ตอนที่ 1595 เลื่อนเป็นขั้นสิบ

Monster Paradise

ภายในหนึ่งนาที หลินฮวงกับอีกสองก็เก็บเกี่ยวของของเก้าเถาวัลย์เสร็จ

 

สำหรับต้นนิพพานที่ยังไม่เชื่อมต่ออีกกว่าสองร้อยต้น พวกเขาย้ายมันเข้าเขตแดนเทพของหลินฮวงจนหมด

 

พอพวกเขาเก็บของเสร็จ ทั้งสามก็ไม่คิดอยู่ พวกเขาหายไปจากอาณาเขตของเก้าเถาวัลย์

 

“ความผันผวนหยุดแล้ว”

 

อสูรแมลงอาร์กัสโผล่หัวออกจากพื้น เพ่งมองจากระยะไกลไปทางอาณาเขตของเก้าเถาวัลย์

 

อาณาเขตของสิ่งมีชีวิตตัวนี้อยู่ใกล้กับเก้าเถาวัลย์สุด มันจึงสัมผัสได้ถึงความผันผวนการต่อสู้ระหว่างเก้าเถาวัลย์กับกลุ่มหลินฮวงตลอด มันยังสามารถสัมผัสผลพวงของการต่อสู้ได้ด้วย

 

แต่ทว่า เพราะเก้าเถาวัลย์ททรงพลังมาก มันจึงไม่กล้าตรวจสอบด้วยจิตเทวะ

 

สุดท้าย มันก็ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นได้อีกและกระจายจิตเทททวะออกไปประมาณยี่สิบนาทีหลังความผันผวนหายไป

 

ตอนมันเห็นเศษซากที่เคยเป็นรังของเก้าเถาวัลย์ อสูรแมลงก็ตะลึงอยู่นาน

 

“กะ-เกิดอะไรขึ้น?!’

 

อึดใจต่อมา มันก็ยิ่งมั่นใจว่ากลิ่นอายของเก้าเถาวัลย์สลายหายไปแล้วหลังมันตรวจทั้งพื้นที่ด้วยจิตเทวะ

 

“มีคนฆ่าเก้าเถาวัลย์?!”พอได้ข้อสรุปนี้ เหงื่อเย็นก็ซึมผ่านเปลือกมัน

 

ในฐานะเพื่อนบ้านของเก้าเถาวัลย์ มันรู้ดีว่าเก้าเถาวัลย์ทรงพลังแค่ไหน แต่ทว่า กลับยังมีคนสามารถฆ่าตัวตนแบบนั้นได้ มันไม่สามารถคิดได้เลยว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหน

 

ตอนนี้ นอกจากอสูรแมลงอาร์กัส มอนสเตอร์หลายตัวรอบอาณาเขตของเก้าเถาวัลย์ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน พวกมันตัดสินใจมาเยือนและดูด้วยตัวเอง

 

ขณะที่ยอดฝีมือเหล่านี้กำลังเดินทางมา พวกหลินฮวงก็ใช้ประตูมิติออกไปนานแล้ว

 

ทั้งสามก้าวออกวังวนมิติที่อาคารร้างในโลกภายใน ซึ่งตั้งอยู่ไกลมากจากอาณาเขตของเก้าเถางัลย์

 

นี่คือพิกัดกลับที่พวกเขาตั้งไว้ก่อนเริ่มภารกิจ

 

ไม่มีมอนสเตอร์ระดับเทพสวรรค์แถวนี้

 

ทันทีที่พวกเขาก้าวออกวังวนมิติ เวอชุโอโซก็นำเอาผลึกออกจากมิติเก็บของและกระตุ้นอักขระบนนั้น

 

วินาทีต่อมา ม่านพลังโปร่งใสก็ก่อตัวแทบทันที ห่อหุ้มทั้งอาคาร

 

ภายใต้ม่านพลังนี้ กลิ่นอายของทั้งสามโดนตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์ พวกเขาจะไม่โดนสัมผัส

 

“ในสภาพปัจจุบันของเรา เราสองจะไม่สามารถออกหุบเหวได้ ถ้าเราถูกโจมตีระหว่างททางกลับ เราจะเป็นแค่ภาระให้เจ้า”เวอชุโอโซเก็บผลึกไปและหันไปพูดกับหลินฮวง”ฉะนั้น เราสองคนจะอยู่ที่นี่ชั่วคราว เราจะออกไปด้วยกันตอนเราฟื้นคืนความสามารถเราไม่มากก็น้อย”

 

“มันจะใช้เวลาประมาณแค่ไหน?”หลินฮวงถาม

 

“ข้าเดาว่าคงอย่างน้อยสิบวันถึงครึ่งเดือน”จิ่วเจี้ยนตอบคำถามนี้”ไพ่ตายที่เราฝืนใช้ก่อนหน้าร้ายแรงมาก เราต้องการเวลาเพื่อรักษาร่างกายกับจิตวิญญาณเพื่อให้ฟันเฟืองไม่ทิ้งบาดแผลไว้อีก”

 

ข้างเขา เวอชุโอโซพยักหน้า”เราอาจต้องลำบากเจ้าให้ปกป้องเรา”

 

“ได้!’หลินฮวงตอบตกลงทันี”งั้นมาแบ่งของกันก่อน”

 

พอเขาพูดจบ หลินฮวงก็นำของททั้งหมดที่สะสมออกมา รวมถึงต้นนิพพานกว่าสองร้อย

 

“ในการต่อสู้นี้ แม้เราสองจะช่วยเหลือจริง แต่เจ้าคือคนที่สมควรได้รับมากสุด ไม่ใช่แค่นั้น เจ้ายังฆ่าเก้าเถาวัลย์”เวอชุโอโซพูดขณะนำเอาสินสงครามที่สะสมออกมา”ถ้าเราพูดถึงผลงาน เราสองคนไม่มีสิทธิ์ได้รับอะไรเลย’

 

จิ่วเจี้ยนี่ยืนข้างๆไม่พูดอะไร เขาเองก็นำของออกมากองบนพื้น

 

“พวกเจ้าสองคนฆ่าเก้าเถาวัลย์กันนละครั้ง และยังใช้ไพ่ตายกันไปด้วย”หลินฮวงไม่รู้สึกว่าเขาควรรับทุกอย่าง

 

“เอาแบบนี้ นอจกากต้นนิพพาน ของททั้งหมดจะเป็นของเจ้า”เวอชุโอโซคิดสักพักและเสนอแผน”เจ้าเอาต้นนิพพานไปครึ่ง ส่วนข้ากับจิ่วเจี้ยนจะแบ่งอีกครึ่งที่เหลือกัน แต่ว่า เราจะไม่เอาไปฟรี ๆ เราจะแลกกับเจ้าด้วยราคาตลาดของจักรวาล”

“ข้าเห็นด้วย”จิ่วเจี้ยนยอมรับ

 

‘ไม่ต้องพูดถึงราคาตลาด พวกเจ้าแค่แบ่งไปกันเลย”หลินฮวงพูดอย่างใจกว้าง

 

“เจ้ารู้ไหมว่าต้นนิพพานมีค่ามากแค่ไหนในจักรวาล?”น้ำเสียงของเวอชุโอโซดูแปลกไป

 

“มากแค่ไหน?”ตอนนี้ที่เวอชุโอโซพูดขึ้นมา หลินฮวงจึงอยากรู้

 

“ราคาเริ่มต้นของต้นนิพพานระดับเทพสวรรค์ที่โรงประมูลคือสมบัติเทพสวรรค์ชั้นนำ”จิ่วเจี้ยนเผยความจริงด้วยรอยยิ้ม

 

หลินฮวงตกตะลึงตอนได้ยิน ซึ่งทำให้เขารีบเปลี่ยนใจ”งั้นข้าคิดว่าที่เจ้าเสนอมานั้นดีมาก แลกพวกมันด้วยราคาตลาดเถอะ”

 

ต้องรู้ว่าเวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนจะได้ต้นนิพพานกว่าร้อย มูลค่าของมันจะเทียบได้กับสมบัติเทพสวรรค์ชั้นนำกว่าร้อยชิ้น

 

แม้หลินฮวงจะไม่ขี้เหนียว แต่การทิ้งสมบัติเทพสวรรค์กว่าร้อยชิ้นก็ไม่ใช่อะไรที่เขาสามารถทำได้

 

“เจ้าอยากได้ผลึกเทวะหรืออย่างอื่นไหม?”เวอชุโอโซถาม

 

“ข้าไม่อยากได้ผลึกเทวะ มาแลกกับของอื่นแทนเถอะ แต่ข้ายังคิดไม่ออกว่าอยากได้อะไร”หลินฮวงพูด

 

“งั้นเราจะเป็นหนี้เจ้า บอกข้าว่าเจ้าอยากได้อะไรทีหลัง และข้าจะแจ้งจิ่วเจี้ยน”เวอชุโอโซพยักหน้า

 

“ตกลง”!

 

หลังทั้งสามคุยกัน ไม่ช้าพวกเขาก็แบ่งของ

 

เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนนั่งสมาธิและเริ่มรักษาบาดแผลภายใน

 

หลินฮวงเฝ้าดูสักพัก หลังไตร่ตรองเล็กน้อย เขาก็ทิ้งร่างแยกไว้ จากนั้นก็ออกอาคารไป

 

เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนต้องใช้เวลาเป็นสิบวันเพื่อรักษาบาดแผล เขาไม่สามารถรอเฉยๆได้ตลอด

 

นอกจากการช่วยเวอชุโอโซให้ได้รับผลึกเจ้าปราสาท จุดประสงค์การเข้าหุบเหวของหลินฮวงคือเพื่อยกระดับพลังของเขา

 

เพื่อทำเช่นนี้ เขาต้องปล้นพลังกฏเทพจำนวนมาก

 

นอกจากนี้ ในหุบเหว ยังมีมอนสเตอร์ระดับเททพสวรรค์จำนวนมากให้ฆ่า มันจึงเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบ

 

หลลังออกจากอาคารที่เวอชุโอโซกับจิ่วเจี้ยนอยู่ หลินฮวงก็ใช้จิตเทวะเพื่อค้นหามอนสเตอร์ระดับเทพสวรรค์ใกล้เคียง จากนั้นก็เริ่มการเข่นฆ่า

 

ในเวลาแค่หนึ่งวัน เขาฆ่าเทพสวรรค์ขั้นกลางกับสูงไปกว้าร้อย ได้รับพลังกฏเททพมากว่าร้อยล้านและพลังลำดับเทพกว่าพัน เลื่อนเป็นเทพแท้จริงขั้นเก้าได้สำเร็จ

 

หลังเลื่อนเป็นขั้นเก้า หลินฮวงสามารถรูสึ้กได้ว่านี่ยังไม่ใช่จุดจบของระดับเทพแท้จริง

 

หลังเลื่อนขั้น เขายังสามารถปล้นพลังกฏเทททพได้มากขึ้นโดยการฆ่าเทพสวรรค์ ร่างกายของเขายังไม่ถึงจุดสูงสุด

 

ดังนั้น เขาจึงเลือกเข่นฆ่าต่อ

 

สำหรับเรื่องนี้ เขาอยากดูว่าร่างกายของเขาจะรองรับพลังกฏเทพได้มากแค่ไหน อีกเหตุผลคือเขาอยากรู้ว่าจะยังมีขั้นสิบหลังขั้นเก้าไหม

 

หลินฮวงเจอปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆบางอย่าง

 

เหตุผลเพราะยอดฝีมือในโลกภายในเริ่มสังเกตเห็นว่ายอดฝีมือระดับเทพสวรรค์หายไปเป็นจำนวนมาก บางคนจึงไปซ่อนตัวในโลกพื้นผิว ขณะที่บางคนจับกลุ่มกันอยู่

 

แต่ทว่า นี่ไม่ส่งผลต่อการล่าของหลินฮวงมากนัก

 

อย่างรวดเร็ว เวลาผ่านไปสี่วัน ขีดจำกัดของจำนวนพลังกฏเทพที่หลินฮวงสามารถปล้นได้ถึงจุดสูงสุดใหม่

 

เขาประสบกับธรณีประตูเมื่อเขาได้รับพลังกฏเททพเกือบหกร้อยล้าน

 

เขาททะลวงผ่านจากขั้นเก้าเป็นขั้นที่ไม่มีใครเคยไปถึงมาก่อน เทพแท้จริงขั้นสิบ!

 

หลังเขาเลื่อนระดับขั้นพลังสำเร็จ หลินฮวงก็สังเกตว่าร่างกายของเขาสามารถรองรับพลังกฏเทพได้มากขึ้นอีกครั้ง

 

สิบวันต่อมา เขาออกล่าและปล้นพลังกฏเทพไม่หยุด แต่ทว่า เขาก็พบว่าประสิทธิภาพการปล้นของเขาเริ่มลดลง

 

มีเทพสวรรค์น้อยลงเรื่อยๆในโลกภายใน

 

เนื่องจากยอดฝีมือเทพสวรรค์ได้ตั้งกลุ่มสู้กับเขาหลายครั้งและทั้งหมดก็โดนสังหารอย่างต่อเนื่อง เททพสวรรค์ที่เหลือจึงหนีออกไป

 

เวลาที่เขาออกล่านั้น จำนวนพลังกฏเทพที่เขามีก็ทะลุเกินพันสามร้อยล้าน

 

แต่ทว่า จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซก็เริ่มออกจากการปิดประตูบ่มเพาะทีละคน หลินฮวงไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดการล่า

 

แม้พวกเขาจะใช้เวลาเกือบครึ่งเดือน ทั้งคู่ก็ยังไม่ฟื้นคืนสภาพสูงสุด พวกเขาแค่ฟื้นตัวได้มากสุดประมาณ 90%

 

แต่ทว่า ททั้งสองรู้ว่าพวกเขาต้องใช้เวลาหลายเท่าของเวลาที่ใช้ไปเพื่อฟื้นคืนสู่จุดสูงสุด ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจพอแค่นี้

 

ทันทีที่หลินฮวงกลับมา จิ่วเจี้ยนกับเวอชุโอโซก็พูดขึ้นแทบพร้อมกัน

 

“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้วเหรอ?!”

 

แม้หลินฮวงจะปิดบังพลังไว้ แต่พวกเขาก็คุ้นชินกับกลิ่นอายของเขาตั้งแต่ใช้เวลาด้วยกัน แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงจะเบาบางมาก พวกเขาก็สามารถสัมผัสได้

 

“เจ้าทะลวงไปถึงระดับเทพสวรรค์แล้วหรือ?!”จิ่วเจี้ยนอดถามไมได้

 

“มันไม่ดูเหมือนว่าเขาเป็นเทพสวรรค์แล้ว”ข้างเขา เวอชุโอโซหักล้างการคาดเดาของจิ่วเจี้ยน

 

“ข้าเพิ่งทะลุถึงขั้นเก้าเท่านั้น”หลินฮวงอธิบาย

 

เขาไม่เปิดเผยส่วนที่เหลือ ซึ่งว่าเขาทะลวงถึงขั้นสิบ

 

ทั้งคู่ไม่สืบสาวต่อหลังได้ยิน

 

เหนือสิ่งอื่นใด ไม่ว่าหลินฮวงจะพบเจอโอกาสใดก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา พวกเขาไม่กล้าซักถาม

 

“พวกเจ้าสองคนเป็นไงบ้าง?”ในความเป็นจริง หลินฮวงสามารถสัมผัสได้ว่าทั้งคู่ยังไม่ฟื้นคืนจุดสูงสุด เขายังสามารถเดาได้คร่าวๆว่าทำไมพวกเขาถึงรีบออกจากการปิดประตูบ่มเพาะ เขาแค่ถามดูว่าพวกเขาพร้อมยัง

 

‘เราไม่ได้อยู่ในสภาพที่เลวร้ายนัก”เวอชุโอโซพยักหน้า

 

“ใช่ เราไม่สามารถยื้อไปได้นานกว่านี้”จิ่วเจี้ยนพยักหน้า

 

การสำรวจของเหล่ายอดฝีมือจากมหาพิภพกำลังดำเนินการในหุบเหว แต่นั่นแค่ปฏิบัติการขนาดเล็ก มันไม่มีทางจะกินเวลายืดยาวนัก ถ้าพวกหลินฮวงล่าช้าไปกว่านี้ มันคงยากที่พวกเขาจะออกหุบเหวตอนยอดฝีมือระดับจ้าวเทวะจากมหาพิภพออกไป หากบังเอิญ ทั้งสามคงตกเป็นเป้าโดยกึ่งจ้าวเทวะหรือจ้าวเทวะ พอถึงตอนนั้น พวกเขาจะไม่สามารถออกไปได้แม้ต้องการก็ตาม

 

“งั้นก็ไปกัน!”หลินฮวงไม่พูดอะไรอีก

 

เวอชุโอโซเก็บผลึกไปและอัญเชิญวังวนมิติอีก ทั้งสามก้าวเข้าไปทีละคนโดยไม่ลังเล