DC บทที่ 316: เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับลูกสาวข้า

 

“เจ้าเรียกใครเป็นสุนัข ข้าจักฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้”

 

ไม่ต่ำกว่าจำนวนครึ่งหนึ่งขององครักษ์ในห้องนั้นพุ่งตัวเข้าไปยังซูหยางพร้อมกับอาวุธที่ยกขึ้น สายตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

“หยุด”

 

ชายวัยกลางคนพลันคำรามลั่น จนทำให้อากาศภายในห้องนั้นสั่นกระเพื่อม

 

องครักษ์เหล่านั้นพลันชะงักการเคลื่อนไหว

 

“กลับคืนสู่ที่” เจ้าซีกล่าว

 

“ขอรับ ท่านเจ้า”

 

แม้ว่าพวกเขาจะยังลังเล องครักษ์ต่างก็พากันกลับคืนสู่ที่ของตนเอง อย่างไรก็ตามสายตาของพวกเขายังคงจ้องเขม็งไปยังซูหยางและเต็มไปด้วยจิตสังหาร

 

“ผู้อาวุโสจงเขาเป็นคนที่ฆ่าคนในเมืองของข้าหรือไม่” เจ้าซีถามเขา

 

“เรียนท่านเจ้า ข้ามิคิดว่าเขาเป็นผู้ร้าย”

 

“โห อธิบายให้ข้าฟังว่าทำไมท่านจึงคิดว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านเป็นคนที่พูดเองไม่ใช่รึว่าสำนึกกระบี่นั้นเป็นของเขา หรือว่าเขามิใช่เซียวหยาง”

 

“เซียวหยางเป็นชื่อปลอม ชื่อจริงของเขาคือซูหยาง” ผู้อาวุโสจงกล่าว “ส่วนที่ว่าทำไมข้าจึงเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์ก็เพราะ….เขามีข้ออ้าง”

 

“ชื่อปลอมรึ นั่นมิใช่เรื่องผิดปกติอะไรในหมู่ผู้ฝึกยุทธ” เจ้าซีครุ่นคิดในใจ

 

“ให้ข้าได้รับรู้ถึงข้ออ้างของเขาด้วย”

 

ผู้อาวุโสจงแสดงความลังเลเมื่อเจ้าซีถามคำถามเช่นนั้น

 

“มีอะไรรึ ผู้อาวุโสจง ทำไมเจ้าจึงลังเล หรือว่ามีอะไรที่จะต้องซุกซ่อนไว้” เจ้าซีกดดัน

 

ผู้อาวุโสจงแอบถอนใจและกล่าวว่า “เมื่อข้าคนนี้เข้าไปเยี่ยมนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่โรงเตี๊ยม ซูหยางยังคงฝึกฝนวิชาอยู่ และสามารถยืนยันได้ชัดเจนโดยผู้นำนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยว่าเขาได้อยู่ที่นั่นนับตั้งแต่พวกเขาไปถึงโรงเตี๊ยมก่อนที่การฆาตรกรรมได้เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทำความผิด”

 

เจ้าซีมองดูผู้อาวุโสจงด้วยท่าทางงุนงงและกล่าวว่า “นั่นเป็นข้ออ้างประเภทไหนกัน ผู้อาวุโสจง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขามิได้แอบออกมาระหว่างที่เขาฝึกวิชา หรือว่าผู้นำนิกายอยู่ข้างเขาตลอดเวลางั้นรึ” เจ้าซีตั้งคำถามเขา

 

“ท่านเจ้า… การฝึกวิชาที่ข้าพูดถึงมิใช่การฝึกฝนปกติทั่วไป แต่เป็น…การฝึกวิชาคู่…” ผู้อาวุโสจงเกือบสำลักเมื่อเขาต้องพูดเช่นนั้น

 

“ท-ท่านพูดอะไรไป” เจ้าซีมีท่าทางแข็งทื่อจากความประหลาดใจ

 

“ซูหยาง… เขามิได้ฝึกวิชาตามลำพัง… ตามจริงแล้วยังมีหญิงสาวอีกสองนางอยู่ข้างเขาด้วยเมื่อข้าเห็นเขา… และพวกเธอดูเหมือนจะค่อนข้างอ่อนเพลีย…”

 

หลังจากที่ผู้อาวุโสจงจบคำพูดของเขา ทั้งสถานที่พลันเงียบสงัด

 

“นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่” ซูหยางอ้าปากพูดทำลายความเงียบ “แรกสุดท่านขัดขวางการฝึกวิชาของข้า จากนั้นท่านก็ลากข้ามาตามทางถึงที่นี่ และตอนนี้ข้าก็กำลังถูกตัดสินราวกับว่าเป็นผู้ร้ายอะไรสักอย่าง ถ้าท่านมิมีคำอธิบายที่ดีสำหรับเรื่องนี้ ต่อให้ท่านเป็นถึงตระกูลซี ก็อย่าหาว่าข้าหยาบคาย”

 

“หุบปากเน่าของเจ้า ใครให้สิทธิ์ในการพูดแก่เจ้ากัน และเจ้าก็มิได้เป็นอย่างอื่นนอกจากคนหยาบคายนับตั้งแต่ทันทีที่เจ้าก้าวเข้ามาภายในห้องนี้แล้ว” หนึ่งในองครักษ์คำรามใส่เขา

 

“…” เจ้าซีจ้องมองซูหยางด้วยแววตาสงสัย ถ้าเขามิได้ฆ่าผู้อาวุโสนิกายเช่นนั้นใครเป็นคนทำ

 

“ถ้าผู้อาวุโสจงเชื่อว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นข้าก็จักมิติดตามหัวข้อนี้จากเขาอีกต่อไป” เจ้าซีกล่าวในเวลาถัดไป

 

จากนั้นเขาก็หันไปมองดูซูหยาง

 

“เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าพบที่กล้าแสดงท่าทางโอหังต่อหน้าตระกูลซีของข้า อย่างไรก็ตาม ข้าจักทิ้งเรื่องนี้ไปนับแต่นี้ เซียว…ซูหยาง ใช่ไหม ข้ามีเพียงแค่คำถามง่ายๆข้อหนึ่งสำหรับเจ้า”

 

เจ้าซีหรี่ตาลง มองดูคล้ายกับว่าเขาเตรียมตัวฆ่าซูหยางถ้าเขาตอบผิดและกล่าวต่อว่า “เจ้ามีความสัมพันธ์อะไรกับลูกสาวข้า”

 

“เราเป็แค่เพียงคนรู้จักที่ได้แลกเปลี่ยนคำพูดไม่กี่คำก่อนหน้านี้ ดังนั้นจึงมิมีอะไรระหว่างเรา” ซูหยางกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย

 

“อย่างนั้นรึ” เจ้าซีมีความสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างซูหยางและลูกสาวของเขา ซีซิงฟาง ว่าไปแล้ววิธีที่ซีซิงฟางมีปฏิกิริยาต่อชื่อของเขาบ่งบอกถึงบางอย่างที่ใกล้ชิดยิ่งกว่านั้น

 

“แต่ถึงแม้ว่าเราจะยังเป็นเพียงคนรู้จักตอนนี้ นั่นก็จักต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคต”

 

ซูหยางพลันพูดต่อ

 

“จ-เจ้าเพิ่งพูดอะไรไป”

 

ไม่เพียงแค่เจ้าซี กระทั่งผู้อาวุโสจงก็มองดูเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเต็มไปด้วยความตระหนก

 

“ในเมื่อท่านเป็นพ่อของเธอ ข้าควรยอมให้ท่านรู้เป็นการล่วงหน้าว่าข้าวางแผนที่จะเป็นมากกว่าคนรู้จักกับลูกสาวท่าน” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า “มิเพียงแต่เธอจะสุภาพสะสวยแต่ร่างกายของเธอก็ค่อนข้างพิเศษและน่าประทับใจเช่นกัน”

 

“ช่างกล้านัก”

 

จิตสังหารพลันปกคลุมทั้งห้อง

 

อย่างไรก็ตามไม่ใช่องครักษ์ที่ปลดปล่อยจิตสังหารนั้น กลับกันเป็นเจ้าซีซึ่งมองดูซูหยางราวกับว่าเขาเป็นคนที่ตกตายไปแล้ว

 

เจ้าซีเป็นคนใจคอหนักแน่นด้วยมีความอดทนสูง ด้วยเหตุนั้นเขาจึงไม่ได้นำเรื่องความเย่อหยิ่งของซูหยางมาใส่ใจ อย่างไรก็ตามเมื่อมาถึงเรื่องของลูกสาวแก้วตาแก้วใจของเขา เขากลายเป็นคนที่แทบจะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิง

 

“เจ้าลองกล้าพูดถึงลูกสาวข้าอีกสักครั้ง”

 

พลังอำนาจอันลึกล้ำของเขตอัมพรวิญญาณระดับสูงสุดปลดปล่อยออกมาจากร่างของเจ้าซีและเขาก็ยืนขึ้นตรงเข้าไปหาซูหยางด้วยจิตคุกคาม

 

อย่างไรก็ตามซูหยางไม่ได้เป็นคนประเภทที่ขี้ขลาดภายใต้แรงกดดัน ความจริงแล้วเขาจะยิ่งเติบโตภายใต้สถานการณ์แบบนั้น

 

“มีอะไรผิดไปกับการที่ข้าเผยความรู้สึกต่อลูกสาวท่านรึ นั่นเป็นอาชญากรรมรึไง ข้ามิอาจจินตนาการได้ว่ามีชายคนอื่นอีกมากมายเพียงใดในโลกนี้นอกจากข้าที่ต้องการจะได้ควงเทพธิดาเช่นนั้น”

 

“เจ้าเลว”

 

โดยไม่มีการเตือน เจ้าซีเหวี่ยงหมัดไปยังซูหยางด้วยพลังการฝึกปรือเกือบทั้งหมดในนั้น

 

ซูหยางยิ้มกับการโจมตีที่เข้ามาและต่อยหมัดไปข้างหน้าเช่นกัน

 

บูม

 

เมื่อหมัดของพวกเขาปะทะกัน ปราณไร้ลักษณ์ในหมัดของพวกเขาก็ระเบิดออก จนทำให้ทั้งอาคารสั่นไหว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าค่ายกลป้องกันที่ปกป้องสถานที่นี้อยู่ บ้านตระกูลซีคงต้องแหลกสลายลงกับพื้นจากการแลกหมัดของพวกเขาเมื่อกี้นี้

 

“อาาา”

 

เจ้าซีปลิวกลับหลังไปจากแรงกระแทก ลงสู่พื้นห่างออกไปหลายเมตร

 

“ท่านเจ้า”

 

องครักษ์ต่างพากันตระหนกไปชั่วขณะ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าเจ้าซียังคงไม่เป็นไร พวกเขาก็ถอนหายใจโล่งอก

 

ส่วนสำหรับซูหยาง เขาเพียงก้าวถอยหลังไปเพียงหนึ่งก้าวหลังจากการปะทะ

 

“เจ้า..” เจ้าซีมองดูซูหยางด้ายท่าทางตระหนก ดูเหมือนว่าไม่อยากเชื่อ

 

เมื่อมาคิดว่าตัวเขาเองซึ่งเป็นผู้ฝึกวิชาเขตอัมพรวิญญาณระดับสูงสุด จะต้องมาพ่ายให้กับใครก็ไม่รู้คนนี้ในการแลกหมัดที่ต้องใช้เพียงพลังปราณไร้ลักษณ์ นั่นช่างเป็นเรื่องที่น่าตระหนกอย่ามาก

 

“เจ้ากล้าลงมือต่อท่านเจ้าได้อย่างไร ทิ้งชีวิตเจ้าไว้ที่นี่ซะ”

 

องครักษ์ในห้องต่างพากันลงมือพุ่งเข้าไปหาซูหยางพร้อมกับยกอาวุธขึ้น กระทั่งผู้อาวุโสจงก็ยังดึงกระบี่ของตนเองออกมา

 

“เดี๋ยวก่อน”

 

เจ้าซีพลันคำราม

 

“ท-ท่านเจ้า”

 

องครักษ์ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าซีจึงยับยั้งพวกเขาไว้ทั้งที่มาถึงจุดนี้แล้ว หรือว่าพวกเขาจะได้รับการยอมให้ลงมือหลังจากที่เขาตายไปแล้ว

 

“พวกเจ้ามิเห็นการแลกหมัดของพวกเราเมื่อกี้นี้รึ พวกเจ้ามิมีใครสักคนที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขา กระทั่งต่อให้พวกเจ้าทั้งหมดรุมก็ตาม” เจ้าซีพูดอย่างรวดเร็ว

 

“…”

 

องครักษ์พากันกัดฟัน ต่อให้พวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันพวกเขาก็ยังไม่อาจที่จะสยบเจ้าซีได้ ยิ่งกว่านั้นซูหยางซึ่งสามารถต้านทานการจู่โจมของเขาได้อย่างง่ายดาย

 

“ซูหยาง… เจ้า… เจ้าเป็นใครกัน ไม่.. เจ้าเป็นมิตรหรือศัตรู”

 

ผู้อาวุโสจงถามเขาพร้อมขมวดคิ้ว หลังจากที่เห็นการประมือของซูหยางกับเจ้าซี นั่นก็เห็นชัดเจนแล้วว่ากระทั่งตัวเขาเองก็ไม่อาจสยบอีกฝ่ายได้ แม้ว่าเขาจะถูกยกย่องว่าเป็นจอมกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปตะวันออก เขายังคงตามหลังเจ้าซีในด้านพลังการฝึกปรืออีกหลายก้าว

 

“อย่ากังวล ข้ามิได้มาที่นี่วันนี้ด้วยเจตนาที่จะสร้างปัญหา” ซูหยางกล่าวด้วยท่าทางเรียบเฉย “ถ้าข้าต้องการทำร้ายตระกูลซีของท่าน ข้าควรจะทำมันไปแล้วตั้งแต่เราพบกันครั้งแรก”

 

“เช่นนั้นอะไรคือเจตนาทั้งหมดนี้”

 

“ข้าเพียงแค่ต้องการพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้น”

 

“พิสูจน์ อะไรที่เจ้าต้องการที่จะพิสูจน์ที่นี่” เจ้าซีถามเขาด้วยท่าทางงุนงง

 

“ท่านจักรู้เรื่องนี้ไม่เร็วก็ช้า” ซูหยางพูดด้วยรอยยิ้มลึกลับ

 

“ว่าไปแล้ว ที่ข้าพูดเพื่อยั่วยุท่านให้โจมตีข้าเมื่อกี้ ข้าหวังว่าท่านคงมินำมันมาใส่ใจ”

 

“…”

 

ทั้งห้องพลันเงียบลงไปในทันที

 

“ส่วนสำหรับความสัมพันธ์ของข้ากับนายหญิงน้อยนั้น จริงแล้วเรามิได้มีอะไรพิเศษเกิดขึ้น และข้าก็มิได้มีแผนที่จะไล่ตามเธอ”

 

แม้ว่าซีซิงฟางจะเป็นหญิงสาวสวยสุดยอดและมีกระทั่งร่างสวรรค์ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ซูหยางไล่ตามเธอได้ อย่าว่าจะคลั่งไคล้ในตัวเธอ ในเมื่อเธอไม่ได้มีคุณสมบัติมากปานนั้น แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรพูดออกมาดังๆ

 

“อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านชักนำข้ามาที่นี่เพียงแค่เรื่องสองอย่างนี้เท่านั้น เช่นนั้นข้าจักขอตัวก่อนในตอนนี้”

 

ซูหยางหันกายและเริ่มมุ่งตรงไปทางออก

 

“ด-เดี๋ยวก่อน” เจ้าซีพลันหยุดเขาไว้

 

ซูหยางหยุดเดินและหันกลับไปมองยังเจ้าซี “เร็วหน่อย ข้ายังมีคนรอข้ากลับไปด้วยความกระวนกระวาย ในเมื่อการฝึกวิชาของพวกเราถูกขัดขวางจากใครสักคนที่นี่” เขาพูดด้วยเสียงเรียบเฉย