เมื่อพูดจบ ความรู้สึกเจ็บปวดนั้นก็จางหายไป
เปปเปอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อปิดบังคิดในดวงตาของเขา
เป็นจริงดังนั้น จากสถานการณ์เมื่อสักครู่มันไม่ได้เป็นครั้งสุดท้าย จากครั้งนี้ทำให้เขารู้ว่าเขาจะต้องปลอบโยนใจตอนที่ส้มเปรี้ยวรู้สึกอารมณ์ไม่ดี หรือว่าเวลาเธออยากได้อะไรจะต้องให้เธอ ถ้าเขาไม่ทำแบบนั้น ก็จะรู้สึกเหมือนถูกลงโทษด้วยการเกิดความรู้สึกเจ็บปวดในใจ นี่มันต่างจากหุ่นกระบอกยังไงกัน?
“เปปเปอร์ ขอบคุณมากนะคะ คุณดีกับฉันจังเลย” น้ำเสียงของส้มเปรี้ยวไม่ได้รู้สึกว่าเปปเปอร์เปลี่ยนไปแต่อย่างใด เธอยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดออกมา
เปปเปอร์กลับไปเป็นเหมือนตอนก่อนที่จะถูกรถชนแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาคงจะยอมคืนดีกับเธอแล้วใช่ไหม?
เปปเปอร์ก้มหน้าลง พยายามระงับจิตใจที่อยากจะทำลายทุกสิ่งอย่างลงไปโดยไม่ได้ตอบอะไรเธออีก
ขณะเดียวกัน ผู้จัดการร้านที่เดินจากไปเมื่อครู่ก็เดินกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับหมอคนหนึ่ง
“คุณผู้หญิงและคุณผู้ชายทั้งสี่ท่าน เชิญให้คุณหมอตรวจดูอาการก่อนนะครับว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนบ้าง” ผู้จัดการร้านรีบพูดขึ้นกับมายมิ้นท์ เปปเปอร์และอีกสองคน แต่ในใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่น
นี่มันอะไรกัน เมื่อสักครู่คุณผู้ชายท่านนี้ทำท่าทางเหมือนจะตายก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนนี้จู่ๆ โคมไฟคริสทัลก็ร่วงลงมาเสียอย่างนั้น อีกทั้งโคมไฟคริสทัลก็อยู่ตรงตำแหน่งของคุณผู้ชายที่ใช้ไม้ค้ำยันคนนั้นพอดี
หรือคุณผู้ชายท่านนี้จะเป็นตัวซวยกันนะ? ไม่ว่าไปที่ไหนก็พาความโชคร้ายมาเสมอ
“คุณหมอครับ ช่วยดูบาดแผลให้พี่ผมหน่อย” ราเม็งรีบเข้าไปลากแขนแพทย์เข้ามาดูอาการมายมิ้นท์
จู่ๆ น้ำเสียงของส้มเปรี้ยวก็ดังขึ้นขัด เธอกลอกตาแล้วพูดว่า “คุณมายมิ้นท์คะ คุณรอสักครู่ได้ไหม?”
“หมายความว่ายังไง? คุณจะให้หมอดูอาการให้ก่อนหรือไง?” ราเม็งสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที สายตาอันหม่นหมองมองไปที่เธอ
เปปเปอร์เองก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน แววตาของเขาเผยถึงความรังเกียจออกมา
นับจากที่เขารู้ตัวว่าตนเองไม่ได้รักส้มเปรี้ยว และเข้าใจว่าตนเองจะทำไม่ดีกับส้มเปรี้ยวไม่ได้ ไม่อาจปฏิเสธการปกป้องส้มเปรี้ยว ไม่อย่างนั้นเขาก็จะได้รับการลงโทษ ในใจของเขาก็รู้สึกสะอิดสะเอียนขึ้นมาทุกครั้งเมื่อได้ยินเสียงส้มเปรี้ยว
“ใช่ค่ะ คุณมายมิ้นท์ได้รับบาดเจ็บแค่ที่แขน แต่ว่าแผลของฉันเป็นที่ใบหน้านะคะ ดังนั้น……”
“หุบปากสักทีได้มั้ย!” นี่เป็นครั้งแรกที่ราเม็งอดทนไม่ไหวกับอารมณ์โกรธและระเบิดมันออกมา “คุณบาดเจ็บที่ใบหน้าแล้วยังไง? บาดแผลของคุณเท่ากับพี่สาวผมไหม?”
ราเม็งมองไปทางมายมิ้นท์ที่เลือดไหลออกมาเต็มแขน เขาอยากจะเข้าไปบีบคอส้มเปรี้ยวให้ตายเหลือเกิน
ส้มเปรี้ยวกัดฟันกรอด “ต่อให้คุณมายมิ้นท์ได้รับบาดเจ็บมากกว่าฉัน แต่ถ้าใบหน้าของฉันละเลยไม่รักษาทันทีก็จะเกิดเป็นรอยแผลเป็นนะ แขนของคุณมายมิ้นท์ต่อให้เป็นแผลเป็นก็สามารถเก็บซ่อนได้ใต้ร่มผ้า คุณมายมิ้นท์เป็นคนจิตใจงดงามขนาดนั้น เธอคงไม่อยากจะให้ฉันมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าหรอกใช่ไหมคะ?”
“ไม่ ฉันไม่ใช่คนดีขนาดนั้น ฉันอยากจะให้ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ไม่เพียงแต่รอยแผลเป็นนะ ฉันอยากจะให้เสียโฉมไปเลยด้วยซ้ำ!” มายมิ้นท์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
ส้มเปรี้ยวเบิกตากว้างมองดูเธออย่างเหลือเชื่อ “คุณมายมิ้นท์ นี่คุณ……”
“พอได้แล้ว!” เปปเปอร์ทนดูต่อไปไม่ไหว เขามองไปที่ส้มเปรี้ยวแล้วทำสีหน้าโกรธเคือง “ทำแผลให้มายมิ้นท์ก่อน”
“เปปเปอร์คะ……”
“ทำแผลให้มายมิ้นท์ก่อน!” เปปเปอร์หันไปมองส้มเปรี้ยวและพูดซ้ำอีกครั้ง
ไม่มีใครรู้หรอกว่าวินาทีนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดขนาดไหน หัวใจของเขาปวดร้าวเสียจนแทบระเบิดออกมา สมองของเขาเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่กำลังสะกดจิตเอาไว้ มันสั่งให้เขาแย่งหมอมาดูอาการส้มเปรี้ยวก่อน ไม่ต้องไปสนใจมายมิ้นท์ก็ได้ ให้เธอเจ็บปวด ให้เธอเสียใจไป!
แต่ทำไมล่ะ? ทำไมเขาจะต้องทำตามเสียงนั้น ทำไมจะต้องทำให้มายมิ้นท์ต้องเจ็บปวด?
อย่างมากเขาก็แค่พยายามรวบรวมพลังสู้กับอำนาจอันลึกลับนั้น หรือบางทีฆ่าเขาไปเสีย ก็อาจจะทำให้หลุดพ้นได้
ถูกต้องแล้ว วินาทีนี้เปปเปอร์เข้าใจทุกประการ มีพลังลึกลับอย่างหนึ่งกำลังควบคุมเขาอยู่ ควบคุมให้เขาไปรักส้มเปรี้ยวและทำตัวดีกับส้มเปรี้ยว
บางทีตัวเขาเองไม่เคยรักส้มเปรี้ยวด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ที่เขาคิดว่าตนเองรักเธอ อาจเป็นเพียงเพราะพลังอันลึกลับนี้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาให้เขารู้สึกว่าตัวเองนั้นรักส้มเปรี้ยว
แต่ตอนนี้เขารู้ตัวแล้วว่าเขาไม่ได้รักเธอ เขาเพียงชื่นชอบการใช้ปลายปากกาสื่อสารกับตนในตอนนั้นที่ชื่อว่าต้นไผ่ นิสัยและบุคลิกของส้มเปรี้ยวไม่เหมือนกับต้นไผ่เลยสักนิด เป็นไปไม่ได้ที่เธอนอนเป็นเจ้าหญิงนิทราอยู่หกปี จึงทำให้นิสัยและบุคลิกของเธอเปลี่ยนไปเป็นคนละคน มีเพียงสิ่งเดียวที่อธิบายเรื่องนี้ได้นั่นก็คือ บางทีส้มเปรี้ยวอาจจะไม่ใช่ต้นไผ่
จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ถึงช่องว่างต่างๆ มากมาย แต่ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน ไม่เคยค้นพบมันมาก่อน นี่มันปกติหรือเปล่า? เขามั่นใจได้ว่านี่ไม่ปกติแน่นอน
เป็นเพราะพลังอำนาจนั้นมันบดบังเขาอยู่ และตั้งใจไม่ให้เขาค้นพบว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมพลังอำนาจนั้นจึงต้องเข้ามาคุ้มครองส้มเปรี้ยว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม พลังนั้นอย่าได้ฝันจะเข้ามาควบคุมเขาอีก เพราะเขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถในการต่อต้านมัน
“อึก……” ความเจ็บปวดของเปปเปอร์หลั่งล้นจนเขาส่งเสียงออกมาเบาๆ วินาทีต่อมาเขาก็ทนไม่ไหวแล้วคุกเข่าลงไปบนพื้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ทุกคนที่เห็นฉากนี้ล้วนตกตะลึง
มันเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเขาถึงเป็นแบบเมื่อสักครู่อีกแล้ว?
มายมิ้นท์เม้มริมฝีปากด้วยความสงสัย
ดูเหมือนเขาจะเจ็บปวดมาก หรือว่าเขามีโรคประจำตัวอะไรที่เธอไม่รู้กัน?
“เปปเปอร์คะ!” ส้มเปรี้ยวตั้งใจจะเข้าไปพยุงเปปเปอร์ขึ้นมา
แต่เปปเปอร์กลับปฏิเสธและผลักมือเธอ
จังหวะนี้ที่เขาพยุงตัวเองด้วยโต๊ะเพียงมือข้างเดียวทำให้ร่างกายไม่อาจรับได้ จึงเซและล้มลงไป ทิศทางตรงเหมาะเจาะกับที่มายมิ้นท์ยืนอยู่พอดี
มายมิ้นท์เห็นร่างของเขาเซมาแบบนั้น เธอก็ใช้มือข้างที่บาดเจ็บเข้าไปพยุงเขาไว้โดยไม่ครุ่นคิด
คาดไม่ถึงว่าวินาทีที่เปปเปอร์ได้สัมผัสกับเธอ ความเจ็บปวดในหัวใจนั้นก็เบาลงไม่น้อย
เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นมองมายมิ้นท์ด้วยความประหลาดใจ
เขามั่นใจว่าตอนที่มายมิ้นท์สัมผัสเขา ความเจ็บปวดได้จางหายไป
ดังนั้นเธอ……อาจจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาหลุดพ้นจากความเจ็บปวดอันน่าแปลกประหลาดนี้ หรือบางที……เธออาจจะเป็นยาแก้พิษ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ ในใจของเปปเปอร์ก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ
เขายกมือขึ้นและกุมไปที่มือของมายมิ้นท์อย่างแรง ดูเหมือนว่าต้องการจะให้มือของเธอผสานไปกับมือของเขาให้เป็นหนึ่งเดียว
เมื่อเขาทำเช่นนี้ความรู้สึกเจ็บปวดในใจก็เบาบางลงอีก ดูเหมือนว่ามันจะดีขึ้นจนแทบรู้สึกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้นะ!” เมื่อมายมิ้นท์เห็นว่าเปปเปอร์จับมือของตน อีกทั้งใช้แววตาอันเร่าร้อนมองเธอ ในใจก็รู้สึกแปลกๆ ไม่เข้าใจว่าเขาเป็นอะไรกันแน่
แต่ดูเหมือนว่าเปปเปอร์จะฟังมันไม่ได้ยินเลย เขายังคงกุมมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย
ราเม็งสีหน้าเคร่งขรึมลงทันใด ทางด้านของส้มเปรี้ยวก็หน้าตาบูดเบี้ยวเช่นกัน
ผู้จัดการร้านและแพทย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกว่าฉากนี้มันน่าสับสนจริงๆ
บรรดาสี่คนนี้ใครคู่กับใครกันแน่?
ความสัมพันธ์นี้ช่างซับซ้อนเหลือเกิน!
ทันใดนั้นบรรยากาศรอบข้างก็ดูแปลกประหลาดไปและเงียบสงบมาก
จนกระทั่งแพทย์วางกรรไกรลง จึงทำลายบรรยากาศอันน่าประหลาดเมื่อครู่ได้ “เรียบร้อยแล้วครับ บาดแผลของคุณผู้หญิงคนนี้ ผมฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่าให้ถูกน้ำ เปลี่ยนผ้าและใส่ยาให้ตรงเวลาก็จะไม่เป็นแผลเป็น”
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะขอบคุณมาก” มายมิ้นท์ยิ้มให้กับแพทย์ เป็นความหมายว่าเธอจำได้แล้ว ก่อนจะหันไปมองเปปเปอร์อย่างไม่พอใจว่า “คุณยังไม่รีบปล่อยอีก จะจับมือฉันไปถึงเมื่อไหร่?”
“รีบปล่อยพี่สาวผมเดี๋ยวนี้นะ!” ราเม็งเดินเข้ามาแล้วปัดมือเปปเปอร์ออกจากมายมิ้นท์
เดิมทีเปปเปอร์คิดว่าหลังจากที่ปล่อยมือเธอแล้วหัวใจของเขาจะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นอีกครั้ง
แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกประหลาดใจก็คือ เหตุการณ์เช่นนั้นไม่ได้เกิดขึ้น
ดูเหมือนว่า หลังจากสัมผัสมายมิ้นท์เพื่อจัดการกับความเจ็บปวดนั้นเรียบร้อยแล้ว ต่อให้ต้องปล่อยเธอออกก็จะไม่เจ็บอีก
“เปปเปอร์คะ……” น้ำเสียงอันอ่อนโยนอ่อนหวานของส้มเปรี้ยวดังขึ้นอีกครั้ง
เปปเปอร์จึงพยุงโต๊ะแล้วลุกขึ้น สีหน้าเยือกเย็นหันไปพูดว่า “คุณหมอครับรบกวนช่วยดูอาการให้เธอหน่อย”
“ได้ครับ” แพทย์พยักหน้า
ส้มเปรี้ยวกล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “เปปเปอร์คะ ฉันกลัวเจ็บจังเลย คุณช่วยกอดฉันไว้ได้ไหม?”
แววตาของเปปเปอร์เผยถึงความเยาะเย้ยออกมา
บาดแผลของมายมิ้นท์ใหญ่ขนาดนั้น เธอยังไม่ได้บอกสักคำว่าเจ็บ การที่หล่อนทำท่าทางดูบอบบางเเบบนี้มองไปแล้วน่าสะอิดสะเอียน
“ครับ” เปปเปอร์ก้มหน้าลงแล้วตอบรับส้มเปรี้ยว
เขารู้ดีว่าถ้าเขาไม่ทำตามที่เธอร้องขอ หัวใจของเขาก็จะเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง แม้ว่ามายมิ้นท์จะอยู่ข้างกายเขาและสามารถบั่นทอนความเจ็บปวดได้ทันทีก็ตาม
แต่ถ้าหากว่าเขาทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ เห็นได้ชัดว่าจะทำให้มายมิ้นท์รู้สึกรำคาญ เพราะมายมิ้นท์ไม่รู้ว่าเธอกำลังช่วยเขาให้พ้นจากความเจ็บปวดอยู่ เธอคงจะคิดว่าเขาตั้งใจจะแต๊ะอั๋ง สิ่งที่ได้มาไม่คุ้มค่าเลย หลังจากนี้เขาจะต้องคิดหาหนทางเข้าใกล้กับมายมิ้นท์เพื่อเอาชนะพลังลึกลับนั้นให้ได้