ตอนที่ 377

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 377: สร้างปัญหา

 

อี้เทียนหยุนคิดว่าสวี่เฟยนั้นเป็นคนดี ตั้งใจทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยไม่คิดเอาเปรียบแม้แต่น้อย ทำตามสิ่งที่พูดจนสำเร็จ ช่วยให้เขาประหยัดเวลาไปได้มาก ทำให้เขารู้สึกพอใจสุดๆ

 

ทั้งยังคิดว่าสวี่เฟยคนนี้มีศักยภาพ ทำให้ในใจเขาคิดว่าจะลองฝึกคนผู้นี้ดู นำพาเขาเข้าไปยังถ้ำมังกรขดดูสักครั้ง ถือเป็นการให้รางวัลอีกฝ่าย ในเมื่อสวี่เฟยตั้งใจทำงานของตนอย่างเต็มที่ อี้เทียนหยุนก็คิดว่าควรจะมีรางวัลตอบแทนอีกฝ่ายสักหน่อย ในเมื่ออีกฝ่ายไม่อยากได้เศษหินวิญญาณ งั้นก็พาอีกฝ่ายเข้าไปด้วยแล้วกัน

 

หลังจากทำการตัดสินใจ สวี่เฟยก็ตื่นเต้น พร้อมกับเดินนำหน้าออกไป “ข้าเคยอยากจะเข้าไปมานานแล้ว แต่ว่าข้าไม่มีผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งไปเป็นเพื่อน พี่ใหญ่อี้ หรือว่าท่านจะมีพลังระดับผันแปรวิญญาณขั้นที่ 4 ที่ 5?”

 

เขาไม่สามารถมองเห็นระดับของอี้เทียนหยุน ผู้มีระดับสูงสามารถมองเห็นพลังของผู้ที่มีระดับต่ำ แต่ผู้มีระดับต่ำไม่สามารถมองเห็นพลังของผู้มีระดับสูง จะสัมผัสได้ก็เพียงคลื่นพลังที่อีกฝ่ายปล่อยออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

 

“ประมาณนั้น” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ถือว่ายอมรับคำพูดของเขา

 

ระดับของเขาก็เป็นประมาณนั้นจริงๆ เพียงแต่ว่าพลังรบของเขานั้นแข็งแกร่งกว่า พลังรบของเขาในตอนนี้นั้น มีพอๆ กับผู้มีพลังระดับวิญญาณเที่ยงแท้ขั้นที่ 2 ที่ 3 เลยทีเดียว

 

“งั้นนี่ก็ถือเป็นโชคของข้าจริงๆ ที่ได้มาพบกับพี่ใหญ่อี้ แต่ไม่รู้ว่าพวกเราจะเข้าไปยังถ้ำมังกรขดนี้ตอนไหน” สวี่เฟยยิ้ม

 

อี้เทียนหยุนยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร

 

หลังจากนั้น พวกเขาก็พากันปีนเขาขึ้นไป การปีนขึ้นไปนี้ความเสี่ยงไม่ได้สูงนัก เนื่องเพราะว่าที่นี่ไม่มีสัตว์อสูร แต่ความยากของมันไม่ได้อยู่ที่ว่ามีสัตว์อสูรหรือไม่ แต่ความยากของมันอยู่ที่การปีนขึ้นไปต่างหาก

 

ยิ่งสูงเท่าไหร่ แรงกดดันก็จะยิ่งมากเท่านั้น ซึ่งนี่ดูจากการการบิน ยิ่งบินขึ้นสูงเท่าไหร่ แรงกดดันก็ยิ่งมาก ไม่อย่างนั้น ระบบคงจะไม่เตือนเขา ว่าอย่างน้อยต้องเป็นผู้มีระดับก่อแกนวิญญาณถึงจะเข้ามาได้

 

ซึ่งสวี่เฟยนั้นมีพลังอยู่ในระดับหลอมรวม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก

 

เขากัดฟันแน่นพร้อมกับปีนขึ้นไปทีละขั้น แต่เพิ่งจะปีนขึ้นไปได้เพียงครึ่งทางก็ยากที่จะเดินไปต่อได้ ส่วนอี้เทียนหยุนที่อยู่ใกล้ๆ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เขาได้รับนั้น มากกว่าตอนที่อยู่ข้างล่างหลายเท่า ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มีน้ำหนักมากถึง 200,000 จิน

 

เรื่องนี้สำหรับผู้ที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องยาก แต่ถ้าระดับพลังถึง ต่อให้ร่างกายอ่อนแอก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะสามารถสร้างเกราะพลังวิญญาณขึ้นมาต้านทานแรงกดดันได้ ดังนั้น ผู้ที่มีพลังระดับก่อแกนวิญญาณจึงสามารถขึ้นไปข้างบนได้โดยที่ไม่มีความยากเท่าไหร่

 

“อยากให้ข้าช่วยพาเจ้าขึ้นไปไหม?” อี้เทียนหยุนมองไปที่อีกฝ่ายที่มีท่าทางหมดแรง พร้อมกับเอ่ยว่าจะช่วยออกไป

 

“ไม่ต้อง ข้าอยากจะขึ้นไปด้วยพลังของตน หากว่าข้าไม่สามารถขึ้นไปได้ด้วยตัวเอง พี่ใหญ่อี้ท่านก็ไม่จำเป็นต้องพาข้าเข้าไปด้วย” สวี่เฟยพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากเพียงแค่ขึ้นไปยังทำไม่ได้ เข้าไปจะมีความหมายอะไร?”

 

ในใจอี้เทียนหยุนพลันรู้สึกชื่นชมอีกฝ่ายขึ้นมากทันที จิตใจของสวี่เฟยผู้นี้ช่างแข็งแกร่งจริงๆ

 

“ตกลง งั้นข้าจะเดินไปเป็นเพื่อนเจ้าทีละน้อยแล้วกัน” อี้เทียนหยุนคิดว่าเรื่องนี้ไม่มีปัญหา เขาค่อยๆ เดินขึ้นไปเป็นเพื่อนสวี่เฟยอย่างช้าๆ

 

แต่โดยที่ไม่ต้องรอให้พวกเขาได้เดินนาน ทันใดนั้นใกล้ๆ ก็มีเสียงดูถูกดังออกมา

 

“เอ๋ นี่ไม่ใช่นายน้อยจากตระกูลสวี่ที่หนีการแต่งงานนั่นหรอกเหรอ ที่แท้ก็มาปีนเขาอยู่ที่นี่นั่นเอง” ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณมองลงมาที่เขาพร้อมกับพูดดูถูก “ตระกูลสวี่แทบจะพลิกแผ่นฟ้าเพื่อตามหาเจ้า แต่เจ้ากลับมาซ่อนอยู่ที่นี่ ถ้าข้ารายงานตระกูลสวี่ไป ข้าจะต้องได้รับรางวัลอย่างแน่นอน!”

 

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า สวี่เจี้ยน!” สวี่เฟยเงยหน้าขึ้นมองไปยังผู้เชี่ยวชาญระดับก่อแกนวิญญาณ พร้อมกับกัดฟันกรอด

 

“ใช่แล้ว ข้าเอง พอดีข้าอยากจะมาดูถ้ำมังกรขดสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับพวกระดับต่ำอย่างเจ้าที่นี่ ข้าว่าเจ้ารีบไปจากที่นี่ซะดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นการทำให้ตัวเองอับอายซะเปล่าๆ” สวี่เจี้ยนหัวเราะเยาะ “ผู้หญิงที่ตระกูลของตนแนะนำให้ไม่ต้องการ กลับไปชอบคนอย่างคุณหนูตระกูลฉิน คิดว่าคนอย่างเจ้าคู่ควรอย่างงั้นเหรอ?”

 

“ต่อให้ข้าจะอับอายก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า!” สวี่เฟยกัดฟันตอบออกไป

 

“แน่นอนว่าความอับอายของเจ้าย่อมไม่เกี่ยวอะไรกับข้า แต่ว่าเจ้าชอบคุณหนูฉิน เรื่องนี้ย่อมต้องเกี่ยวกับข้าอย่างแน่นอน!” สวี่เจี้ยนหัวเราะเยาะ “น้ำหน้าอย่างเจ้าคิดจะแต่งกับคุณหนูฉินซวง? รีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าซะ!”

 

พูดจบ สวี่เจี้ยนก็มาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา ขณะที่ยกเท้าเตรียมจะถีบเขากระเด็น ก็ได้มือข้างหนึ่งที่ราวกับคีมหนีบ จับเข้าที่หน้าแข้งของเขา ก่อนที่จะเหวี่ยงเขากระเด็นไป

 

“ปัง!”

 

ร่างสวี่เจี้ยนกระแทกเข้ากับพื้นจนแทบสลบ สหายที่อยู่ใกล้ๆ รีบเข้ามาช่วยพยุงเขาในทันที

 

“เจ้า เจ้ากล้าทำร้ายข้า เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร!” สวี่เจี้ยนที่ลุกขึ้นมาได้ก็คำรามออกมาด้วยความโกรธ

 

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร และก็ไม่อยากจะรู้ด้วย ข้าแค่รู้ว่าเจ้ากำลังเอาเปรียบใครบางคนอยู่ เขาจะทำอะไรไม่ได้เกี่ยวกับเจ้า แต่เจ้ากลับลงมือกับเขา เรื่องนี้นับว่าเกี่ยวกับข้า” อี้เทียนหยุนพูดอย่างเฉยชา “ตอนนี้เขาอยู่ในการคุ้มครองของข้า ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถลงมือกับเขาได้!”

 

เมื่อเขาพูดคำนี้ออกมา สายตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชา พร้อมกับจิตสังหารที่พวยพุ่งออกจากตา เขารู้แล้วว่าเรื่องราวเป็นยังไง ก็แค่สวี่เฟยไม่อยากแต่งงานกับคนที่ตระกูลแนะนำมา ดังนั้นจึงได้หนีมา เพราะว่าเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว นั่นก็คือคุณหนูตระกูลฉิน

 

ตระกูลฉินนี้มีอิทธิพลไม่อ่อนแอ แต่สวี่เฟยที่มีระดับย่ำแย่กลับคิดไล่ตามคุณหนูตระกูลฉิน ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องขัดหูขัดตา ไม่แปลกที่สวี่เฟยจะมาที่นี่เพื่อเพิ่มระดับ ที่แท้ก็เพื่อให้ได้รับหัวใจของหญิงที่ตนหมายปองนั่นเอง

 

“มารดามันเถอะ กล้าขวางทางข้า กระทืบมันซะ!” สวี่เจี้ยนพ่นคำพูดออกมาด้วยความโกรธ

 

สหายสองคนที่อยู่ใกล้ๆ เขาพลันยกเท้าถีบเข้ามาที่นี่ พลังของเท้านี้ถือว่าหนักหน่วงมาก ถ้าโดนเข้าไป คงต้องถูกถีบกระเด็นจากออกจากครึ่งทางขึ้นเขานี้อย่างแน่นอน

 

แต่ในขณะที่ลูกถีบนี้กำลังเข้าถึงตัวอี้เทียนหยุน เขาก็ได้ยกมือขึ้นกลายเป็นฝ่ามือดาบ พร้อมกับสับเข้าที่ขาคู่นั้นอย่างแรง

 

“แกรก!” เสียงดังออกมา กระดูกขาของพวกเขาหักเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะถูกเขาถีบกระเด็นไป นอนกองกับพื้นพร้อมกับเอามือกุมขากรีดร้องอย่างน่าสงสาร ขาของพวกเขาห้อยต่องแต่ง ดูแล้วไม่ต่างอะไรจากการถูกดาบสับ

 

“หากไม่อยากตายให้ไสหัวไปซะ!” สายตาอี้เทียนหยุนเย็นชา ถ้าพวกเขายังไม่รู้สำนึกอีกล่ะก็ เขาแน่นอนว่าจะตบพวกเขาให้ตายในทันที

 

“เจ้า เจ้าจำไว้ให้ดีเถอะ!” ในใจสวี่เจี้ยนสั่นสะท้าน แม้ว่าระดับของสหายของเขาจะไม่สูง แต่อย่างน้อยก็มีพลังระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 5 ที่ 6 กลับถูกอีกฝ่ายจัดการได้อย่างง่ายดาย คิดว่าอี้เทียนหยุนจะต้องมีพลังระดับผันแปรวิญญาณแล้วอย่างแน่นอน แล้วอย่างนี้เขาจะไปกล้าสู้กับอีกฝ่ายตรงๆ ได้ยังไง?

 

พวกสวี่เจี้ยนรีบพากันลงจากเขาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ขาพวกเขาหักแล้ว จะไปเดินขึ้นเขาต่อได้ยังไง?

 

เมื่อพวกเขาหนีไป สวี่เฟยก็มีท่าทางรู้สึกผิด

 

“พี่ใหญ่อี้ ขอบคุณท่านมาก เป็นเพราะข้านำปัญหามาให้ท่าน นี่เป็นปัญหาของข้า ข้าอยากจัดการเอง” สวี่เฟยโทษตัวเอง พร้อมทั้งมากไปด้วยความรู้สึกผิด

 

“ช่างเถอะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกเราไปกันเถอะ” อี้เทียนหยุนไม่ถามแม้แต่ครึ่งคำ พร้อมกับพาเขาขึ้นเขาต่อ

 

หน้าอย่างเขาน่ะเหรอที่จะกลัวการสร้างปัญหา? ขนาดอาณาจักรใต้พิภพยังถูกเขาจัดการซะเละเทะ แล้วเขาจะมากลัวขุมอำนาจเล็กๆ นี้ได้ยังไง