ตอนที่ 379

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 379: ตบปากอย่างบ้าคลั่ง

 

“พูดจาใหญ่โต ทั้งที่ตอนนี้ยังหายใจหอบเนี่ยนะ? หากว่าเจ้ามั่นใจนัก ข้าจะเข้าไปเป็นคนแรกเอง” ซื่อเฉิงมองไปที่เขาด้วยสายตาดูถูก ไม่ได้คิดจะเอาจริงกับเขาเลยสักนิด

 

ระดับของเขานั้นไม่สูง อยู่แค่ระดับก่อแกนวิญญาณขั้นที่ 1 แต่หากเทียบกับสวี่เฟยแล้ว ถือว่าอยู่กันคนละชั้น

 

“ซื่อเฉิง เจ้ามาเป็นคนแรก ได้!” สวี่เฟยมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดว่า “ถ้าเจ้าแพ้ จะต้องคุกเข่าขอโทษพี่ใหญ่อี้ให้ข้า!”

 

“คุกเข่าขอโทษ ช่างเป็นการพูดจาที่ใหญ่โตนัก!” ซื่อเฉิงหัวเราะ แล้วพูดขึ้นว่า “แล้วหากว่าเจ้าแพ้ล่ะ เจ้าจะทำยังไง?”

 

“ถ้าข้าแพ้ เจ้าก็หักแขนข้าทิ้งได้เลย เป็นยังไง!” สวี่เฟยพลันเดิมพันใหญ่ในทันที ทำให้พวกเขาต้องตาโต นี่มันจะไม่ใจกล้าไปหน่อยเหรอ

 

หลังจากซื่อเฉิงได้ฟังก็หัวเราะ “ย่อมได้ ในเมื่อเจ้าอยากจะหักแขนตัวเองนัก ข้าจะเป็นคนช่วยเจ้าเอง!”

 

คำพูดเพิ่งจะจบ ซื่อเฉิงก็ถือกระบี่พุ่งเข้ามา กระบี่ในมือเขาถูกแทงออกมาจนกลายเป็นประกายแสงสีขาว เห็นได้ชัดว่าเป็นการลงมือที่รวดเร็วอย่างยิ่ง ทั้งยังเป็นกระบวนท่าสังหารอีกด้วย

 

สวี่เฟยกุมกระบี่ยาวในมือตัวเองแน่น สายตาจดจ้อง และในพริบตาที่กระบี่ของซื่อเฉิงกำลังจะมาถึงนั้น สวี่เฟยก็พลันเคลื่อนไหว

 

เขาทำการเล็งไปกระบี่ที่ซื่อเฉิงแทงเข้ามา ลำแสงสีขาวปะทะกับกระบี่ที่แทงเข้ามาจนเกิดประกายไฟ ครูดไปตามตัวกระบี่ของอีกฝ่ายจนเสียงดังเสียดแก้วหู ก่อนที่จะตัดแขนซื่อเฉิงจนขาดออก การลงมือนี้รวดเร็วอย่างยิ่ง ซื่อเฉิงไม่ทันได้ตอบสนอง แขนของเขาก็พลันถูกกระบี่นี้ตัดจนขาด

 

“ฮ่าๆ นี่มันอะไรกัน ต้องเป็นภาพลวงตาแน่ๆ?” ซื่อเฉิงตอนแรกนั้นตกใจ จากนั้นก็กลายเป็นความไม่อยากจะเชื่อแทน

 

ในขณะที่แขนถูกตัดขาด พร้อมกันนั้นก็มีเลือดพุ่งออกมาจากแขนของเขา กระบี่ที่จับอยู่ในมือร่วงลงกับพื้น ตัวคนทรุดเข่าลง พร้อมกับเอามือกุมแขนแล้วกรีดร้องออกมา

 

“ขอโทษซะ!” สวี่เฟยชี้กระบี่ไปที่หัวอีกฝ่ายแล้วพูดอย่างเย็นชา

 

หลายคนยังไม่ทันรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร ซื่อเฉิงก็ดันมาแพ้ซะแล้ว

 

“ใช่แล้ว นี่คือเคล็ดวิชากระบี่แสง เขาฝึกมาถึงช่วงท้ายแล้ว ตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้ เป็นการออกกระบี่ที่เร็วมาก…..”

 

ทันใดนั้นก็มีบางคนนึกขึ้นได้ว่านี้คือวิชาอะไร ไม่คิดเลยว่าสวี่เฟยจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เห็น เพียงกระบวนท่าเดียวก็จัดการซื่อเฉิงได้แล้ว

 

“จะให้ข้าขอโทษอย่างงั้นเหรอ…. จัดการพวกมันซะ กล้าดียังไงถึงได้ทำร้ายข้า!” ซื่อเฉิงสีหน้าซีดขาว ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

 

“ลุย!”

 

โดยไม่เสียเวลาคิด สหายทั้งหลายของซื่อเฉิงก็บุกเข้าไปพร้อมกันในทันที แต่ละคนต่างก็พากันชักกระบี่ออกมาอย่างไม่ลังเล ระดับของทุกคนนั้น ล้วนแต่แข็งแกร่งกว่าซื่อเฉิง และที่สำคัญคือพวกเขาไม่ได้ประมาทเหมือนกับซื่อเฉิง

 

สวี่เฟยพลันหน้าเปลี่ยนสี เคล็ดวิชากระบี่แสงที่ใช้ออกไปเมื่อกี้นี้ แม้จะเป็นเพียงแค่กระบี่เดียว แต่ก็ผลาญพลังของเขาไปมาก ตอนนี้ยังมีคนหลายคนโถมเข้ามา แล้วเขาจะไปจัดการได้ยังไง?

 

“ดูเหมือนว่าคำพูดของคนบางคนก็ไม่ควรไปให้ค่ากับมัน เพิ่งจะพูดเองเมื่อกี้แท้ๆ ยังไม่ทำตาม แล้วอย่างนี้ยังจะมีปากเอาไว้ทำไม?”

 

อึดใจต่อมา ร่างของอี้เทียนหยุนก็กระพริบวาบ อย่างที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็น ก่อนที่จะมาปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขา พร้อมกับเงื้อมือตบเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างแรง “เพี๊ยะ”

 

ปากของพวกเขาถูกตบต่อหน้าสวี่เฟยติดๆ กัน ฟันฟางหลุดร่วงออกจากปากไม่รู้กี่ซี่ พร้อมกับเลือดที่ไหลกบปาก

 

“สวี่เฟย เจ้าดูว่าใครบ้างที่ขัดตา เข้าไปสั่งสอนมันได้เลย มีข้าอยู่ ข้าอยากจะรู้นักว่าใครจะกล้าลงมือกับเจ้า!” อี้เทียนหยุนมองพวกเขาอย่างเย็นชา พร้อมกับบอกให้สวี่เฟยลงมือกับพวกเขาได้ตามใจ

 

เขาไม่อยากสร้างปัญหา กับการไม่รักษาคำพูดของอีกฝ่ายนั้น เขาไม่แปลกใจเลยสักนิด

 

พริบตา คนทั้งหลายก็ถูกตบจนปลิว กระเด็นออกไปด้านข้าง ตัวคนกลายเป็นมึนงง

 

ฝ่ามือนี้เขาใส่แรงลงไปค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่หนักมาก หากว่าให้เขาลงมือโดยไม่ออมแรงไว้ล่ะก็ หัวของพวกเขาคงไม่มีอยู่แล้วในตอนนี้

 

ฉากนี้ทำให้หลายคนถึงกับสั่น บอกตีเป็นตี ไม่มีการปรานี ไม่สนสักนิดว่าอีกฝ่ายมาจากขุมอำนาจไหน ตีก่อนแล้วค่อยพูดกัน

 

“เจ้า เจ้ากล้าตีข้า…..” คนทั้งหลายเอามือกุมหน้าพร้อมกับค่อยๆ ลุกขึ้น สถานการณ์ในตอนนี้ไม่สามารถหยุดได้แล้ว

 

“สวี่เฟย เจ้ายังจะยืนนิ่งทำอะไรอีก เข้าไปตบปากพวกมันซะ!” อี้เทียนหยุนจ้องไปที่สวี่เฟยอย่างเย็นชา

 

หลังจากลังเลสักพัก สวี่เฟยก็กัดฟันเงื้อมือตบไปยังอีกฝ่ายที่เพิ่งจะลุกขึ้นอย่างแรง “เพี๊ยะ” จนคนผู้คนต้องปลิวกระเด็นไปอีกครั้ง ฝ่ามือนี้แน่นอนว่าเป็นฝ่ามือที่หนักเหมือนกัน ทั้งยังเป็นฝ่ามือที่ใช้ออกด้วยแรงเต็มพิกัด ตบอีกฝ่ายอย่างไม่ปรานี

 

“ใครบอกให้พวกเจ้าดูถูกพี่ใหญ่อี้ ใครบอกให้พวกเจ้าดูถูกข้า พูดแล้วยังกล้าคืนคำ มีตาแต่ไร้แวว ไอ้พวกสวะเอ๊ย!”

 

เขาปลุกความกล้าออกมา พร้อมกับฟาดฝ่ามือออกไปอย่างบ้าคลั่ง ตบจนพวกเขาแทบสลบ ฟันฟางในปากไม่รู้ว่าหลุดร่วงมามากแค่ไหน ทั้งยังเป็นการทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าอย่างมาก ถูกตบหน้าต่อหน้าคนมากมาย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ขายหน้าได้ยังไง

 

“สหายท่านนี้พอได้ไหม? พวกเขาเป็นคนของขุนพลซื่อ เจ้าทำอย่างนี้ มันจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวนะ!” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณเดินเข้ามา กลิ่นอายของเขาเมื่อเทียบกับคนจำนวนมากในที่แห่งนี้แล้ว ถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่า เห็นได้ชัดว่าเป็นคนของฝ่ายขุนพลผู้นั้น จึงคิดเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย

 

“สวี่เฟย ทำต่อไป ตบจนกว่าพวกมันจะยอมรับความผิด!” อี้เทียนหยุนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ครับพี่ใหญ่อี้!” สวี่เฟยยังคงฟาดฝ่ามือใส่พวกเขาต่อ อย่าว่าแต่ตีจนพวกเขาพูดขอโทษออกมาเลย แค่จะพูดสักคำยังพูดไม่ออก

 

สวี่เฟยดูราวกับคนบ้าก็ไม่ปาน ทำการฟาดฝ่ามือใส่ปากพวกเขาไม่หยุด ปลดปล่อยความโกรธแค้นในใจออกมา การที่ต้องมาถูกดูถูก เขาที่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง จะให้ไม่โกรธได้ยังไง? ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ทำให้แต่ละฝ่ามือที่ฟาดออกไปยิ่งแรงขึ้นไปอีก

 

เขาในตอนนี้ฝากชีวิตของตนไว้กับอี้เทียนหยุน ทำการลงมือโดยไม่ผ่อนผัน ทำให้ผู้คนรอบๆ พากันมองดูด้วยท่าทางตกตะลึง ขนาดผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณเข้าไปเตือน พวกเขาก็ยังไม่คิดจะหยุด ทั้งยังลงมือหนักยิ่งกว่าเก่าอีก

 

“หาที่ตาย หยุดให้ข้าเดี๋ยวนี้!” ผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้นี้ปะทุความโกรธออกมา พุ่งเข้าไปหยุดสวี่เฟยในทันที พร้อมกับทำมือเป็นกรงเล็บ เล็งเข้าที่หัวของอีกฝ่าย

 

กระบวนท่านี้ถือว่าไร้ปรานีอย่างที่สุด คิดจะบีบศีรษะของสวี่เฟยให้ระเบิดออก เห็นได้ชัดว่าเป็นกระบวนท่าสังหาร

 

ยังไงก็ตาม ก็มีบางคนที่เร็วกว่าเมื่อเทียบกับเขา พริบตาคนผู้นั้นก็ปรากฏขึ้นขวางหน้าเขาไว้ พร้อมกับตบเข้าที่หน้าของเขา การลงมือนี้เขาไม่ทันได้ตอบสนอง ก็พลันทรุดลงกับพื้นแล้ว

 

“เจ้าคิดจะหยุดใคร!” อี้เทียนหยุนจัดการผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้นี้จนกองลงกับพื้น จนอีกฝ่ายสายตาพร่าเลือน

 

“เจ้า เจ้า…..”

 

“เพี๊ยะ!”

 

“เจ้าอะไร?”

 

“ข้า ข้า….”

 

“เพี๊ยะ!”

 

“ข้าอะไร?”

 

“……”

“เพี๊ยะ!”

 

“ไม่ใช่ว่าเมื่อกี้นี้เก่งนักหรอกเหรอ ทำไมไม่พูด?”

 

อี้เทียนหยุนทำการตบหน้าเขาติดๆ กัน จนผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้นี้ไม่กล้าเอ่ยปาก ตบจนหน้าอีกฝ่ายบวมเป่งราวกับหมู ก่อนที่จะยกเท้าถีบเข้าใส่อีกฝ่ายอย่างแรง จนเสียง “แกรก” ดังออกมาให้ได้ยิน ถีบอีกฝ่ายกระเด็นไปไกล จนอีกฝ่ายแน่นิ่งไป

 

“ท่านสังหารหลู่เถียนสำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 34,000, ได้รับค่าความคลั่ง 3,400, ค่าความชั่ว 150, ได้รับวิชายุทธ์ กรงเล็บผี, ได้รับไอเทม เหล็กกรงเล็บเหยี่ยว, เหล็กแผงมังกร, เม็ดยาค่าประสบการณ์ 100,000”

 

เสียงระบบดังขึ้นมา บอกว่าเขาได้เผลอสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับผันแปรวิญญาณผู้นี้ไปเสียแล้ว อี้เทียนหยุนไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปวกเปียกได้ขนาดนี้