ตอนที่ 356 ต้องช่วยเขาให้ได้ / ตอนที่ 357 อวี้จื้อ ขอโทษ

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 356 ต้องช่วยเขาให้ได้

 

 

ตอนนี้ได้ยินคำพูดของหมอหลัว เธอรู้แล้วที่เซียวเหยี่ยนดูปลอดภัยไร้กังวลนั้นเพราะเขาอดกลั้นไว้ ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วสถานการณ์ของเซียวเหยี่ยนอันตรายขนาดนี้ ก่อนหน้านี้นางยังลากเซียวเหยี่ยนมาคุยเล่นอยู่เลย เมื่อนึกถึงตรงนี้ขึ้นมา หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง

 

 

ด้วยอารามกระวนกระวาย หลิงอวี้จื้อจึงจับชายแขนเสื้อของหมอหลัวไว้แน่น

 

 

“หมอหลัว ข้าขอร้องท่าน ท่านต้องหาวิธีช่วยเขาให้ได้นะเจ้าคะ”

 

 

หมอหลัวชักแขนเสื้อตนเองออกด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วน

 

 

“แม่นาง ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตรักษาคนเป็นหน้าที่ของข้า หากช่วยได้ ข้าย่อมต้องช่วยอย่างสุดความสามารถ

 

 

เพียงแต่คุณชายท่านนี้บาดเจ็บสาหัส ซ้ำยังประวิงเวลาไปนานมาก หากร่างกายเขาไม่แข็งแรง ก็คงตายไปแล้ว ตอนนี้เขาเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น

 

 

หากอยากให้เขาฟื้นขึ้นมาต้องให้เขารีบกินสมุนไพรเซียนหลินจือ เช่นนี้ถึงยังพอจะรักษาชีวิตเขาไว้ได้ ตอนนี้ข้าจ่ายยาให้ก่อน คงจะยื้อไว้ได้ประมาณสามวัน

 

 

ในระยะเวลาสามวันนี้คุณชายท่านนี้จะยังไม่สิ้นลม พวกท่านต้องหาสมุนไพรเซียนหลินจือมาให้ได้ภายในสามวัน มิเช่นนั้นต่อให้เป็นเทพเทวดาก็ช่วยชีวิตคุณชายท่านนี้เอาไว้ไม่ได้”

 

 

หลิงอวี้จื้อไม่เคยได้ยินสมุนไพรเซียนหลินจืออะไรนี่มาก่อน มีเวลาแค่เพียงสามวัน ต้องไปหาสิ่งนี้ที่ไหนกันล่ะ นางหันไปมองมั่วชิง นางมีความรอบรู้ ย่อมรู้จักที่อยู่ของสมุนไพรเซียนหลินจือแน่นอน

 

 

มั่วชิงรู้ว่าหลิงอวี้จื้อร้อนใจ แม้แต่นางเองก็ร้อนใจ พูดด้วยความลำบากใจ

 

 

“คนหนู สมุนไพรเซียนหลินจือหายากมาก และอยู่บนเขาเทียนซานเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องยากเช่นกัน เขาเทียนซานห่างจากที่นี่ประมาณพันลี้ จะไปเอาสิ่งนี้จากเขาเทียนซานย่อมไม่ทัน จะเอาสมุนไพรเซียนหลินจือมาให้ได้โดยเร็วที่สุดตอนนี้ มีเพียงวิธีเดียว…”

 

 

“วิธีใดหรือ”

 

 

ดวงตาหลิงอวี้จื้อเป็นประกาย ถามต่อทันที

 

 

“สำนักอู๋จี๋ปลูกสมุนไพรเซียนหลินจือไว้สองต้น”

 

 

ได้ยินชื่อสำนักอู๋จี๋ แววตาหลิงอวี้จื้อก็หมองหม่นลง เพิ่งจะหนีออกจากสำนักอู๋จี๋มาได้ ไม่ต้องพูดว่าเข้าไปไม่ได้ แม้เข้าไปได้ เจียงสือก็ไม่มีทางเอาสมุนไพรเซียนหลินจือให้พวกเธอ เซียวเหยี่ยนรอไม่ได้แล้ว ไม่นานเธอก็นึกถึงคนๆ หนึ่งได้ เธอตัดสินใจแล้ว ตอนนี้คนที่ช่วยเซียวเหยี่ยนได้ก็มีแต่นางแล้ว

 

 

หมอหลัวได้ยินชื่อสำนักอู่จี๋ สีหน้าก็เปลี่ยนไป

 

 

“โอ้ แม่นาง พวกเจ้าไปหาสำนักอู๋จี๋อะไรนั่นไม่ได้นะ ที่นั่นเป็นสำนักมาร”

 

 

หมอหลัวทำความสะอาดและพันแผลให้เซียวเหยี่ยนทันที เมื่อทำเสร็จแล้ว สาวใช้ก็ยกน้ำมาหนึ่งกะละมัง หมอหลัวล้างคราบเลือดบนมือออก

 

 

“หมอหลัว ท่านรีบจ่ายยาให้อาเหยี่ยนเถิด! ขอบคุณเจ้าค่ะ เรื่องสมุนไพรเซียนหลินจือ พวกเราค่อยคิดอีกที”

 

 

หมอหลัวถอนหายใจเบาๆ

 

 

“ชายหนุ่มรูปงามขนาดนี้ หากตายไป ก็น่าเสียดายจริงๆ เรื่องอื่นก็ให้เป็นไปตามบุญวาสนาแล้วกัน พวกท่านใครจะไปหยิบยากับข้า”

 

 

“ข้าไปเอง ท่านหมอ เชิญทางนี้”

 

 

อู่จิ้นทำท่าเชิญ ออกไปกับหมอหลัวก่อน

 

 

หลิงอวี้จื้อนั่งข้างขอบเตียง นึกได้ว่ามั่วชิงก็จับชีพจรเป็น แววตามีประกายความหวังเส้นสุดท้าย

 

 

“มั่วชิง เจ้ามาจับชีพจรอาเหยี่ยนอีกรอบ ดูสิว่าหมอหลัวตื่นตูมเกินไปหรือไม่”

 

 

มั่วชิงพยักหน้า ยื่นมือมาจับชีพจรเซียวเหยี่ยน สีหน้าหม่นหมองทันใด

 

 

“หมอหลัวพูดถูกต้องทุกประการเจ้าค่ะ ชีพจรของท่านอ๋องอ่อนแรงมากจริง เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเจ้าค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อกุมมือเซียวเหยี่ยนแน่น

 

 

“นอกจากสมุนไพรเซียนหลินจือแล้วไม่มีวิธีอื่นเลยหรือ”

 

 

“คราวนี้หมอหลัวพูดไว้ไม่มีผิดเจ้าค่ะ”

 

 

“มั่วชิง เจ้าไปหยิบเสื้อผ้าสะอาดมาชุดหนึ่ง ข้าอยากเปลี่ยนชุดให้อาเหยี่ยน”

 

 

มั่วชิงพยักหน้า แล้วออกไป

 

 

พอมั่วชิงไปแล้ว ชุนเหนียงก็ตามออกไปด้วย อยู่ต่อก็ช่วยอะไรไม่ได้ สู้ไปช่วยมั่วชิงดีกว่า

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 357 อวี้จื้อ ขอโทษ

 

 

หลิงอวี้จื้อนั่งข้างเตียงอย่างเหม่อลอย มองเซียวเหยี่ยนที่อยู่บนเตียงไม่วางตา เธอโง่จริงๆ เขาได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าก่อนหน้านี้จะไม่รับรู้เลยว่าเขาแทบทนไม่ไหวแล้ว

 

 

“อวี้จื้อ เจ้าอย่าเศร้าเกินไปเลย ต้องมีวิธีอีกสิ ข้าจะไปหาพี่รองของข้า”

 

 

หลิงอวี้จื้อส่ายหน้าเบาๆ

 

 

“ไปหานางมีประโยชน์อะไร แผลนี้นางเป็นคนแทง นางอยากฆ่าอาเหยี่ยนจนแทบทนไม่ไหว จะมาช่วยอาเหยี่ยนได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็เข้าสำนักอู๋จี๋ไม่ได้ นี่อวิ๋น ข้าอยากอยู่กับอาเหยี่ยนเพียงลำพัง เจ้ากลับห้องไปพักผ่อนก่อนเถิด!”

 

 

“เหตุใดพี่รองช่างกล้าขนาดนี้”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ถึงแม้ว่าปกติพี่รองของเขาจะค่อนข้างร้ายกาจ แต่นั่นก็เป็นอารมณ์เล็กๆ น้อยๆ ไม่สามารถหาญกล้าได้ขนาดนี้ หลายปีมานี้เขาไม่เคยเห็นพี่รองทำเรื่องอุกอาจอะไรเลย

 

 

“เจ้าอย่าลืมว่าตอนนี้นางเป็นผู้คุมกฎของสำนักอู๋จี๋ นางกับพี่สาวเจ้ามีความคิดเดียวกัน เกลียดข้ากับอาเหยี่ยนสองคนเข้ากระดูก นี่อวิ๋น เจ้าอย่าเอาเรื่องมาปนกันอีกเลย”

 

 

“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าพี่รองจะทำเรื่องเช่นนี้ได้ อวี้จื้อ ขอโทษ”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นรู้สึกผิดมาก เขาไม่อยากทำร้ายหลิงอวี้จื้อ และทำไม่ลงด้วย นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีพี่รองที่เป็นคนสำนักอู๋จี๋ขึ้นมา

 

 

เห็นมู่หรงนี่อวิ๋นคอตก ท่าทางรู้สึกผิดต่อเธอ หลิงอวี้จื้อได้แต่รู้สึกขำ

 

 

“เรื่องนี้ไม่โทษเจ้าสักหน่อย นี่อวิ๋น เจ้าจะมารับผิดมั่วๆ เพื่ออะไร ข้าเป็นคนไม่รู้จักแยกแยะคุณโทษอย่างนั้นหรือ

 

 

คนที่ควรพูดขอโทษคือข้าต่างหาก คราวนี้ข้ากับนางเสมอกันแล้ว หากนางลงมือกับพวกเราอีก ข้าก็จะไม่ปรานีนางเพียงเพราะนางเป็นพี่รองของเจ้า”

 

 

“หากนางรู้ไม่รู้จักกลับตัว ข้าก็จะไม่ยกโทษให้นาง เจ้าไม่ต้องนึกถึงข้า อวี้จื้อ เรื่องนี้ ข้ายืนอยู่ข้างเจ้าแน่นอน”

 

 

หลิงอวี้จื้อออกจะนึกไม่ถึงว่ามู่หรงนี่อวิ๋นจะพูดเช่นนี้ เห็นหน้าตาเขาจริงจัง หลิงอวี้จื้อก็รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น รู้สึกซาบซึ้งใจมาก เธอส่งรอยยิ้มสดใสให้มู่หรงนี่อวิ๋น

 

 

“ไม่เสียแรงที่คบเจ้าเป็นเพื่อน เจ้ารีบไปพักเถิด ที่นี่มีข้าก็พอแล้ว”

 

 

“เจ้าเป็นสาวเป็นนาง จะสะดวกเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขาได้อย่างไร เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ข้าเถิด”

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดอย่างไม่ยี่หระ

 

 

“ข้าไหว้ฟ้าดินกับเขาไปแล้ว หากว่ากันตามหลัก ตอนนี้ข้าเป็นฮูหยินของอาเหยี่ยนแล้ว ข้าไม่รังเกียจ เจ้าจะรังเกียจอะไร เจ้าเป็นชายชาตรีจะมาเปลี่ยนเสื้อผ้าชายอื่นไม่กระอักกระอ่วนใจหรือ”

 

 

“เจ้า…เจ้า…”

 

 

เมื่อเจอเข้ากับคำอธิบายของหลิงอวี้จื้อ มู่หรงนี่อวิ๋นก็พบว่าตนเองรู้สึกหมดคำพูด

 

 

ถึงแม้รู้ว่าสองคนนี้จะแต่งงานกันไม่ช้าก็เร็ว การกระทำใกล้ชิดสนิทสนมเช่นนี้ก็เป็นเรื่องปกติ แต่เมื่อทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าต่อตาเขาจริงๆ เขาก็รู้สึกค่อนข้างอึดอัด บางเรื่องก็ต้องทำเป็นไม่เห็นจริงๆ

 

 

“ไม่ต้องมาเจ้าแล้ว เรียนอะไรก็ไม่ดี รู้จักแต่จะเรียนพูดจาติดอ่าง เชื่อข้า รีบไปเสียเถิด!”

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดพลางก็ดันมู่หรงนี่อวิ๋นจากด้านหลังให้ก้าวเดินไปพลาง ดันจนเขาออกไป มู่หรงนี่อวิ๋นเห็นหลิงอวี้จื้อมีสีหน้าอ่อนล้า จึงทำได้เพียงออกไปก่อน

 

 

เขาเหลือบมองหลิงอวี้จื้อหนึ่งครั้ง เห็นนางฝืนยิ้มออกมา ไม่รู้เหตุใดถึงรู้สึกปวดใจ เขาหวังให้นางมีชีวิตที่ดี ไร้ความกังวลทุกวัน เป็นเหมือนอย่างตอนที่เขาเพิ่งรู้จักนางใหม่ๆ ไปตลอด พูดตามที่ใจคิด หัวเราะอย่างเปิดเผย

 

 

ตอนนี้เองมั่วชิงหยิบเสื้อผ้าสะอาดเข้ามาหนึ่งชุด ส่วนชุนเหนียงยกน้ำมาหนึ่งอ่าง

 

 

หลิงอวี้จื้อกับมั่วชิงช่วยกันเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เซียวเหยี่ยน สัมผัสโดนผิวหนังของเขา พบว่าตัวเขาร้อนดั่งไฟลวก เคราะห์ร้ายจริงๆ ไข้ขึ้นสูงแล้ว เป็นช่วงเวลาแผลติดเชื้อน่ะสิ