บทที่ 1544 – เทือกเขากระทิงยักษา ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1544 – เทือกเขากระทิงยักษา ข้าจะไม่ยอมปล่อยเจ้าไป

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชิงสุ่ยเคยได้ยินเกี่ยวกับกระทิงยักษา หากมีโอกาสได้เผชิญหน้ากับมันสักครั้ง พวกเขาคงทำได้เพียงแค่โทษในโชคชะตาของตัวเอง อย่างไรก็ตาม เขายังคงเต็มไปด้วยความหวัง

 

กระทิงอสูรเพลิงทมิฬเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยกับพวกเขาทั้งสองมากนัก พวกมันแค่เหนือกว่าในเรื่องของจำนวน พวกเขาสามารถเตรียมพร้อมรับมือกับพวกมันได้ตลอดเวลา

 

ชิงสุ่ยไม่ได้ฆ่าพวกมันเพราะมีจำนวนมากเกินไปและกลิ่นคาวของเลือดจะไปกระตุ้นตัวอื่นในฝูงให้บ้าคลั่ง มันจะดีกว่าหากมุ่งเป้าไปที่จุดหมายของพวกเขาและคอยหลบหลีก

 

ชิงสุ่ยจับมือฉินชิงและใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาเพื่อสำรวจไปทั่วบริเวณ

 

ชิงสุ่ยเคลื่อนไหวอย่างว่องไวและหลบหลีกอย่างชำนาญ จากระยะไกล เขาสามารถมองเห็นเงาของเทือกเขาที่สูงตระหง่านได้

 

“ฉินชิง เจ้าเคยมาที่นี่มาก่อนหรือไม่?” ชิงสุ่ยถามขณะที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน สถานที่แห่งนี้เงียบสงบมาก มันปกคลุมไปด้วยพืชพันธุ์และดอกไม้ที่หลากหลาย มีสมุนไพรบางชนิดที่สามารถหาพบได้ที่นี่อีกด้วย

 

นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เป็นเรื่องปกติที่สถานที่เช่นนี้จะมีสมุนไพรที่มีค่าและหายาก มันเป็นเหตุผลว่าทำไมสัตว์อสูรที่อาศัยอยู่จึงแข็งแกร่งมาก ด้วยสมบัติอันล้ำค่าและวัตถุดิบหายาก แม้ว่ามันจะไม่ได้อุดมสมบูรณ์มากนัก แต่สัตว์อสูรก็ยังมีโอกาสได้รับมัน

 

“ไม่เลย มากสุดที่ข้าเคยไปคือสระน้ำมังกรพิษ” ฉินชิงยิ้ม เธอพยายามเล็กน้อยที่จะเอามือออกมาจากมือของชิงสุ่ย

 

“เช่นนั้นเจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามีสมบัติล้ำค่าอยู่ที่นี่?” ชิงสุ่ยจับมือของเธอไว้แน่น มันราวกับว่าเขากลัวเธอจะหล่นหาย

 

ฉินชิงเริ่มจะหมดหนทาง แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนการจับมือของชิงสุ่ยอย่างจริงจัง เพราะเขาไม่ได้ทำอะไรเกินเลย เธอพยายามสลัดมือออกนิดหน่อยก่อนที่ไม่นานจะปล่อยมันไป

 

“ผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้บอกข้าไว้ก่อนที่จะตาย ข้าเคยช่วยเหลือเขาไว้และเขาแนะนำให้ข้ากลับมาที่นี่อีกครั้งเมื่อข้าแข็งแกร่งพอ” ฉินชิงกล่าวเบาๆและคิดย้อนกลับไปในอดีต เธอรู้สึกเศร้าเล็กน้อย

 

ชิงสุ่ยไม่ได้กล่าวอะไร เขายังคงจับมือเธอไว้แน่น

 

“ไปกันเถอะ พวกเราจะลองตามหากระทิงยักษา!” ฉินชิงฟื้นคืนสติขณะที่เธอกุมมือชิงสุ่ยไปข้างหน้า

 

แม้ว่าพวกเขาจะเห็นเงาของเทือกเขาจากระยะไกล แต่มันก็นับว่ายังไกลกว่านั้นมาก หลังจากผ่านไปสักพัก ชิงสุ่ยสังเกตเห็นว่าฉินชิงได้ปล่อยให้เขาจับมือของเธอ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ใช้ทักษะย่างก้าว 9 เทวาและเดินไปอย่างช้าเพื่อเพลิดเพลินกับธรรมชาติ นี่เป็นความพึงพอใจส่วนตัว

 

ฉินชิงรู้สึกขัดแย้งภายในใจ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าชิงสุ่ยกำลังตกหลุมรักเธอ เขาปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดีและดูแลเธอตลอดการต่อสู้ เขามีความสามารถและเป็นคนที่ดี…

 

ฉินชิงถอนหายใจ เธอไม่สามารถระงับความรู้สึกที่ขัดแย้งอยู่ข้างในได้ หลายครั้งที่เธอคิดว่าเธออาจได้แต่งงานกับเขาและทำสิ่งต่างๆด้วยกัน แต่เธอก็ยังไม่เต็มใจที่แบ่งปันเขาให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ

 

ในโลกนี้ มันเป็นเรื่องปกติมากสำหรับผู้ชายที่จะมีผู้หญิงหลายคน

 

สำหรับผู้ชายเช่นชิงสุ่ย ฉินชิงรู้สึกว่าถึงแม้ตอนนี้ต่อให้เขาจะไม่มีผู้อื่น ในท้ายที่สุดเขาก็จะมีผู้หญิงอื่นในไม่ช้า ผู้หญิงจะพุ่งเข้าหาผู้ชายที่โดดเด่นราวกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ

 

“ฉินชิง ข้าเคยฝันแปลกๆ เจ้าอยากจะฟังหรือไม่?” ชิงสุ่ยรู้สึกถึงความขัดแย้งในหัวใจของฉินชิง

 

“ตกลง เล่ามาให้ข้าฟัง” ฉินชิงตั้งสติขณะกล่าวเบาๆ

 

“ข้าฝันว่าข้าอยู่ในโลกที่แปลกประหลาด ในโลกนั้น ทุกที่มีเพียงมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ไม่มีสัตว์อสูร ไม่มีผู้ฝึกตน และเป็นโลกที่ปกครองด้วยวิชาความรู้ เมืองของที่นั่นมีความคล้ายคลึงกับที่นี่ ทุกคนสามารถแต่งงานกับผู้หญิงได้เพียงหนึ่งคน หากพวกเขาแต่งงานเกินกว่านั้นจะถือว่ามีความผิด ข้าฝันว่าเจ้าเป็นภรรยาของข้าในโลกนั้นและเจ้าดูมีความสุขมากจริงๆ…”

 

ชิงสุ่ยผสมผสานเรื่องจริงกับการโกหก ขณะที่เขากล่าวถึงสภาพทั่วไปในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้

 

“โลกที่เจ้าฝันถึงนั้นช่างยอดเยี่ยมนัก” ฉินชิงยิ้ม

 

“ที่จริงแล้ว ข้าฝันมันมานานแล้ว นี่เป็นเหตุผลที่ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับเจ้าตั้งแต่แรกพบ เจ้าเคยฝันถึงข้าบ้างหรือไม่?” ชิงสุ่ยหัวเราะ แต่น้ำเสียงของเขาดูจริงจัง

 

“ไม่!” ฉินชิงตอบอย่างเด็ดขาด

 

“นานมากแล้ว เมื่อตอนที่ข้ายังอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กของมหาทวีปเมฆามรกต ตอนยังเด็กข้าไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกตน ข้ารู้สึกเจ็บปวดกับหลายๆอย่าง ในเวลานั้นเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าอิจฉาเด็กคนอื่นๆมากแค่ไหนในความสามารถด้านการฝึกตนของพวกเขา ข้าไม่กลัวความเจ็บปวดหรือความทุกข์ทรมาน แต่สวรรค์ก็ไม่เคยให้โอกาสข้า”

 

ฉินชิงฟังอย่างเงียบๆ เธอไม่ได้ขัดจังหวะเขา เธอยังสงสัยเกี่ยวกับอดีตของชิงสุ่ย

 

“โชคดี สวรรค์ไม่ได้กลั่นแกล้งข้าอีกหลังจากนั้น บางสิ่งเปลี่ยนแปลงไปและข้าสามารถฝึกตนได้อย่างผู้อื่น ตอนนั้นเองที่ข้าตั้งใจอยากจะเป็นคนที่ดีกว่าใครๆและทำให้ครอบครัวมีความสุข ในเวลานั้น ข้าพึงพอใจกับสิ่งที่ข้ามีและข้าไม่ได้ปรารถานาสิ่งใดมากมาย ตอนนี้ข้ายังรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่ข้ามี แต่บางครั้ง มันก็มีสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมและข้าไม่สามารถทำอะไรได้ มันเหมือนกับคำกล่าวที่ว่าหากชายคนหนึ่งมีพลังอันแข็งแกร่ง เขาจะกลายเป็นคนที่ทะเยอทะยานและลืมเลือนความพึงพอใจที่มีไป” ชิงสุ่ยส่ายหัวขณะที่เขาถอนหายใจ

 

ถ้าชิงสุ่ยยังคงไม่คลายมือออก ฉินชิงไม่รู้ว่าเขาตั้งใจที่จะพูดอะไร จากการมองดูท่าทางของเขา เธอรู้ว่าเขาไม่ได้โกหกและเขาพูดมันออกมาจากหัวใจ

 

แต่เธอไม่มีทางเข้าใจเรื่องนี้ทั้งหมด ความรักคือความเห็นแก่ตัว และไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้แต่งงานกัน หากพวกเขาตกหลุมรักกัน

 

แต่สำหรับผู้ชาย มันแตกต่างกัน ผู้ชายหลายคนเป็นสัตว์ที่กระหายต่อการมีสัมพันธ์

 

“ในชีวิตนี้ เป็นไปไม่ได้สำหรับข้าที่จะเปลี่ยนแปลงหัวใจตัวเอง แต่ข้าจะไม่ยอมถอดใจจากเจ้า ข้าเป็นคนโลภหรือไม่?” ชิงสุ่ยถอนหายใจ

 

“อืมม เจ้ามันเป็นคนที่โลภมาก” ฉินชิงยิ้ม เธอมีความรู้สึกสบายและไม่ตึงเครียด

 

ชิงสุ่ยไม่สามารถบอกความตั้งใจที่มีต่อเธอและไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอกล่าวเป็นเช่นไร

 

ถ้าเป็นเรื่องอื่น เขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ เขามีผู้หญิงคนอื่นอยู่ก่อนแล้วและมันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทอดทิ้งพวกเธอ เขาจะไม่บังคับเธอ เขายิ้มให้กับฉินชิงและไม่ได้พูดอะไร แต่เขาปล่อยมือของเธออย่างช้าๆ

 

ฉินชิงรู้สึกว่าชายคนนี้กำลังค่อยๆห่างออกไป ขณะที่เธอตกใจ เธอรู้สึกว่าเมื่อเขปล่อยมือของเธอ เธอเหมือนกับจะสูญเสียเขาไปตลอดกาล

 

ช่วงจังหวะที่มือของชิงสุ่ยกำลังจะหลุดออก ทันใดนั้นฉินชิงก็จับมันเอาไว้แน่น “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหนีไปหรือ? ทำไมเจ้าถึงปล่อยมือข้าตอนนี้?”

 

เมื่อเขารู้ถึงมือของฉินชิงที่จับมือเขา หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่น เขารู้สึกราวกับว่ากลับมาจากประตูแห่งความตาย เขาจ้องมองไปที่หญิงสาวและกล่าว “เจ้ารู้ไหมว่าข้าต้องคิดอย่างถี่ถ้วนแค่ไหนกว่าที่จะปล่อยมือเจ้าไป?”

 

“ข้าไม่รู้และข้าไม่อยากรู้ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่าข้าต้องการให้เจ้าจับมือข้าไว้ไปตลอด ข้ารู้สึกขัดแย้งอยู่ภายใน… ชิงสุ่ย เจ้าจะสัญญากับข้าว่าจะปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติได้หรือไม่? อย่าได้บังคับข้า แต่อย่าปล่อยมือไปจากข้าไม่ว่าอย่างไร” ฉินชิงกล่าวอย่างจริงจัง

 

ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขาพยักหน้า นอกจากนี้เขาไม่ต้องการปล่อยมือเธอไป “ขอโทษสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้และถ้าเจ้าอยากให้ข้าปล่อยมือ ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป”

 

“อืม ตกลง พวกเราไปที่เทือกเขากระทิงยักษากันเถอะ! “

 

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเทือกเขา มันกลับแผ่แรงกดดันอันท่วมท้นออกมา ชิงสุ่ยไหลเวียนพลังของเขาอย่างช้า

 

ลมปราณแห่งเคล็ดเสริมกายาบรรพกาล พลังธรรมชาติ!

 

แต่ในวินาทีถัดมา ชิงสุ่ยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของเขา แรงกดดันนั้นไหลเวียนไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว

 

ปราณกระทิงคลั่ง!

 

พลังทั้งหมดไหลไปรวมกันที่ก้อนเมล็ดเจ็ดสี จู่ๆก็เกิดการระเบิดพลังขึ้นอย่างฉับพลัน มีความรู้สึกบางอย่างที่เขาสัมผัสได้

 

อย่างไรก็ตามมีเพียงพลังจากปราณกระทิงคลั่งไหลเวียนอยู่และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ชิงสุ่ยจองมองไปที่เทือกเขากระทิงยักษา เขารู้สึกว่าคลื่นพลังก่อนหน้านี้มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเทือกเขาหรือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของมัน

 

ฉินชิงที่จับมืออยู่รู้สึกได้ถึงแรงระเบิดของพลัง เธอไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นและเดินทางต่อไปยังเทือกเขาด้านหน้า

 

ยิ่งเข้าใกล้มากเท่าไหร่ แรงกดดันก็ยิ่งมากขึ้น มันราวกับว่าพวกเขากำลังแบกภูเขาเอาไว้บนหลัง แม้ว่าเขาจะสามารถทนได้ แรงกดดันก็ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

 

หลังจากเดินไปได้ไม่นาน ชิงสุ่ยตระหนักว่าเทืองเขาแห่งนี้เหมือนกับห้องโถงขนาดใหญ่ เขาไม่สามารถบอกได้ว่าเทือกเขาเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือเป็นฝีมือของใคร หากเกิดขึ้นด้วยฝีมือของผู้อื่น มันก็ดูราวกับเป็นผลงานแห่งสวรรค์