ตอนที่ 312

The Strongest Hokage

การเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 ของ กระบวนท่าเปิดประตูด่านพลังทั้ง 8 แบบย้อนกลับ นั้น ไนโตะ สามารถทำได้อย่างง่ายดายมาก เพราะเพียงแค่ใช้ พลังสั่นสะเทือน ธรรมดา ๆ ก็เกินพอแล้วที่จะสามารถเปิดมันออกได้

ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของ ไนโตะ ก็ใช้เวลาไม่นานในการปรับสภาพให้เข้ากับพลังใหม่นี้

จะพูดให้ถูกก็คือ ร่างกายของ ไนโตะ ปรับสภาพเข้ากับพลังใหม่ทันทีหลังจากประตูด่านพลังบานที่ 6 ถูกเปิดออก!

ก่อนที่ ไนโตะ จะเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 ได้ เขาได้เพิ่มแรงโน้มถ่วงให้ถึงจุดสูงสุดโดยใช่วิชา เพิ่มน้ำหนักหิน แต่เมื่อเขาเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 ได้แล้ว วิชานั้นก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป

สำหรับ โหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ นั้น มันมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ เซนจู ฮาชิรามะ ได้กลายเป็น เทพเจ้าแห่งนินจา ส่วนการที่เขาสามารถใช้ คาถาไม้ ได้นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนประกอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

แม้ว่าความสามารถในการรักษาของ โหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ จะมีประสิทธิภาพไม่เท่ากับ วิชาเบียคุโก ของ ซึนาเดะ แต่มันก็ยังคงมีความสามารถในการรักษาตัวเองที่ดีเป็นอย่างมาก

เพราะถึงแม้ว่าหน้าอกจะถูกเจาะและอวัยวะภายในก็ถูกทำลาย แต่ด้วยความสามารถในการรักษา โหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ ก็จะทำให้ร่างกายสามารถหายได้อย่างรวดเร็ว

พร้อมด้วยความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ ไนโตะ สามารถทนต่อผลกระทบหลังจากการเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 ได้อย่างสบาย ๆ และปรับร่างกายของเขาให้เข้ากับพลังใหม่ได้อย่างรวดเร็ว

ประตูด่านพลังบานที่ 6 เชื่อมโยงโดยตรงเข้ากับประตู 5 บานแรกเรียบร้อยแล้ว และ โหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ ก็ช่วยให้พวกมันเชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็วและยังช่วยเสริมพลังซึ่งกันและกันอีกด้วย

หลังจากหายใจไม่กี่นาที จักระของ ไนโตะ ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เวลานี้จักระของ ไนโตะ ได้ก้าวข้ามไปสู่ระดับ สุดยอดคาเงะ เรียบร้อยแล้ว และพร้อมกับ โหมดเซียนขั้นสมบูรณ์ บางทีจักระของเขาในตอนนี้อาจจะมากกว่า เซนจู ฮาชิรามะ ไปแล้วก็เป็นได้!

มนุษย์ที่สามารถเอาชนะ สัตว์หาง ได้ในแง่ของจำนวนจักระ จะเป็นอะไรได้นอกจากสัตว์ประหลาดและควรอยู่ใกล้กับระดับของเทพเจ้า

ประตูทั้ง 6 บาน เชื่อมต่อกันเหมือนกับดาว 6 ดวงเป็นเส้นทางลึกลับในร่างกายของ ไนโตะ

นี่ไม่ใช่จินตนาการ แต่มันเป็นเรื่องจริง และถ้ายิ่งเป็น นินจาสายตรวจจับ ก็จะย้งเห็นมันได้อย่างชัดเจนมากขึ้น!

ร่างกายของ ไนโตะ นั้นสมบูรณ์แบบเมื่อเปิดประตูด่านพลังบานที่ 6 อาจกล่าวได้ว่าร่างกายของ ไนโตะ ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมหาศาลและเกือบจะไร้ที่ติ

ถ้าจะมีข้อบกพร่องอะไร ก็คงต้องเปิดประตูด่านพลังบานที่ 7 และ 8 มันถึงจะหายไป

อย่างไรก็ตาม เส้นทางนั้นก็ชัดเจนในใจของ ไนโตะ และเมื่อใดที่เขาเปิดประตูด่านพลังบานที่ 7 ได้ ร่างกายของเขาก็จะสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง หรืออาจะไปไกลกว่านั้นก็เป็นได้

นั่น…ต้องเป็นเส้นทางที่จะพาเขาไปถึงพลังระดับ เซียน 6 วิถี ก็เป็นได้!

ไม่ใช่ว่าทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้เพราะ กระบวนท่าเปิดประตูด่านำพลังแบบย้อนกลับ เพราะอย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็ไม่ได้พึ่งกระบานท่านั้นเพียงอย่างเดียว เขายังได้เรียนรู้ อาภรณ์สายฟ้าขั้นที่ 3 จนเชียวชาญ และยังเรียนรู้ โหมดเซียนขั้น 2 ได้จนสำเร็จ ซึ่งทำให้ความเข็งแกร่งของเขาเกินกว่า ได และ ไก

ในที่สุด ไนโตะ ก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา หลังจากที่เขาควบคุมพลังใหม่ของเขาได้อย่างเต็มที่

“นี่คือพลังของ ประตูด่านพลังบานที่ 6 สินะ…”

ไนโตะ กำหมัดของเขาและรู้สึกถึงพลังใหม่ในร่างกายของเขา ดูเหมือนว่าการควบคุม พลังสั่นสะเทือน ก็มาถึงขีดจำกัดแล้ว

ด้วยหมัดเดียว เขาสามารถปล่อย พลังสั่นสะเทือน ออกไปได้ไกลถึง 10 เมตร และแม้แต่ โคโนฮะ ก็จะถูกทำลายด้วยการโจมตีของเขาเพียงครั้งเดียว

ในขณะเดียวกัน ไนโตะ สามารถบีบอัดพลังนั้นได้ดั่งใจนึก เขาสามารถบังคับให้ พลังสั้นสะเทือน โจมตีออกไปเป็นแนวหรือเป็นจุดก็ได้

ไนโตะ สามารถควบคุม พลังสั่นสะเทือน ได้ทุกรูปแบบ และตอนนี้หมัดธรรมดาของเขาก็ไม่ต่างไปจาก คลื่นสั่นสะเทือน ดี ๆ นี่เอง!

บีบอัดหรือขยายตัว , เป็นเส้นหรือเป็นจุด , กระจายเข้าหรือออก ที่เป้าหมายหรือที่พื้น แม้ว่าจะเป็นการโจมตีแบบไหน ก็ล้วนแล้วแต่ผสมไปด้วย พลังสั่นสะเทือน ทั้งสิ้น

ไนโตะ ไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถทำลายการป้องกันของ ซูซาโนะโอะร่างสมบูรณ์ หรือ เซนจูพันกร ได้หรือไม่

แต่อย่างไรก็ตาม ไนโตะ ก็มั่นใจว่าหากเขาต้องเผชิญหน้ากับวิชาเหล่านี้ พวกเขาจะไม่สามารถต้านทาน พลังสั่นสะเทือน ของเขาได้อย่างแน่นอน!

เพราะหลังจากที่เขารวบรวมพลังทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน ไนโตะ ก็เริ่มรู้สึกได้ถึงมิติบางอย่าง

นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

ก่อนหน้านี้ ไนโตะ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถทำลายมิติได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเพียงแค่การหยุดชะงักของอากาศและรูปร่างที่บิดเบี้ยวของ พลังสั่นสะเทือน เท่านั้น

แต่ตอนนี้ ไนโตะ รู้สึกว่าการต่อยหมัดด้วยพลังทั้งหมดของเขาจะสามารถทำลายมิติได้ ด้วยเหตุนี้ ไนโตะ จึงรู้สึกได้ถึงพื้นผิวของมิติที่แตกออก

ไนโตะ จำได้อย่างชัดเจนว่า ในการ์ตูน เมื่อ ไก เปิดประตูด่านพลังบานที่ 8 การโจมตีครั้งสุดท้ายของเขานั้นทรงพลังในระดับที่สามารถบิดมิติได้ มันรุนแรกมากถึงขั้นที่สามารถมองเห็นมิติที่บิดเบื้อนนั้นได้ด้วยตาเปล่า

“อ้า!!!”

เพื่อที่จะให้เข้าใจความรู้สึกนี้ได้อย่างชัดเจน ไนโตะ จำเป็นต้องทดสอบพลังใหม่ของเขา

เขารวบรวมพลังทั้งหมดของเขาไว้ในหมัดเดียวแล้วเหวี่ยงมันออกไป

ความเงียบเข้าควบคุมทุกสิ่งในขณะที่หมัดของเขาถูกปล่อยออกไป ทันใดนั้นความว่างเปล่าที่อยู่ต่อหน้าเขาก็สั่นไหวและบิดเบี้ยว และในวินาทีต่อมาก็เกิดเป็นประกายแสงจ้าพุ่งตรงจากหมัดของเขายาวออกไปจนเลยภูเขาที่อยู่ห่างออกไปไกล

ความเงียบยังคงควบคุมพื้นที่อยู่ ขณะที่ระลอกแสงดูเหมือนจะวิ่งผ่านภูเขาและพุ่งออกไปไกลและหายไปในของฟ้า

“นั่นไง”

ไนโตะ ยิ้มและมองดูผลงานของเขาอย่างพอใจ

การบิดเบือนนั้นไม่ใช่ผลของ พลังสั้นสะเทือน แต่มันเป็นการแปรปรวนของมิติอย่างแท้จริง!

แม้ว่ามันจะไม่ชัดเจนเหมือนการโจมตีด้วยกระบวนท่า ช้างราตรี ของ ไก แต่มันก็ยังคงทำให้เกิดการบิดเบือนของมิติได้จริง และมีพลังที่สามารถทำให้มิติแตกออกได้!

หมัดที่สามารถทำลายมิติได้ แล้ว ซูซาโนะโอะร่างสมบูรณ์ หรือ เซนจูพันกร จะสามารถป้องกันการโจมตีนี้ได้หรือเปล่า?

ไนโตะ ไม่รู้คำตอบของคำถามนี้ แต่เขาก็ต้องการที่จะลอง

“น่าเสียดายที่ มาดาระ กำลังอยู่ในช่วงที่อ่อนแอที่สุดของเขา และ ฮาชิรามะ ก็ตายไปแล้ว คงจะอีกนานเลยสินะที่พวกเขาจะถูกอัญเชิญขึ้นมาด้วย คาถาสัมภเวสีคืนชีพ”

ไนโตะ ดึงหมัดของเขากลับมา และจู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหงาขึ้นมานิดหน่อย เพราะเขาไม่ต้องกลัวอะไรอีกต่อไป และไม่เหลืออะไรในโลกนี้ที่จะสามารถเผชิญหน้ากับเขาได้อีกแล้ว แต่ความรู้สึกนั้นก็อยู่ได้ไม่นาน

ยังมีศัตรูจำนวนมากเหลืออยู่ในโลก แม้ว่าแผนของ มาดาระ จะล้มเหลว หรือแม้ว่า ฮาชิรามะ จะไม่ถูกอัญเชิญขึ้นมาโดย คาถาสัมภเวสีคืนชีพ แต่ก็ยังมี เพน 6 วิถี ที่คอยจับตาดูโลกจากในความมืดอยู่ และยังมี คางูยะ ที่ยังคงหลับอยู่ จนกว่า เซ็ตสึ จะสามารถปลดปล่อยเธอออกมาได้

ยังมีศัตรูอยู่อีกมากมายและเส้นทางก็ยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด

“บางทีเราคงจะมาถึงจุดสูงสุดของพลังแล้ว แต่แค่นี้มันยังไม่พอ เราต้องทำลายขีดจำกัดทั้งหมดที่มี แล้วก้าวข้ามทุกขีดจำกัดพวกนั้น และเราจะสร้างขีดจำกัดใหม่ขึ้นมา ขีดจำกัดที่มีแต่เราคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้!”