพท์ค้างในมือ ใครช่วยบอกเขาทีว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้ว่านายน้อยขับรถออกไปนี่ ทำไมถึงบอกให้เขาไปรับจากโรงเรียนมัธยมตี้อีล่ะ และนายน้อยผู้ไม่เคยทานอาหารเช้า บอกให้เขาซื้อ ‘อาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการ’ ไปให้ด้วย

 

 

กู้อวิ๋นวางสายโทรศัพท์แล้วมองหน้าอาห้า ถามด้วยสีหน้างุนงง “แล้วนายรู้ไหมว่าใครปราบนายน้อยได้”

 

 

อาห้าเลิกคิ้ว “นายน้อยโทรมาหรือ”

 

 

กู้อวิ๋นพยักหน้า อาห้ามองสีหน้าสับสนของกู้อวิ๋น และถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เขาสั่งให้นายทำอะไร”

 

 

กู้อวิ๋นมองโทรศัพท์ในมือเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป แล้วมองอาห้า “เขาสั่งให้ฉันนั่งแท็กซี่ไปรับเขา”

 

 

“ฮะ?” อาห้างุนงง “แต่เขาขับรถไปไม่ใช่หรือ”

 

 

กู้อวิ๋นพยักหน้าด้วยสายตาว่างเปล่าและกล่าวว่า “ไม่ใช่แค่นั้น เขายังสั่งให้ฉันซื้ออาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการไปให้เขาด้วย…”

 

 

อาห้าอ้าปากค้าง “นายน้อยน่ะหรือ อาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการอย่างนั้นหรือ นายได้ยินไม่ผิดแน่นะ”

 

 

กู้อวิ๋นประชด “นายก็โทรไปเช็กกับเขาดูสิ”

 

 

พูดจบเขาก็เดินออกไป ลงบันไดไปชั้นล่าง ข้ามถนนไปซื้ออาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่ซุ้มขายอาหารฝั่งตรงกันข้ามกับบริษัท จากนั้นก็ขึ้นแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนมัธยมตี้อี

 

 

ถังซียังไม่ลงจากรถเข้าไปในโรงเรียนจนกระทั่งเฉียวเหลียงวางสาย ก่อนลงไปเธอยังเน้นย้ำให้เฉียวเหลียงกลับบ้านไปนอนและทานอาหารเช้า เฉียวเหลียงพยักหน้า ท้ายที่สุดเขาก็อดพูดไม่ได้ว่า “อีกแค่ห้านาทีโรงเรียนก็จะเข้าแล้วนะ คุณยังมัวพูดกับผมอยู่ได้”

 

 

ถังซีเพิ่งรู้ว่าตอนนี้แปดโมงยี่สิบห้านาทีแล้ว เธออุทานแล้วโวยวายเสียงดัง “โอย ตายละ! นี่เป็นความผิดของคุณ ฉันต้องคอยเป็นห่วงคุณตลอดเวลา! ฉันเข้าเรียนสายเพราะคุณ! นี่คุณไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรือไง ที่ทำให้เด็กผู้หญิงอย่างฉันต้องคอยเป็นห่วงแบบนี้น่ะ ฮึ คุณลุง!”

 

 

เฉียวเหลียงตกตะลึงกับคำพูดของเธอ เขามองตามหลังถังซีซึ่งอยู่ในชุดนักเรียน วิ่งเข้าไปในโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋านักเรียน จากนั้นก็ค่อยๆ มองตัวเองในกระจกมองหลัง ด้วยท่าทางเหมือนหุ่นยนต์ กะพริบตาปริบๆ “คุณลุงเหรอ”

 

 

“บ้าชะมัด!” เฉียวเหลียงผู้สงบนิ่งเอ่ยคำสบถเป็นครั้งแรกในชีวิต “เธอมาเรียกฉันว่าคุณลุงได้ยังไง!” ขณะมองดูใบหน้าไร้ที่ติในกระจก เฉียวเหลียงก็สงสัยว่าทำไมถังซีถึงเรียกชายหนุ่มผู้หล่อเหลาอย่างเขาว่าคุณลุง

 

 

ก็ทั้งคู่อายุเท่ากัน… บ้าที่สุด! เธอลืมไปหรือเปล่าว่าเธอก็อายุยี่สิบเจ็ดเท่ากับเขา

 

 

กู้อวิ๋นลงจากรถแท็กซี่พร้อมด้วยอาหารเช้าชุดใหญ่ แล้วก็เห็นรถคันหรูจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนมัธยมตี้อี เขาเข้าไปเคาะหน้าต่างรถ และรีบเปิดประตูออก…

 

 

แล้วทันทีนั้นเขาก็ต้องเสียใจ ทำไมนายน้อยดูหน้าตาบูดบึ้งถมึงทึงขนาดนั้น มีใครสร้างความระคายเคืองให้หรือ นี่เขามาผิดเวลาหรือเปล่า

 

 

ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เฉียวเหลียงก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “นี่นายเดินเท้ามาหรือไง”

 

 

กู้อวิ๋นมองดูนาฬิกาข้อมือ เขาใช้เวลาเพียงสิบห้านาที รีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

“นายน้อยครับ ผมนั่งแท็กซี่มา นี่อาหารเช้าของนายน้อยครับ” กู้อวิ๋นส่งอาหารเช้าให้เฉียวเหลียง เฉียวเหลียงมองดูอาหารเช้าแล้วขมวดคิ้ว กล่าวด้วยความโกรธ “มันเย็นหมดแล้ว!”

 

 

กู้อวิ๋นอึ้ง “…” บ้าไปแล้ว! อาหารยังร้อนอยู่เลยตอนผมลงจากรถ รังสีเย็นเยือกของนายน้อยนั่นแหละที่ทำให้อาหารเย็น! จะมาโทษผมได้ยังไง!

 

 

 

 

“เอ้อ นายน้อยครับ… เราจะไปไหนกันครับ” กู้อวิ๋นหันกลับไปมองเฉียวเหลียงซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหลัง กำลังทานอาหารเช้าที่เขาซื้อมา ในขณะที่ท้องเขาก็เกือบจะว่างเปล่าเหมือนกัน

 

 

“บ้านฉัน” ตอบแล้วเฉียวเหลียงก็ทานต่อไป หลังจากได้ทานอาหารเช้าร้อนๆ เฉียวเหลียงก็รู้สึกดีขึ้นมาก

 

 

เขาเลิกคิ้วด้วยความพึงพอใจเมื่อทานอาหารเสร็จ กู้อวิ๋นซึ่งถูกเย้ายวนด้วยกลิ่นหอมของอาหารกลืนน้ำลาย และพยายามปลอบใจตัวเอง นายกินขนมปังยัดไส้ไปสองก้อนแล้วระหว่างทาง เพราะฉะนั้นนายไม่หิวเลย

 

 

ทันใดนั้นเฉียวเหลียงซึ่งอิ่มแล้ว จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมองกู้อวิ๋น “กินบ้างไหม”

 

 

กู้อวิ๋นรู้สึกซาบซึ้งใจมาก กล่าวว่า “ขอบคุณครับ นายน้อย” แล้วเอื้อมมือไปหยิบอาหารเช้าที่เหลือ แต่เฉียวเหลียงคว้าไปวางอีกทางหนึ่งเสียก่อน “อันตรายนะ นายขับรถอยู่ ค่อยกินทีหลังก็แล้วกัน”

 

 

กู้อวิ๋นอึ้ง “…” นี่นายน้อยล้อผมเล่นหรือ

 

 

ในขณะนั้นรถก็แล่นผ่านศูนย์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพอดี จู่ๆ เฉียวเหลียงก็บอกให้กู้อวิ๋นเลี้ยวรถเข้าไปจอด กู้อวิ๋นเหยียบเบรกแทบไม่ทัน หันกลับไปมองเฉียวเหลียงด้วยสายตาเป็นคำถาม และถามว่า “นายน้อย มีอะไรหรือครับ”

 

 

เฉียวเหลียงยังคงไม่พูดอะไร จากนั้นเขาก็มองหน้ากู้อวิ๋นด้วยสายตาจริงจัง กู้อวิ๋นรู้สึกว่าหัวใจหล่นวูบอย่างกะทันหัน ‘พระเจ้า มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับนายน้อยวันนี้ ทำไมเขาดูแปลกจัง’ เฉียวเหลียงถามหลังจากหยุดนิ่งอยู่ประมาณสองนาที “นายคิดว่าฉันเหมือนคุณลุงไหม”

 

 

“อะไรนะครับ” กู้อวิ๋นตกตะลึง นายน้อยครับ ถ้าคุณเป็นคุณลุงแล้วพวกผมล่ะครับคืออะไร คุณปู่หรือ

 

 

เฉียวเหลียงกล่าวต่อไป “ฉันคิดว่าช่วงนี้สภาพผิวหน้าฉันไม่ค่อยดี นายคิดว่าฉันควรดูแลรักษาผิวพรรณเป็นประจำบ้างไหม ฉันดูแก่ไหม”

 

 

“ไม่เลยครับ.. ผมไม่คิดอย่างนั้นเลย…” กู้อวิ๋นร้องอยู่ในใจ เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อยครับ! นายน้อยไม่เคยใส่ใจกับผิวพรรณตัวเองมาก่อน ทำไมอยู่ๆ ถึงต้องการดูแลผิวพรรณขึ้นมา!

 

 

เฉียวเหลียงขมวดคิ้ว “ฉันคิดว่าสภาพผิวฉันไม่ค่อยดีจริงๆ ช่วงที่ผ่านมา” เขาเงยหน้าขึ้นมองกู้อวิ๋น “เข้าไปในร้านผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซื้อมาสก์มาให้ฉัน แล้วก็ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวชนิดอื่นๆ ด้วย”

 

 

กู้อวิ๋นอึ้ง “… นาย… นายน้อย… แน่ใจหรือครับ”

 

 

เขาจำได้ว่าเมื่อครั้งที่คุณเก้าบอกให้นายน้อยดูแลผิวอย่างจริงจังก่อนหน้านี้ นายน้อยมองหน้าคุณเก้าด้วยสายตารังเกียจ และเรียกเขาว่า ‘คุณชายผิวบาง’ นี่นายน้อยผีเข้าหรือเปล่า

 

 

เมื่อเห็นกู้อวิ๋นขมวดคิ้วและท่าทางเป็นกังวล เฉียวเหลียงก็ถามว่า “มีปัญหาหรือ”

 

 

“ไม่มีปัญหาครับ!” กู้อวิ๋นเปิดประตูรถ “ผมจะรีบไปซื้อทุกอย่างเดี๋ยวนี้! นายน้อยอยากได้มาสก์แบบไหนครับ”

 

 

“มาสก์แบบที่เป็นที่นิยมที่สุด… ในบรรดาเด็กหนุ่ม!” เฉียวเหลียงกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย และคิดอยู่คนเดียวอย่างภาคภูมิใจ ฉันก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเหมือนกัน!