ตอนที่ 485 ของขวัญที่แทบจะกระอักเลือด

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ถึงแม้ว่าอวิ๋นฮุ่ยจะรู้จักสถานะที่แท้จริงของมู่เฉียนซี แต่ก็ถูกเขาใช้เป็นโล่กำบังจนเสียชีวิตลงไปแล้ว จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยว่าหญิงสาวที่ได้หม้อเทพนิรันดร์ไปครอบครองผู้นั้น คือมู่เฉียนซีผู้นำตระกูลมู่

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นาฬิกาทรายนี้ใช้เพื่อคำนวณเวลาตายของคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้ง หวังว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งยินดีรับมันไว้”

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนโกรธเกรี้ยวขึ้นทันที “เจ้า……นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าบังอาจมาเหยียบสำนักอวิ๋นเยียนของข้า แถมยังกล้ามากล่าววาจาเช่นนี้อีก!”

น่าหลานอวี้กล่าวแทรกขึ้น “เจ้าสำนัก วันนี้เป็นงานวันเกิดของบุตรสาวท่าน ข้าว่าท่านไม่ควรลงมือกับแขกคนพิเศษในเวลานี้หรอกนะ!”

“คิดจริง ๆ เหรอว่าข้าไม่กล้า ? ” เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนจ้องมองมู่เฉียนซีด้วยความโกรธเกรี้ยว

หากไม่ใช่เพราะนางที่ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บจนสาหัส เขาก็คงไม่ต้องเก็บตัวรักษาตัวนานถึงเพียงนี้ นี่ก็เพิ่งออกมาเจอผู้คนได้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเอง

ในตอนนี้เอง ชายคนหนึ่งก็เข้ามาซุบซิบข้างหูเจ้าสำนักอวิ๋นเยียน จนในที่สุดเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนก็ระงับไฟโทสะลง

นังเด็กผู้นี้เกือบฆ่าเขาตายที่ดินแดนลึกลับในตอนที่ไปแย่งชิงหม้อเทพนิรันดร์ทีนึงแล้ว ไม่ง่ายที่จะต่อกรแน่ ๆ!

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนจ้องมองไปที่นาฬิกาทรายนั้นและกล่าวว่า “ข้าว่า นาฬิกาทรายนี้เป็นนาฬิกาที่คำนวณเวลาตายของเจ้ามากกว่า! งั้นข้าก็จะไม่เกรงใจที่จะรับไว้”

“ข้าก็มีของขวัญชิ้นใหญ่ให้คุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งเหมือนกัน แต่มันหนักมากเลยนะ! พวกเจ้ายืนดี ๆ ล่ะ” จากนั้นก็ถึงตาที่เชียนอ้าวเซี่ยมอบของขวัญแล้ว

ปังงงงงงงง!

สิ่งที่เชียนอ้าวเซี่ยนำออกมานั่นก็คือโลงศพที่มีน้ำหนักหนึ่งพันชั่ง เป็นโลงศพสีดำอมแดง!

นี่ของขวัญวันเกิดรึ ?

ของขวัญวันเกิดใครเขาให้โลงศพกันล่ะ ?

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ “องค์รัชทายาท นี่……”

“เอาโลงศพมามอบเป็นของขวัญวันเกิดมันดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นะพ่ะย่ะค่ะ!”

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าว “นี่แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว! ต้องเตรียมพร้อมให้กับคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งสักหน่อยไม่ใช่เหรอ ? หากคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งเป็นอะไรขึ้นมา แล้วเจ้าสำนักไม่มีเวลาไปหาโลงศพที่เหมาะสมให้นาง ก็ใช้โลงศพนี้ พอดีเลยหนิ่”

“เวลาฉุกละหุก หาโลงศพดี ๆ ไม่ได้ ถึงตอนนั้นมันจะดูไม่สมเกียรติของคุณหนูอวิ๋นเฟิ้งเอานะ”

ทุกคนต่างก็ตื่นตระหนกขึ้น วันนี้เป็นวันดีของคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้ง แต่คนเหล่านี้กลับมากล่าววาจาความตายของคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งต่อหน้าเจ้าสำนักเช่นนี้

เชียนอ้าวเซี่ยกล่าวขึ้นว่า “หากเจ้าสำนักอวิ๋นไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้ แสดงว่าไม่อยากต้อนรับข้าแน่ ๆ งั้นข้ากลับวังดีกว่า”

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า “กระหม่อมจะไม่ต้อนรับองค์รัชทายาทได้ยังไงกันล่ะพ่ะย่ะค่ะ! เด็ก ๆ มานี่สิ! เอาของขวัญที่องค์รัชทายาทมอบให้ไปเก็บ”

ต้องใช้ศิษย์นับสิบกว่าคนถึงจะยกของขวัญที่เชียนอ้าวเซี่ยมอบให้นี้ไปเก็บได้

มู่เฉียนซีกับเชียนอ้าวเซี่ยต่างก็มอบของขวัญให้เรียบร้อยแล้ว หวังว่าน่าหลานอวี้ผู้นี้จะไม่มีความคิดแย่ ๆ เหมือนสองคนนี้

น่าหลานอวี้กล่าว “ได้ยินมาว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งอายุสามสิบปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงาน รสชาติของการฝึกฝนที่ยากลำบาก บางทีมันก็น่าเบื่อ จืดชืดเหมือนกันนะ ข้าก็เลยให้คนคัดเลือกของขวัญที่พิเศษที่สุดมา หวังว่าคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งคงจะชอบ”

น่าหลานอวี้โบกมือ ลูกน้องของเขาก็แบกลังขนาดใหญ่มาหลายลัง!

ปังงงงงง!

ทันทีที่เปิดลังออกมา ก็พบกับเหล่าบรรดาชายหนุ่มโฉมงามและมีเสน่ห์หลายสิบคนยืนอยู่

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าสำนักอวิ๋นเยียน ของขวัญชิ้นนี้ของหัวหน้าน่าหลาน ทำให้คุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งคงไม่ต้องเสียเวลาไปจับชายหนุ่มโฉมงามเพื่อมาตอบสนองความเหงาของตัวเองแล้วหล่ะ!”

ชั่วครู่หนึ่งก็เกิดความอลหม่านขึ้น!

คุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งนาง……นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่านางจะ……

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ ถึงแม้ว่าอวิ๋นเฟิ้งจะชื่นชอบชายรูปโฉมงดงาม ทว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันแค่ในสำนักอวิ๋นเยียนเท่านั้น

มาวันนี้พวกเขากลับก่อเรื่องวุ่นวายนี้ขึ้น ทำให้คนทั่วทั้งเซี่ยโจวรู้ว่าอวิ๋นเฟิ้งนั้นเป็นคนไม่เรียบร้อย!

ถึงแม้เรื่องนี้จะไม่ใช่เรื่องด่างพร้อยสำหรับผู้เป็นอัจฉริยะที่สุดแห่งยุค แต่การที่มาพูดเรื่องนี้ในงานวันเกิดของนาง มันเป็นการทำลายนางชัด ๆ

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนกล่าวอย่างดุดันว่า “พวกเจ้าทำเกินไปแล้ว!”

น่าหลานอวี้กล่าวอย่างไร้เดียงสาว่า “หรือว่าเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนไม่ชอบของขวัญชิ้นนี้ คนที่ถูกคัดเลือกมาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนที่ข้านั้นได้ตรวจสอบสถานะและภูมิหลังมาอย่างดีแล้ว อีกอย่างพวกเขาล้วนแต่ยอมสมัครใจทุกคน”

“ใช้พวกเขาเหล่านี้ก็ดีกว่าที่สำนักอวิ๋นเยียนจะไปล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน และต้องจบลงด้วยการถูกทำลายล้างสำนักจนสูญสิ้นไปนะ!”

ท่าทางของน่าหลานอวี้กำลังบอกว่าเขาแน่วแน่มาก และจะทำให้เห็นว่าจะเป็นเช่นนั้น ทำให้เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนโกรธจนใบหน้าดำคล้ำ

“พวกเจ้า……พวกเจ้า……”

เป็นการรังแกกันเป็นอย่างมาก สองคนตรงหน้าสาปแช่งให้บุตรสาวของเขาตาย ส่วนน่าหลานอวี้ก็เปิดโปงเรื่องอื้อฉาวของบุตรสาวเขา ทุกคนก็ต่างรู้สึกได้ว่าพวกเขาไม่ได้มาร่วมอวยพรงานวันเกิด แต่กลับมาทำลายงานวันเกิดมากกว่า

พวกเขาทำเรื่องวุ่นวายถึงเพียงนี้ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากยิ่งกว่านั้นก็คือ เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนนั้นอดทนกับความโกรธนั้นได้

เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า “หัวหน้าน่าหลานช่างมีน้ำใจจริง ๆ ”

ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็ราวกับเห็นผีก็มิปาน สำนักอวิ๋นเยียนเป็นสำนักที่ผยองกำแหง และทำตัวเริบสืบสานมาโดยตลอด ตอนนี้มีคนมาแหกหน้าถึงสำนัก นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าพวกเขาอดทนไม่ลงมือกับคนเหล่านี้ได้!

มู่เฉียนซีกับน่าหลานอวี้หันมาสบตากับ สำนักอวิ๋นเยียนอดทนได้ถึงเพียงนี้ ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ พวกเขาต้องมีแผนอะไรซ่อนอยู่แน่นอน!

ครั้นแล้วเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนก็ให้ศิษย์ดูแลต้อนรับมู่เฉียนซีและพวก จากนั้นเขาก็ไปทักทายแขกคนอื่น ๆ หากอยู่ต่อปากต่อคำกันต่อ มีหวังเขาต้องโกรธพวกเขาจนทนไม่ได้แน่นอน

มู่เฉียนซีรอคอยอย่างเบื่อหน่ายเพื่อให้เจ้าของวันเกิดออกมา แต่จู่ ๆ นางกลับเหลือบไปเห็นร่างที่คุ้นเคยในมุมมุมหนึ่ง!

มู่เฉียนซี “ท่านอา หลานขอตัวสักครู่!”

ร่างในชุดสีม่วงเคลื่อนไหวเดินไปหาคนคนหนึ่ง นางกล่าวทักทาย “ชิวหลิง เจ้ามาอยู่ที่สำนักอวิ๋นเยียนได้ยังไง!”

ชิวหลิงตกใจผงะไป “แม่นางมู่……”

มู่เฉียนซี “ต้องขอบใจเจ้ามากที่มอบแผนที่นั้นให้กับข้า และข้าก็ได้พบสิ่งที่ข้าตามหาแล้วด้วย แล้วเจ้ามีปัญหาอะไรหรือไม่?”

“ขะ ข้า……”

ชายพุงพลุ้ยพรวดเข้ามาและกล่าวว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับเด็กน้อยนั่นแล้ว พวกเราไปขอความช่วยเหลือที่ตระกูลมู่ แต่ที่จวนไม่มีใครเลย ฮูหยินชิวก็เลยมาที่เจ้าสำนักอวิ๋นเยียนด้วยตัวเอง”

เป็นเพราะว่าตอนนั้นต้องรีบมาช่วยท่านอา ตระกูลมู่จึงไม่มีใครเลย นึกไม่ถึงว่าทางด้านชิวหลิงจะเกิดเรื่องขึ้น

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “หลินเอ๋อร์ถูกคนของสำนักอวิ๋นเยียนจับตัวมาเหรอ?”

บุตรชายของตัวเองถูกจับตัวมา ชิวหลิงจึงกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก!

นางพยักหน้าก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “หลินเอ๋อร์ถูกคนของสำนักอวิ๋นเยียนจับตัวมา ต้องหาตัวหลินเอ๋อร์ให้เจอ ไม่อย่างนั้นแล้วหลินเอ๋อร์ต้องตายแน่ ๆ”

“สำนักอวิ๋นเยียนจับตัวหลินเอ๋อร์มาทำไม?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม

“หลินเอ๋อร์เขา……”

ชิวหลิงเชื่อใจมู่เฉียนซี ในขณะที่นางกำลังบอกความลับนั้นกับมู่เฉียนซี จู่ ๆ ก็มีเสียงดังก้องขึ้น

“คุณหนูใหญ่แห่งเจ้าสำนักอวิ๋นเยียนมาแล้ว!”

ในที่สุดอวิ๋นเฟิ้งก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว ความสนใจของมู่เฉียนซีถูกเบี่ยงเบนไป ในไม่ช้าร่างในชุดสีแดงก็ลอยลงมาจากฟากฟ้า!

ในขณะที่ร่างของนางจรดลงมา นกกระจอกแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำสำนักที่ปักด้วยด้ายสีทองบนชุดของนางนั้น ดูราวกับมีชีวิตขึ้นมากางปีกโบยบินก็มิปาน

กลีบบุปผากำลังโรยร่วงลงมาจากท้องฟ้าปกคลุมไปทั่วพื้นพสุธา ต้องบอกเลยว่าการปรากฏตัวของคุณหนูใหญ่อวิ๋นเฟิ้งนั้นงดงามมาก!

รูปร่างโค้งเว้าเป็นสัดส่วนสวยงาม ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนและงดงามนั้นทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มหลงใหลเป็นอย่างมาก!

“ยังยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ ? คุณหนูใหญ่มาแล้ว รีบไปทำงานสิ!” หญิงสาวผู้หนึ่งท่าทางเหมือนสาวใช้ได้ดึงตัวชิวหลิงไป

ในเมื่อหลินเอ๋อร์ถูกขังไว้ที่สำนักอวิ๋นเยียน เช่นนั้นก็รอให้สำนักอวิ๋นเยียนพังทลายสิ้นไปก่อน ก็น่าจะหาตัวเขาเจอ มู่เฉียนซีส่งสายตาให้ชิวหลิงเพื่อบอกเป็นนัยให้เขาวางใจ

อวิ๋นเฟิ้งเหลือบมองทุกคนอย่างเย่อหยิ่ง และในขณะที่นางเห็นกับใบหน้าที่อ่อนโยนราวหยกอย่างที่ไม่มีใครใต้หล้านี้เทียบได้ นางก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางก็ก้าวเท้าเดินไปอย่างเชื่องช้าและกล่าวว่า “อวู่ซวง ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าต้องมา!”

.