ราชันเร้นลับ 414 : ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 414 : ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย โดย Ink Stone_Fantasy

เมื่อสจ๊วตยกปืนเล็ง ไคลน์ ผู้ระวังตัวมาสักพักจึงตระหนักถึงอันตรายได้ไม่ยาก มันม้วนตัวกระโจนไปข้างหน้าในจังหวะเดียวกับการลั่นไกของสจ๊วต

ปัง!

สจ๊วตลงมือเหนี่ยวไกอย่างไม่ได้สติ กระสุนพุ่งถากข้างแก้มไคลน์เล็กน้อยและไปกระทบกับกำแพงบ้าน

พร้อมกันกับนักสืบทุกคนต่างหยิบปืนพกของตัวเองออกมาถือด้วยสีหน้าตึงเครียดสุดขีด ประหนึ่งทุกคนรอบตัวเป็นศัตรู

สถานการณ์ปัจจุบันกำลังเข้าขั้นวิกฤติ

จากบรรดาทุกคน สจ๊วตและนักสืบอีกสองสามคนกำลังมีใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาถลึงอย่างโกรธแค้น เส้นเลือดตามใบหน้าและหลังมือปูดโปนเด่นชัด ภาษากายคล้ายกำลังหวาดกลัวและโกรธจัด ราวกับอุปนิสัยแปรเปลี่ยนเป็นปีศาจอย่างสมบูรณ์

ทันใดนั้น คาสลาน่าคำราม :

“หยุด!”

ระดับความดังอาจไม่มาก แต่แฝงด้วยพลังอำนาจอย่างเต็มเปี่ยม ส่งผลให้ร่างกายเหล่านักสืบสั่นกระตุกแผ่วเบา ก่อนทุกคนจะยอมปฏิบัติตามถ้อยคำดังกล่าวแต่โดยดี

แม้จะคืนความสงบได้หลายวินาที แต่สถานการณ์กลับยังไม่ดีขึ้น ไคลน์กลิ้งตัวไปถึงอีกฝั่งพร้อมกับลุกยืนพลางกำปืนในมือแน่น

สมองชายหนุ่มกำลังเร่งประมวลผลโดยไม่ปิดกั้นขีดจำกัด ใจหนึ่งเตรียมใช้เวทมนตร์ภาพลวงตาเพื่อสงบสติอารมณ์ของทุกคนในบ้านไว้ก่อน

แต่ทันใดนั้น กริ่งบ้านพลันกังวาน

กริ๊ง! กริ๊ง!

กลุ่มนักสืบต่างสะดุ้งเฮือก แต่สีหน้าแววตาเริ่มเผยความกระจ่างและคมชัด

เสียงกริ่งบ้านเป็นราวกับถังบรรจุน้ำเย็น ถูกราดลงมาเพื่อให้จิตใจทุกคนสงบลง

สจ๊วตก้มมองลูกโม่ในมือพร้อมกับขยับปากพึมพำเสียงเบา

“ผ…ผมทำอะไรลงไป…”

หน่วยพิเศษของทางการเริ่มลงมือแล้ว?

ไคลน์ถอนหายใจยาวขณะเดินตรงไปยังประตูหน้าด้วยลูกโม่ในมือซ้าย

ปลายนิ้วสัมผัสลูกบิด นิมิตผู้มาเยือนผุดขึ้นในสมอง

ชายสูงวัยในเสื้อโค้ทตัวใหญ่สีดำ สวมหมวกนายพราน ใบหน้าเรียว จอนตรงขมับมีสีเทาแซมเล็กน้อย ไอเซนการ์ด·สแตนธอน

สีหน้าค่อนข้างหมองและซีด แขนซ้ายเลื่อนขึ้นมาจับไหล่ขวา

เขาปลอดภัย…!

ไคลน์โล่งใจในตอนแรก แต่จากนั้นก็กลับมาหวาดระแวงตามเดิม เนื่องจากยังไม่ลืมภาพเหตุการณ์ในคืน ‘ผู้ไร้หน้า’ โรซาโก้ แวะเข้ามาเยี่ยมบ้านของตนโดยการปลอมตัวเป็นนายตำรวจ

นิ้วมือซ้ายถูกสอดเข้าโกร่งปืน มือขวาหมุนลูกบิดพร้อมกับขยับถอยหลังสองก้าว

ไอเซนการ์ด·สแตนธอนส่งยิ้มและพยักหน้า

“ขอบคุณมาก เชอร์ล็อก สำหรับการแวะมาเยือนในช่วงบ่าย ไม่อย่างนั้น ผมคงหมดแรงเล่นไล่จับกับเจ้าปีศาจนั่นไปแล้ว คุณคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต”

หรือว่า… นี่จะเป็นความหมายแท้จริงของผลการทำนายถึง ‘ช่วงเวลาเหมาะสม’ ในการไปเยือนบ้านไอเซนการ์ด?

การไปเยือนของเราทำให้เขารอดชีวิต…

ถ้าอย่างนั้น ช่วงเวลาเหมาะสมใน ‘วันอื่น’ จะหมายถึงสิ่งใด? หรือถ้าเราไม่เข้าไปป้วนเปี้ยนในจุดเกิดเหตุ ก็จะไม่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยของคดี?

ไคลน์หัวเราะไม่ได้ร่ำไห้ไม่ออก

ขณะเปิดทางให้อีกฝ่ายเดินเข้ามา ชายหนุ่มยังคงไม่ลดระดับการป้องกัน

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“ไว้ค่อยคุย” ไอเซนการ์ดยิ้มรับพร้อมกับหรี่เสียงให้เบาลง “คุณคงไม่อยากให้ผมพูดเรื่องผู้วิเศษต่อหน้าสจ๊วตกับคนอื่นใช่ไหม”

แล้วทำไมถึงกล้าพูดกับผม?

นั่นสินะ การคุมเชิงระหว่างเราและปีศาจตนนั้นนานกว่าสิบนาทีคงถือเป็นข้อพิสูจน์ได้ชัดเจน… แถมเรายังเป็นคนเสนอแนะว่า ฆาตกรต่อเนื่องในคดีก่อนอาจเป็นสัตว์มากกว่ามนุษย์…

ไคลน์เดินตามหลังไอเซนการ์ดราวสองก้าว

เมื่อเห็นว่ายอดนักสืบยังมีชีวิต คาสลาน่าและผู้ช่วยของเธอ ลิเดีย พลันแสดงสีหน้าโล่งใจโดยไม่ปิดบัง ด้านนักสืบคนอื่นก็มีภาษากายไม่ต่างกันมากนัก

“มิสเตอร์สแตนธอน คุณปลอดภัยดีใช่ไหม?” นักสืบคนหนึ่งซักถาม

ไอเซนการ์ดขยับแขนซ้ายเล็กน้อย

“บาดเจ็บเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอันตราย เอาล่ะ ทุกคน อย่าได้ตื่นตระหนก เรื่องเหลวไหลในคราวนี้กำลังจะจบลง ทางตำรวจได้วางกำลังดักซุ่มตามเงามืดรอบบ้านไว้แล้ว”

“เป็นเพราะคดีฆาตกรรมต่อเนื่องใช่ไหม?”

“คุณระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้หรือยัง?”

“มันจะทำร้ายคนบริสุทธิ์ไหม?”

คำถามมากมายถาโถมเข้าใส่ไอเซนการ์ดอย่างไม่หยุดพัก ยอดนักสืบสูงวัยรีบกดมือขวาลงเป็นเชิงให้เพลาคำถาม

“ทุกคนไม่ต้องกังวล ผมจะเล่ารายละเอียดให้ฟังหลังจากนี้แน่ แต่ก่อนอื่น ผมขอปรึกษาบางเรื่องกับเชอร์ล็อกและคาสลาน่าก่อน”

ความสง่างามและน่าเชื่อถือของสุภาพบุรุษวัยกลางคนส่งผลให้เหล่านักสืบยอมเชื่อฟัง

ถึงแม้จะยังกังวลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สติแตกหรือถูกอารมณ์ครอบงำเหมือนในตอนแรก

หลังจากเดินเข้าไปในห้องกิจกรรมและปิดประตูไม้ด้านหลัง ไคลน์กวาดสายตามองรอบห้องหนึ่งครั้งและเริ่มเกิดความคิดอุตริ

สภาพแวดล้อมเหมาะแก่การใช้ขวดพิษชีวภาพมาก!

แฮ่ม…! ชายหนุ่มกระแอม เดินตามเข้าไปและเปิดหน้าต่างระบายลม

มันยังไม่ลดความระแวงในตัวไอเซนการ์ด และมิได้เชื่อใจคาสลาน่ามากขนาดนั้น

ไอเซนการ์ดรีบเดินไปจับจองเก้าอี้นอนตัวเดียวภายในห้องพร้อมกับทิ้งตัวเอนกาย

“ยิ่งแก่ตัวลง ผมก็ยิ่งชอบของแบบนี้”

ไคลน์นั่งลงบนโซฟาและซักถาม

“มิสเตอร์สแตนธอน เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ไอเซนการ์ดชำเลืองไปทางคาสลาน่า นักสืบสาวผู้กำลังยืนข้างโต๊ะกาแฟ

“พวกเราทุกคนล้วนเป็นผู้วิเศษ ฉะนั้น ผมจะไม่เสียเวลาอธิบายความรู้พื้นฐาน”

“ผู้วิเศษ?” คาสลาน่าพึมพำพร้อมกับชำเลืองไคลน์ แววตาเผยความประหลาดใจปานกลาง ไม่ถึงกับตกตะลึงจนเกินงาม

เธอก็ด้วยสินะ… แต่ทำไมถึงถูกวิญญาณกระจอกในร่างคุณหนูอาโดนหลอกตั้งนาน?

หืม บางที เธออาจอยู่บนเส้นทางไม่ถนัดการปราบผี… ไคลน์จ้องอีกฝ่ายกลับ

ไอเซนการ์ดยิ้มมุมปาก

“ย้อนกลับไปนานหลายปี ผมมีโอกาสเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนในประเทศลุนเบิร์กนานสี่ปีเต็ม ระหว่างนั้นบังเอิญได้เข้าสู่โลกผู้วิเศษและกลายเป็นสาวกของเทพปัญญาความรู้ เมื่อกลับมายังเบ็คลันด์ ผมเริ่มสานสัมพันธ์กับกองทัพทีละนิด รวมถึงโบสถ์รัตติกาลและโบสถ์จักรกลไอน้ำ แต่ผมยังไม่กล้าเปิดเผยความเป็นผู้วิเศษและความเป็นสาวกเทพปัญญาความรู้ของตน เพราะยังกังวลว่าโบสถ์วายุสลาตันจะทราบเรื่องและกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีต แน่นอน โบสถ์อื่นและกองทัพไม่มีทางช่วยผมในเรื่องนี้ได้ พวกเขากลัวว่าจะเกิดสงครามระหว่างศาสนาภายในกรุงเบ็คลันด์”

“เฮ่อะ! ทำตัวสมกับเป็นโบสถ์หัวรุนแรง”

“โบสถ์หัวรุนแรง?” ไคลน์ขมวดคิ้ว

ไอเซนการ์ดยกไปป์ แต่ยังไม่จุดไฟ เพียงใช้ปลายจมูกสูดดมกลิ่นยาสูบ

“โบสถ์ของเรามักเรียกโบสถ์วายุสลาตันด้วยชื่อดังกล่าว เอาล่ะ กลับเข้าเรื่องกันดีกว่า กล่าวถึงคนร้าย ผู้ลงมือโจมตีผมและส่งจดหมายขู่ให้พวกคุณ มันคือเจ้านายของสุนัขปีศาจสีดำในคดีก่อนหน้า หึหึ พวกคุณคงทราบอยู่แล้ว สุนัขสีดำตัวนั้นอยู่บนเส้นทางปีศาจ โดยเฉพาะคุณ นักสืบเชอร์ล็อก คุณเป็นผู้บอกใบ้ให้ผมเอะใจว่าฆาตกรอาจไม่ใช่มนุษย์”

ไคลน์ยิ้ม ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ

คาสลาน่าเพียงยืนประสานมือเงียบงัน

ไอเซนการ์ดส่ายหัวเล็กน้อย

“ไม่ต้องเกร็ง ผมไม่ใช่หน่วยพิเศษ เป็นแค่สาวกคนหนึ่งของโบสถ์ปัญญาความรู้ มิอาจเผยแผ่ศาสนาหรือก่อตั้งองค์กร ไม่มีกองกำลังเป็นของตัวเอง จึงต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากผู้วิเศษนอกกฎหมายเช่นพวกคุณ”

ในอีกความหมายหนึ่ง คุณสามารถแบกรับความผิดแทนพวกเราได้… ไคลน์กล่าวติดตลก

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครคัดค้าน ไอเซนการ์ดเงยหน้าเล่าเรื่องราวต่อ

“เจ้านายสุนัขปีศาจคือผู้วิเศษลำดับ 5 จากข้อมูลของผม โอสถลำดับ 5 บนเส้นทางปีศาจจะมีชื่อว่า ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’  สามารถกระตุ้นแรงกระหายและอารมณ์ในตัวมนุษย์ได้ดังใจ ล่อลวงให้เหยื่อถูกกัดกร่อนจนไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะ หากต้องเผชิญหน้ากับผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย กฎข้อสำคัญคือการไม่เกิดอารมณ์ใดมากเกินไปจนอีกฝ่ายสัมผัสถึง ต้องไม่แสดงแรงกระหายออกมาทางสีหน้าแววตา มิฉะนั้น มันจะฉวยโอกาสฝัง ‘การชี้นำ’ และกระตุ้นให้จิตใจเป้าหมายบิดเบี้ยว เหยื่อจะเริ่มคุมสติไม่อยู่ สูญเสียความเยือกเย็นและความคิดอ่าน จนกระทั่งไม่สามารถต่อต้านแรงกระหายภายในใจและใช้อารมณ์ชักนำการกระทำ… นี่เป็นเพียงพลังบางส่วนของมัน ผมสามารถยืนยันได้จากประสบการณ์การต่อสู้โดยตรง”

เมื่อฟังจบ ไคลน์ทราบทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงส่งจดหมายข่มขู่ในเชิงท้าทายจนเหล่านักสืบต้องมากระจุกตัวกันในบ้านหลังเดียว

มันหวังกระตุ้นให้ทุกคนเกิดความหวาดกลัวหรือความโกรธแค้น! เป็นอารมณ์ใดก็ได้ นั่นจะช่วยเปิดช่องว่างให้มันฝังการชี้นำลงในจิตใจสำเร็จ และเริ่มกระตุ้นอารมณ์ดังกล่าวให้ปะทุถึงขีดสุด ยิ่งเหยื่อรวมตัวกันมาก ความโกลาหลก็ยิ่งเหนือพรรณนา…

การลอบจู่โจมหลังจากนั้นก็ยิ่งทำได้ง่าย

โชคยังดีว่า เราเคยเผชิญเหตุการณ์อันตรายถึงแก่ชีวิตมานับไม่ถ้วน จึงมีความระแวดระวังตัวตลอดเวลา… นึกแล้วเชียวว่าทำไมสจ๊วตถึงสติแตกหลังจากได้อ่านจดหมาย เพราะเขาถูกปลูกฝังการชี้นำ และถูกกระตุ้นอีกครั้งในจังหวะสำคัญ…

หากสยบทุกคนไว้ไม่ทันการณ์ เกรงว่าจะเกิดความปั่นป่วนจนแม้แต่หน่วยพิเศษรอบบ้านบุกก็เข้ามาช่วยเหลือไม่ทัน และนั่นจะเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย…

ย้อนกลับไปขณะเราอยู่ในบ้านไอเซนการ์ด กระแสเวลาไหลช้าลงเนื่องจากเราถูกกระตุ้นความหวาดระแวงและความตึงเครียด…

ไคลน์พบว่าตนค่อนข้างโชคดี

“แบบนี้นี่เอง…” คาสลาน่าแสดงภาษากายราวกับกระจ่างในบางเรื่อง

ไอเซนการ์ดใช้มือลูบขมับ

“ผมเองก็เกือบถูกมันเล่นงานเหมือนกัน นั่นคือสาเหตุของอาการบาดเจ็บตรงหัวไหล่ หลังจากนั้น ผมกับมันได้เล่นวิ่งไล่จับภายในบ้านเป็นเวลานาน จนกระทั่งนักสืบเชอร์ล็อกปรากฏตัวมาช่วยไว้ได้ทัน เมื่อสามฝ่ายต่างคุมเชิงเป็นเวลานาน ผมจึงมีโอกาสได้พักหายใจหายคอ แต่ช่างน่าเศร้า… มือขวาผู้น่าสงสารของผม เขาตั้งตารอคอยจะกลับไปยังลุนเบิร์กเพื่อฉลองปีใหม่กับครอบครัว”

เมื่อเล่าจบ มันถอนหายใจยาว

“จนกระทั่งตำรวจมาถึง ผมฉวยโอกาสหลบหนีด้วยเส้นทางแม่น้ำ” ไอเซนการ์ดเสริมพร้อมกับซักถาม “เชอร์ล็อก คาสลาน่า พวกคุณมีแผนในใจหรือยัง”

คาสลาน่าย้อนถามหลังจากก้มหน้าครุ่นคิด

“มิสเตอร์สแตนธอน คุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”

ไอเซนการ์ดพยักหน้าอธิบาย

“ข้อแรก ขอความช่วยเหลือจากหน่วยพิเศษ ให้พวกเขาช่วยคุ้มครองทุกคนจากผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย ระหว่างนั้นก็ต้องภาวนาให้มันถูกจับโดยเร็ว หรือไม่ก็ถูกฆ่า แต่ถ้าความหวังไม่เป็นจริง แน่นอน หน่วยพิเศษไม่มีกำลังพลมากพอจะคุ้มกันพวกเราได้ตลอดเวลา หลังจากนั้นจะเหลือทางเลือกเพียงสองข้อ วิธีแรก เปลี่ยนแปลงตัวตนของทุกคนรวมถึงครอบครัว และหลบหนีไปให้ไกล ตามแต่หน่วยพิเศษจะช่วยสนับสนุน แต่วิธีนี้ไม่รับประกันว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะตามหาเบาะแสพวกเราไม่พบ วิธีถัดมา เข้าร่วมหน่วยพิเศษในฐานะบุคลากรภายนอก สำหรับวิธีนี้ ทางโบสถ์จะช่วยปกปิดข้อมูลของแต่ละคนให้เป็นความลับสุดยอด รวมถึงยังจะช่วยเปลี่ยนแปลงตัวตนให้กลายเป็นคนอื่นโดยสมบูรณ์ และยังได้รับความช่วยเหลือในบางส่วน”

เข้าร่วมหน่วยทางการ…? หน่วยไหนอีก? จิตแห่งจักรกล? หรือจะให้เราหนีไปยังลุนเบิร์กและเข้าร่วมกับโบสถ์ปัญญาความรู้?

ถ้าเป็นแบบนั้น เราคงได้กลายเป็นชายสามโบสถ์— ไม่สิ สาวกของสามศาสนาทันที…

ไคลน์เริ่มตระหนักถึงบาปในใจ

ข้าแต่พระองค์ท่าน ช่วยให้อภัยสาวกจอมปลอมคนนี้ด้วยเถิด…

จากนั้น มันเงยหน้าซักถาม

“ไม่มีวิธีอื่นแล้วหรือ”

คาสลาน่าไม่เปลี่ยนสีหน้า ไม่มีใครเดาได้ว่าเธอกำลังครุ่นคิดสิ่งใด

ไอเซนการ์ดลูบไปป์อย่างทะนุถนอม :

“มีสิ พวกเราสามคนต้องช่วยกันวางกับดักเพื่อตลบหลังผู้ปลดปล่อยแรงปรารถนา แน่นอน ผลลัพธ์ในอุดมคติคือการฆ่ามันให้ตายคามือ!”

……………………