ตอนที่ 222 ต่อสู้กับไห่เจีย (2)

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตอนที่ 222 ต่อสู้กับไห่เจีย (2) โดย Ink Stone_Fantasy

“เฮ้อ! นิกายเราทำเช่นนี้ ย่อมมีเหตุผลของตนเอง ไม่ลำบากให้สหายโจวเข้ามาก้าวก่ายหรอก!” ในขณะที่ชายฉกรรจ์แซ่เหลยเงียบไปสักพักนั้น หลินไฉอวี่ที่อยู่ข้างๆ พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เป็นข้าที่ละลาบละล้วงเกินไปหน่อย แต่ข้าก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่ดี” โจวเทียนเหอพยักหน้าแล้วกล่าวออกมา

ชายฉกรรจ์แซ่เหลยได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้น และขณะที่กำลังจะพูดอะไรออกมา พลันมีเสียงดังสนั่นมาจากการต่อสู้ด้านล่าง จนทำให้คลื่นอากาศบริเวณนั้นม้วนตัวออกมา

ภายใต้ความตกใจ คนทั้งหมดมองลงไปด้านล่าง และลืมเรื่องที่กำลังสนทนาไปสิ้น

ตอนนี้มือทั้งสองของหลิ่วหมิงจับกระบี่แสงสีเขียวยาวจั้งกว่าๆ ไว้แน่น และกำลังปะทะกับตรีศูลที่ต่งไทเฮาถืออยู่อย่างรุนแรง

ผลลัพธ์คือคนหนึ่งร่นถอยออกไปเจ็ดแปดก้าว ส่วนอีกคนก็ตีลังกากระเด็นออกไปสองจั้ง คิดไม่ถึงว่าทั้งสองต่างก็มีพลังพอฟัดพอเหวี่ยงกัน

แต่หลิ่วหมิงที่ตั้งหลักได้ เพียงแค่สะบัดกระบี่แสงในมือ โดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย

และต่งไทเฮากลับลุกขึ้นมาท่ามกลางเกลียวคลื่นน้ำทะเลที่หมุนวนรอบตัว และมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก

แม้จะไม่นับว่านางมีพลังที่แข็งแกร่ง แต่ความแข็งแกร่งหลังจากกลายร่างเป็นไห่เจียนั้น มันเหนือความคาดหมายของคนทั่วไปมากนัก

มิเช่นนั้นเฝิงหลงกับอีกคนในก่อนหน้านั้น คงไม่ปราชัยโดยที่นางยังไม่ทันได้แสดงความสามารถใดๆ ออกมา ซึ่งใช้เพียงแค่ตรีศูลก็เอาชนะทั้งสองได้

แต่ขณะนี้ ร่างของหลิ่วหมิงก็พร่ามัวกลายเป็นเงาร่างห้าหกเงา และพุ่งโจมตีต่งไทเฮา

แม้ต่งไทจะรู้สึกสงสัยพลังของหลิ่วหมิงเป็นอย่างมาก แต่พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้นางก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา และวาดตรีศูลไปยังด้านหน้า ทันใดนั้นน้ำทะเลก็ส่งเสียงดัง และม้วนตัวเป็นคลื่นยักษ์พุ่งออกไปด้านหน้า

“ซู่!”

คลื่นยักษ์โหมซัดสาดออกไป เงาร่างกว่าครึ่งหนึ่งถูกทำลาย หนึ่งในเงาร่างนั้นกลับพุ่งเข้าไปในคลื่นทะเล เพียงแค่ขยับดาบแสงสีเขียว ปราณกระบี่ยักษ์ยาวจั้งกว่าๆ ก็ฟันออกไปอีกครั้ง

ต่งไทเฮากระตุกหางคิ้ว และสะบัดตรีศูลใส่ปราณกระบี่ยักษ์อย่างแรง

หลังจากมีเสียงดังสนั่นออกมา ปราณกระบี่ยักษ์ก็ถูกโจมตีจนสลายไป

แต่ในช่วงระหว่างเวลานั้น หลิ่วหมิงกลับบิดตัวราวกับไร้น้ำหนักพุ่งมาอยู่ห่างจากต่งไทเฮาไม่ถึงจั้งกว่าๆ พอเขายกมือข้างหนึ่งขึ้น คมวายุก็พุ่งออกไปสามเส้นด้วยเสียงดัง “ฟิ้วๆ!” มืออีกข้างก็ถือกระบี่สั้นฟันปราณกระบี่ม้วนตัวออกไปสองสาย

เกือบจะในเวลาเดียวกัน มีเงาร่างแวบผ่านด้านล่างของต่งไทเฮา แมงป่องกระดูกขาวกระโจนขึ้นมาจากพื้น ก้ามยักษ์ทั้งสองหนีบขาทั้งสองของนางไว้ ขณะเดียวหางตะขอก็ส่ายไปมาจนกลายเป็นเส้นสีดำสิบกว่าเส้นก่อนจะพุ่งยิงออกไป

นับว่าหลิ่วหมิงกับแมงป่องกระดูกขาวร่วมมือกันได้อย่างดีเยี่ยม ศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบธรรมดาไม่อาจหลบหลีกได้ทัน!

แต่ต่งไทเฮาที่เผชิญหน้ากับการโจมตีระดับนี้ กลับแผดเสียงออกมาอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นตรีศูลในมือก็พร่ามัวกลายเป็นธงยักษ์สีดำขนาดใหญ่สูงสี่จั้ง บนธงด้านหนึ่งมีอักขระสีเงินจารึกอยู่ลางๆ เป็นจำนวนมาก

ต่งไทเฮาสะบัดธงทันที ทันใดนั้นคลื่นอักขระสีดำจำนวนมากได้กระเพื่อมออกมาจากในนั้น

ฉากที่ไม่คาดคิดได้บังเกิดขึ้นแล้ว

พื้นที่ที่คลื่นอักขระสีดำวิ่งผ่าน ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเล คมวายุ ปราณกระบี่ และการโจมตีอื่นๆ ต่างก็หยุดชะงักและแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

แมงป่องกระดูกขาวร้องอย่างเวทนา และถูกคลื่นอักขระสีดำโจมตีจนกระเด็นออกไป

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจมาก เขารีบพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว

แต่ต่งไทเฮากลับตะคอกเสียงอ่อนหวานออกมา ธงในมือตั้งขวางไปยังด้านหน้า และชี้ไปทางหลิ่วหมิง

ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกเพียงแค่ว่ามีอากาศอัดแน่นรอบตัว พลังไร้รูปบางอย่างโอบรัดร่างเขาไว้ ทำให้การเคลื่อนไหวเขาหยุดชะงักไป

จากนั้นต่งไทเฮาได้เผยใบหน้าอันดุร้ายออกมา และคว้ามือข้างหนึ่งออกไปด้านหน้า น้ำทะเลใต้ร่างนางซัดสาดไปรวมกันตรงหน้า จนกลายเป็นมือยักษ์สีฟ้าใหญ่หลายจั้ง ก่อนที่จะคว้าเข้าใส่หลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงหน้าเปลี่ยนสีในทันที แต่มีแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมาจากแขนเสื้อ มันคือธงวารีบริสุทธิ์ที่พุ่งยิงออกมา พอมันเปล่งประกายก็หายวับเข้าไปในร่างหลิ่วหมิง

เสียงดัง “ตู๊ม!”

มือยักษ์สีฟ้าคว้าตัวหลิ่วหมิงไว้ และคิดจะใช้นิ้วทั้งห้าบีบให้แหลกละเอียด

แต่ร่างหลิ่วหมิงกลับพร่ามัวกลายเป็นของเหลวโปร่งแสง หลังจากบิดตัวทีเดียว ก็ไถลหลุดจากฝ่ามือยักษ์โดยไม่ต้องใช้แรงแม้แต่น้อย

จากนั้นเขาเคลื่อนไหวอีกสองสามทีก็ออกมาอยู่ห่างสิบกว่าจั้ง และอ้าปากพ่นธงเล็กสีฟ้าออกมา จากนั้นร่างกายก็กลับมาเป็นเช่นเดิม

“ธงวารีบริสุทธิ์! เจ้าเป็นคนฆ่าเว่ยอวี้?” พอต่งไทเฮาเห็นสถาพเช่นนี้ ก็ส่งเสียงแหลมออกมา น้ำเสียงดูตกใจระคนดีใจ

พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ตอนแรกก็รู้สึกตกตะลึง แต่ครู่เดียวก็โยนกระบี่สั้นสีเขียวออกไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และทำท่ามือร่ายคาถาใส่กระบี่สั้นทันที มืออีกข้างก็ค่อยๆ ยกขึ้น จุดแสงสีฟ้าก็ค่อยๆ เปล่งออกมาท่ามกลางเสียงร่ายคาถา แท่งวารีสีฟ้ายาวหลายฉื่อกำลังก่อตัวขึ้นอย่างลางๆ

ต่งไทเฮาเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ นางชี้ธงมาทางหลิ่วหมิงอีกครั้งอย่างไม่ลังเล

แต่พอนางเริ่มเคลื่อนไหว หลิ่วหมิงก็ขยับไปอยู่อีกที่หนึ่งอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ

หลังจากใช้ธงโจมตีใส่หลิ่วหมิงติดต่อกันหลายครั้ง สีหน้าของต่งไทเฮาก็ดูไม่ได้ขึ้นมา นางตะคอกเสียงในฉับพลัน และพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงพร้อมกับน้ำทะเลที่โหมซัดสาด

แต่ขณะนั้นเอง มีเงาร่างสีดำเคลื่อนไหวตรงด้านล่าง แมงป่องกระดูกขาวกระโจนเข้าหาต่งไทเฮาท่ามกลางไอหมอกสีม่วงที่พวยพุ่งรอบตัว

“ไสหัวไป!”

ต่งไทเฮาเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก นางโบกสะบัดธงในมือก่อนที่แสงสีดำจะม้วนตัวออกมา

แต่ดวงตาทั้งคู่ของแมงป่องกระดูกขาวกลับเปล่งประกายแสงสีเขียว จากนั้นมันก็อ้าปากพ่นเปลวเพลิงสีม่วงออกมา

“ฟู่!”

พอเปลวเพลิงสีม่วงสัมผัสกับไอสีดำ มันก็ลุกไหม้ราวกับไม้แห้งที่เจอเปลวเพลิง

ไม่คิดว่าแมงป่องกระดูกขาวจะพุ่งออกจากเปลวเพลิงสีม่วงได้ ขณะเดียวกันไอหมอกสีม่วงดำบนตัวมันก็ม้วนตัวออกไปปะทะกับน้ำทะเลตรงหน้าอย่างแรง

ฉากอันน่าตกใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว

ส่วนหนึ่งของน้ำทะเลที่สัมผัสกับไอหมอกสีม่วงดำ เปลี่ยนเป็นสีดำราวกับหมึก ขณะเดียวกันกลิ่นคาวก็ได้แผ่กระจายออกมา ทั้งยังแผ่กระจายไปด้วยความเร็ว อันน่าตกใจ

ต่งไทเฮาที่เดิมทีจะถือโอกาสสะบัดธงโจมตีแมงป่องกระดูกขาวให้กระเด็นออกไป กลับรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นฉากนี้

นางรีบวาดธงไปยังน้ำทะเลด้านล่างทันที

“ตู๊ม!”

น้ำทะเลสีดำบางส่วนตกลงพื้นทันที แต่แมงป่องกระดูกขาวกลับโจมตีมายังด้านข้างต่งไทเฮา พอขยับหางตะขอตรงหลัง มันก็กลายสภาพเป็นเส้นสีดำเบลอๆ เจาทะลุเข้ามา

หลังจากได้เห็นพิษอันน่ากลัวของแมงป่องกระดูกขาวแล้ว ต่งไทเฮาจะยอมให้มันมาสัมผัสโดนตัวได้อย่างไร นางเพียงแค่คลี่ธงสีดำไปยังด้านหน้า อักขระสีเงินจำนวนมากก็ทะลักออกจากในนั้น หลังจากมันหมุนติ้วๆ รวมตัวกันก็กลายเป็นโล่สีเงินอันหนึ่ง

พอหางตะขอสีดำปะทะกับโล่ ก็มีเสียงฟ้าผ่าดังออกมา สายฟ้ายักษ์สีเงินหลายเส้นหมุนวนเป็นเกลียว พริบตาเดียวก็โจมตีลงบนตัวแมงป่องกระดูกขาว

พอร่างปีศาจที่น่าสงสารตนนี้สั่นไหว มันก็หล่นลงมาพร้อมด้วยกลิ่นไหม้เกรียม

แต่ชั่วพริบตาที่แมงป่องกระดูกขาวต้านทานไว้ได้ หลิ่วหมิงก็ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว

หลังจากเขาตะโกนอกไปแล้ว นิ้วมือนิ้วหนึ่งก็ชี้ไปในอากาศ จากนั้นจันทราหยกขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางจั้งกว่าๆ ก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง จนพร่ามัวหายไปอย่างไร้ร่องรอย

แขนอีกข้างของเขาเคลื่อนไหวจนเกาะผลึกแท่งวารียักษ์ได้ยาวหลายฉื่อ หลังจากนั้นก็พุ่งยิงมันออกไป

ครู่ต่อมา มีคลื่นสั่นไหวเหนือศีรษะของต่งไทเฮา จันทราหยกปรากฏออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง และพุ่งลงด้านล่าง

ขณะเดียวกันแท่งวารีสีฟ้าก็เคลื่อนไหว และแผ่ไอเย็นมาถึงต่งไทเฮาที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงจั้งกว่าๆ

ต่งไทเฮาเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ นางโยนธงสีดำขึ้นฟ้าทันที จากนั้นมันก็กลายเป็นหมอกสีดำปกป้องอยู่เหนือศีรษะของนาง ขณะเดียวกันก็มีเสียงดังมาจากในนั้น สายฟ้าจำนวนมากหมุนวนเป็นเกลียวออกมา นางคว้ามืออีกข้างไปด้านหน้า ทันใดนั้นน้ำทะเลบริเวณรอบๆ ก็ทะลักขึ้นมากลายเป็นมือยักษ์อีกครั้ง และคว้าไปทางแท่งวารี

“ตู๊ม!”

จันทราหยกตกลงบนไอหมอกสีดำได้ประเดี๋ยวเดียว มันก็เข้าไปพัวพันกับสายฟ้าสีเงินอย่างบ้าคลั่ง ทำให้แยกแยะไม่ออกว่าใครอยู่เหนือใครไปชั่วขณะ

และพริบตาที่มือยักษ์สีฟ้าคว้าแท่งวารีไว้แน่นนั้น ตาหลิ่วหมิงกลับเปล่งประกายอันเยือกเย็น จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว แล้วตะโกนคำว่า “ระเบิด” ออกมา

หลังจากมีเสียงดังขึ้น แท่งวารียักษ์ก็ระเบิดตัวออกมา ไอเย็นประหลาดม้วนตัวเกาะผนึกฝ่ามือยักษ์จนกลายเป็นน้ำแข็ง

และพริบตานั้นเอง แสงสีเขียวก็ดีดออกมาจากแท่งวารียักษ์ และพุ่งไปยังระหว่างคิ้วของต่งไทเฮา

แม้ว่าต่งไทเฮาจะมีพลังน่าตกใจ แต่ก็คิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์ที่หลิ่วหมิงควบคุมอาวุธจิตวิญญาณไว้หนึ่งชิ้น จะยังสามารถควบคุมชิ้นที่สองได้พร้อมกัน เมื่อนางคิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันแล้ว ทำได้แต่ตะโกนออกมาแล้วส่งพลังเวทย์ทั้งหมดไปรวมตัวกันที่ระหว่างคิ้ว ทันใดนั้นเกล็ดสีเงินหนาๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้า และนางพยายามส่ายศีรษะหลบอย่างสุดชีวิต

“ฟิ้ว!”

ลำแสงสีเงินปะทะใส่ศีรษะของต่งไทเฮา แต่ภายใต้การต้านทานที่แข็งแกร่งของเกล็ดสีเงิน แม้ว่ามันจะจมหายเข้าไปในนั้น แต่ก็ทะลุกระดูกได้เพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ไม่สามารถแทงทะลุไปได้

แต่ความเจ็บปวดของมันก็ยากที่จะรับรู้ได้!

ต่งไทเฮาร้องออกมาอย่างเวทนา แต่ก็ยังวาดมือข้างหนึ่งไปที่บริเวณศีรษะทันที นางเอาฝ่ามือแปะตรงบาดแผลและใช้พลังเวทย์ดูดเอาเข็มแหลมเล็กสีเขียวหยกออกมา

เข็มแหลมเล็กเล่มนี้บิดตัวอยู่ในมือของนางไม่หยุด จนถูกแสงฟ้าโอบล้อมไว้ทำให้ไม่สามารถดิ้นรนได้ไปชั่วขณะ

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าหนักอึ้งเล็กน้อย

ความร้ายกาจของศัตรูที่อยู่ตรงหน้า ช่างเหนือความคาดหมายของเขามากนัก แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าหลังจากโดนพิษประหลาดในเข็มเงาหยกแล้ว ฝ่ายตรงข้ามยังจะสามารถยืนหยัดได้นาน

พอคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็ชี้ไปยังจันทราหยกที่อยู่ไกลๆ อย่างไม่ลังเล

……………………………………….