ตอนที่ 615

Alchemy Emperor of the Divine Dao

หลิงฮันเดินเข้าไปในหมู่บ้าน

มันดูเหมือนเป็นสุสานที่เงียบงัน และไม่มีเสียงแม้แต่เสียงเดียว

“มันเงียบเกินไป!” ฉินหยียเย่วกล่าวขณะจ้องมองแสงจันทร์ มันราวกับว่าจะมีสัตว์อสูรกระโจนออกมาได้ทุกเมื่อ

“ไม่มีแม้แต่เสียงลมหายใจหรือเสียงหัวใจเต้น!” จูเสวี่ยนเอ๋อรู้สึกหวาดกลัว

สำหรับจอมยุทธแล้ว พวกเขาสามารถได้ยินเสียงหัวใจเต้นได้ไกลถึงร้อยฟุต แม้จะมีกำแพงกั้นสองสามชั้นก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ทว่าที่นี่แม้แต่เสียงเห่าหอนของสุนัข เสียงไก่ และแม้กระทั่งเสียงเป็ดยังไม่มีให้ได้ยิน

ราวกับว่าหมู่บ้านแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานานหลายปี แต่มันดูเหมือนว่าเมื่อไม่นานมานี้ยังมีผู้คนอาศัยอยู่

“แปลกมาก!”

เย่หรงเองก็เดินเข้ามาในหมู่บ้านเช่นกัน มันแสยะยิ้มและพูดว่า “แค่หมู่บ้านสมัญชน พวกเจ้าจะเอะอะอะไรกัน?”

ไม่มีใครสนใจเขาแม้แต่คนเดียว ในทางตรงกันข้าม มันทำให้ทุกคนเกิดความอยากรู้อยากเห็น

หลิงฮันผลักประตูบ้านหลังหนึ่งและเดินเข้าไป ด้านในเต็มไปด้วยเครื่องเรือน แม้แต่โต๊ะยังเต็มไปด้วยอาหาร และแน่นอนว่าอาหารพวกนั้นเย็นหมดแล้ว แต่กลิ่นของพวกมันยังไม่หายไปและยังไม่เสีย

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและผู้คนทั้งหมู่บ้านตายหมดแล้ว แม้กระทั่งปศุสัตว์!

ในขณะที่กำลังตรวจค้นบ้าน หลิงฮันเดินเข้าไปตรวจดูห้องอื่นและเห็นร่องรอยของการต่อสู้ และมีโลหิตอยู่บนพื้นและบนผนังกำแพง

“มันน่าจะมีการต่อสู้เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่การต่อสู้ใหญ่โตอะไร น่าจะเป็นแค่การทะเลาะวิวาทเท่านั้น” ฉินหยีเย่วสันนิษฐาน

“แล้วทำไมผู้คนทั้งหมู่บ้านถึงตาย แม้กระทั่งปศุสัตว์กันล่ะ?”

มันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก ถ้าคนสองคนทะเลาะวิวาทกันจริง มันไม่มีทางทำให้คนทั้งหมู่บ้านต้องตกตาย

หลิงฮันเดินสำรวจห้องด้านใน และทันใดนั้นเขาก็เห็นรอยเท้า

ตู้ม เงาดำกระโจนผ่านหลิงฮันอย่างกะทันหัน มันอ้าปากเผยให้เห็นฟันสีขาวและต้องการที่จะกัดเย่หรง

“หึ่ม เจ้ากล้าโจมตีข้างั้นรึ?” เย่หรงกล่าวออกมาด้วยความเหยียดยาม เขาโจมตีออกไปด้วยฝ่ามือข้างขวา ทำให้ร่างของอีกฝ่ายกระเด็นออกไปและปรากฏรอยเลือดที่หน้าพาก

“หืม!” หลิงฮันรู้สึกตกใจ มือขวาของเขาสั่นเล็กน้อยและพลังก่อเกิดได้แปรผันกลายเป็นเปลวเพลิง ทำให้พื้นที่โดยรอบสว่างขึ้นมาทันที และคนที่มีโลหิตบนหน้าผาก แต่มันกลับไม่มีโลหิตไหลออกมาและเป็นแค่รูกลวงเท่านั้น

“เจ้ายังติดใจอะไรอยู่อีก?” เย่หรงไม่พอใจ แทนที่จะไปหุบเขาโอสถ ทำไมต้องมาเสียเวลาที่นี่ด้วย?

“พวกมันเป็นทหารซากศพ!” หลิงฮันขมวดคิ้ว คนคนนี้ตายไปนานแล้ว ดังนั้นเลือดของเขาจึงแข็งตัว และถ้าศพไร้ซึ่งวิญญาณ มันจะหลงเหลือเพียงแค่สัญชาตญาณดั้งเดิมเท่านั้น

ฆ่าและกลืนกินเลือดเนื้อสิ่งมีชีวิตอื่น

ทหารซากศพพวกนี้แอบซุ่มโจมตีอยู่ในบ้าน หลังจากที่พวกมันได้กลิ่นของสิ่งมีชีวิตอื่น พวกมันเลยเคลื่อนไหว

ข้อสงสัยของพวกเขากระจ่างแล้ว ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งอก เพราะสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความไม่รู้  และตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่

“แปลกแฮะ ทำไมที่นี่ถึงมีทหารซากศพ หรือว่าพวกมันจะเป็นนิกายพันศพ?’ หลิงฮันพูดพึมพัม นิกายพันศพเป็นนิกายที่แข็งแกร่งตั้งแต่อดีต ถึงขั้นล้อมกรอบเมืองหมื่นสมบัติได้ด้วยรูปแบบอาคมสังหารที่สี่ ถ้าไม่ใช่เพราะเฟิงผั่วหยุน เมืองหมื่นสมบัติคงตกอยู่ในมือของนิกายพันศพไปแล้ว

หลิงฮันรู้สึกว่านิกายพันศพที่อยู่ในช่วงตกต่ำจะกลับมามีบทบาททั่วโลกอีกครั้ง

มันจะเป็นยุคที่รุ่งโรจน์ที่สุดและเลวร้ายที่สุด

“พวกมันก็แค่ทหารซากศพชั้นต่ำเท่านั้น” เย่หรงรู้ว่ามันเป็นทหารซากศพระดับใด ไม่ได้พูดออกมาด้วยความอวดดี

หลิงฮันออกไปตรวจสอบทั้งหมู่บ้านอีกครั้ง และพบทหารซากศพทั้งหมดห้าตัว เรื่องที่ทำให้เขาตกใจมากที่สุดคือมีทหารซากศพสองตัวที่แข็งแกร่งกว่าตัวอื่นอย่างเห็นได้ชัด พวกมันน่าจะกลืนกินทหารซากศพตัวอื่นทำให้แข็งแกร่งกว่าตัวอื่น

ตอนที่อยู่หุบเขาจันทราล่วงหล่น หลิงฮันได้หยุดแผนการของนิกายพันศพที่จะใช้ผู้คนทั้งหมดในดินแดนทางตอนเหนืออันโดดเดี่ยวเป็นทหารซากศพ และให้พวกมันกลืนกินกันเองจนให้กำเนิดทหารซากศพระดับราชา

หรือว่าตอนนี้นิกายพันศพกำลังจะสร้างความวุ่นวายในภูมิภาคกลาง?

ในแง่ของจำนวนประชากร ภูมิภาคกลางเพียงพอที่จะสร้างทหารซากศพระดับราชาได้หลายตัว แต่ปัญหาคือที่ภูมิภาคกลางมีขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างนิกายกระบี่ไร้เทียมทานและนิกายดาบสวรรค์อยู่ แล้วนิกายพันศพจะสร้างความวุ่นวายได้อย่างไร?

หลิงฮันกลับไปเดินบนถนน หลังจากที่ผ่านหมู่บ้านเล็กๆหลายแห่ง พวกเขาก็พบว่าชาวบ้านกลายเป็นทหารซากศพหมดแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้มีแค่หลิงฮันเท่านั้นที่ตกใจ แม้แต่ฉินหยีเย่วและเย่หรงเองก็ตกใจ

นิกายพันศพพวกมันคิดทำอะไรกันแน่?

พวกเขาไม่พบเจอผู้คนของนิกายพันศพ เพราะพวกเขาเดินลึกเข้าไปในป่า และด้วยการนำทางของฉินหยีเย่ว ในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงหุบเขา

หลังจากที่เดินผ่านช่องแคบของหุบเขาไปได้หลายสิบก้าว ช่องแคบเริ่มกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ด้านบนถูกปกคลุมด้วยชั้นหิน แสงที่รอดผ่านมาแม้จะไม่สว่างมากนัก แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ทุกคนมองเห็นเส้นทาง

หลังจากเดินไปได้ชั่วครู่ พวกเขาก็เดินมาถึงปากทางเข้าของหุบเขา และมีผลวิญญาณระดับเจ็ดอยู่ในปากทางเข้าหุบเขา มันเป็นต้นพีชที่เต็มไปด้วยผลสีแดง ซึ่งมีขนาดเท่าชาม แม้จะอยู่ไกลก็ยังได้กลิ่นหอมของมัน

ช่วยไม่ได้ที่ทุกคนจะรู้สึกตื่นเต้น และแทบจะอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะเด็ดมาชิม ในขณะเดียวกันน้ำลายของฮูหนิวนั้นหยดไหลออกมาราวกับเป็นสายน้ำ

แต่ทว่ากลับไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหว เพราะมันมีสัตว์อสูรเฝ้าอยู่ที่หน้าปากทางเข้าหุบเขา

มันเป็นเสือดาวขนเทา สัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้า

สัตว์อสูรระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้าแน่นอนว่าย่อมแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้าทั่วไป เพราะสัตว์อสูรมีขนที่แข็งและหนา ฟันและกรงเล็บของมันเทียบได้กับแร่เหล็ก จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่มันจะแข็งแกร่งกว่าจอมยุทธที่เป็นมนุษย์

“เป็นไปได้ยังไงกัน!” เย่หรงขมวคิ้ว แม้ว่ามันจะเชื่อมั่นในความแข็งแกร่งของตัวเองว่าสามารถหยุดจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณได้ แต่สัตว์อสูรที่อยู่ในระดับตัวอ่อนวิญญาณขั้นเก้านั้นไม่ใช่อะไรที่มันสามารถต่อกรด้วยได้

แม้จะมีผลวิญญาณอยู่เบื้องหน้า แต่พวกเขาทำได้แค่มองเท่านั้น

หลิงฮันรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเขานำต้นลูกพีชไปปลูกในหอคอยทมิฬ เขาจะมีผลวิญญาณระดับเจ็ดให้กินทุกวัน!