ตอนที่ 357 ชั้นที่หก

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

กระต่ายหูยาวครุ่นคิดเล็กน้อยและในที่สุดก็นึกถึงสถานที่หนึ่งได้

“นายหญิง ที่นี่มีสถานที่แปลกๆอยู่แห่งหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นที่ที่ท่านกำลังตามหาอยู่ ข้าจะพาท่านไปที่นั่น”

ภายในมิติพิเศษชั้นนี้มีสถานที่แห่งหนึ่งที่แปลกประหลาดมาก

ตรงเชิงเขาปลายสุดของทุ่งกว้างมีถ้ำแห่งหนึ่งอยู่

กระต่ายหูยาวไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน อสูรชนิดนี้มักที่จะอาศัยอยู่แต่ในอาณาเขตของตนเองเพื่อความปลอดภัย แม้ว่ามันจะเคยได้ยินถึงสถานที่แห่งนั้น ทว่ามันก็ไม่เคยเฉียดเข้าไปใกล้ เมื่อซูเสี่ยวจวิ้นเอ่ยถาม มันจึงนึกถึงที่นั่นขึ้นมาทันที

ฉินอวี้โม่สบตากับสหายทั้งสองพร้อมรอยยิ้มก่อนผายมือส่งสัญญาณให้กระต่ายหูยาวนำทางไปที่นั่น

กระต่ายพยักหน้าและออกเดินไปในทิศทางหนึ่งโดยมีฉินอวี้โม่และอีกสองคนตามไปไม่ห่าง

“เรียนผู้เข้าแข่งขันทุกคน บัดนี้เหวินซื่อชู่และเฟิงอู๋ชางเข้าสู่ชั้นที่สองแล้ว”

เสียงประกาศดังขึ้นอีกครั้งด้วยประโยคที่ทำให้ทั้งสามยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยทันที

เหวินซื่อชู่และเฟิงอู๋ชางไม่ใช่บุคคลที่ธรรมดาเลย พวกเขาน่าจะพบกันโดยบังเอิญและค้นพบเส้นทางไปสู่ชั้นที่สองก่อนที่จะมุ่งหน้าเข้าไปด้วยกัน

“เราเร่งฝีเท้ากันเถอะ เราจะให้พี่ซื่อชู่กับพี่อู๋ชางนำหน้าไปไกลมากไม่ได้”

ซูเสี่ยวจวิ้นยิ้มกว้างอย่างสดใส แม้ว่ากล่าวเช่นกัน นางก็มีความสุขกับทั้งสองอย่างจริงใจ

ฉินอวี้โม่และฉีอวิ๋นเหล่ยก็สบตากันก่อนพยักศีรษะเบาๆพร้อมเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

ทั้งสามใช้เวลาสองวันในการกำจัดอสูรมายามากมายที่พบระหว่างทางและในที่สุดก็มาถึงข้างหน้าถ้ำที่กระต่ายพูดถึง

เมื่อสัมผัสได้ถึงความผิดแปลกไม่ปกติของถ้ำตรงหน้า ฉินอวี้โม่และสหายทั้งสองก็สบตากันและยืนยันว่านี่คือทางเข้าไปสู่ชั้นที่สองจริงๆ

“ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้เราจะไม่พบอะไร พื้นที่แห่งนี้กว้างใหญ่มากจริงๆ หากเราไม่ได้พี่กระต่ายหูยาวนำทาง คงอีกนานกว่าเราจะพบที่นี่”

ซูเสี่ยวจวิ้นอดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ พวกนางเร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่และยังต้องใช้เวลาถึงสองวันกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ มิติพิเศษชั้นแรกนี้ก็กว้างใหญ่อย่างแท้จริง หากไม่ได้การนำทางของกระต่ายหูยาว ทั้งสามคงต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควร

“กระต่ายหูยาว ขอบใจเจ้ามาก ตอนนี้เจ้าเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวของข้าก่อนเถอะ ในนั้นมีสหายอสูรอยู่หลายตัว เจ้าไปเล่นกับพวกมันและเล่าสถานการณ์ของข้าให้พวกมันได้รู้ ข้าจะไปหาเมื่อจากออกจากมิติพิเศษนี้แล้ว”

ภายในมิติพิเศษนี้ นางไม่มีทางสื่อสารกับอสูรพันธสัญญาในคฤหาสน์เฟิงหัวได้เลย ฉินอวี้โม่เกรงว่าพวกมันจะเป็นกังวลและเป็นห่วง นางจึงตัดสินใจให้กระต่ายหูยาวเข้าไปทักทายและบอกเล่าเรื่องราวกับพวกมัน

“เข้าใจแล้ว นายหญิง”

กระต่ายหูยาวพยักหน้าอย่างเชื่อฟังและเข้าไปในคฤหาสน์หลังน้อยของฉินอวี้โม่โดยตรง

จากนั้นฉินอวี้โม่และสหายทั้งสองก็ไม่รอช้าและเดินตรงเข้าไปในถ้ำ

คาดไม่ถึงเลยว่าถ้ำแห่งนี้แท้ที่จริงแล้วจะเป็นค่ายกลเคลื่อนย้าย หลังจากก้าวตรงเข้าไป ทั้งสามก็ปรากฏตัวในชั้นที่สอง

ครานี้ฉินอวี้โม่และคนอื่นๆไม่ถูกแยกจากกันระหว่างการเคลื่อนย้ายและยังอยู่ด้วยกันครบสามคนเช่นกัน

พลังของอสูรมายาในชั้นที่สองยังคงไม่สูงนักโดยอสูรระดับสูงที่สุดเป็นเพียงระดับจักรพรรดิอสูรสวรรค์ ที่นี่ไม่มีวัตถุดิบระดับสูงใดๆและแน่นอนว่ามันไม่ใช่จุดหมายปลายทางของจอมยุทธ์ทั้งสาม

เนื่องจากมีประสบการณ์จากชั้นแรกแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ไม่รอช้าและทำการสยบอสูรมายาทันทีก่อนให้มันนำทางไปยังทางเข้าชั้นที่สาม

หลังจากนั้น ชั้นที่สาม ชั้นที่สี่และชั้นที่ห้าก็ยังคงไม่มีเรื่องน่าประหลาดใจใดๆ ทั้งสามใช้เวลาอยู่ในแต่ละชั้นไม่นานนักก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังชั้นที่หกอย่างรวดเร็ว

……

ฉินเทียนและคนอื่นๆก็กำลังเฝ้ามองสถานการณ์อยู่ข้างนอก

จูตี๋พบทางเข้าชั้นที่สองและมุ่งหน้าไปสู่ชั้นที่สองได้ก่อนซึ่งทำให้จูอวิ๋นชางวางท่ายืดอกอย่างภาคภูมิใจ

“ฉินเทียน เป็นยังไงล่ะ? ครานี้ขุมกำลังพญายมของเราออกนำหน้าทุกๆคน”

ฉินเทียนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจนักเมื่อได้ยินวาจาที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นอกมั่นใจของจูอวิ๋นชาง

“จูอวิ๋นชาง ภาคภูมิใจไปก่อนเถอะ ถึงอย่างไรงานชุมนุมวายุเมฆาก็วัดกันที่ผลลัพธ์สุดท้าย มิใช่ว่าใครเข้าไปในชั้นที่สองได้ก่อน”

เมื่อได้ยินวาจามั่นใจของฉินเทียน จูอวิ๋นชางก็หัวเราะอย่างมีเลศนัยก่อนตอบกลับไป “หึๆ ฉินเทียน ข้ายอมรับว่าความสามารถของฉินอวี้โม่ไม่ธรรมดาจริงๆ และมันก็เหนือกว่าที่ข้าคิดไว้ด้วยซ้ำ ทว่าในมิติพิเศษนางไม่สามารถเรียกอสูรมายาออกมาได้ และในแง่ของพลัง ฉินอวี้โม่ก็อยู่ในขอบเขตจ้าวพิภพเท่านั้น ข้ามั่นใจว่านางเทียบบุตรชายของข้าไม่ได้แน่!”

คำพูดของจูอวิ๋นชางเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด ครานี้พวกเขาเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ไม่เพียงแต่บุตรชายของจูอวิ๋นชางจะเป็นผู้คว้าชัยเท่านั้น ทว่าพวกเขายังได้เตรียม ‘ของขวัญพิเศษ’ ไว้ให้ฉินอวี้โม่และสหายโดยเฉพาะ เมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาอยากรู้นักว่าฉินอวี้โม่และพวกจะตอบโต้อย่างไร

“งั้นรึ? ไม่สำคัญหรอกว่าเจ้าจะพูดพล่ามอะไรออกมา เจ้าไม่คิดรึว่าการที่ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ไม่ใช่คู่มือของนาง ตอนนี้นางก็อาจจะสังหารพวกเขาได้ด้วยมือเดียว!”

ฉินเทียนเอ่ยขึ้นเบาๆด้วยน้ำเสียงทะนงตน อย่างไรก็ตาม หัวใจของเขายังมีความระแวดระวังอยู่ไม่น้อย ครานี้จูอวิ๋นชางต่างไปจากเดิมมาก หรือว่าพวกเขาจะมีแผนการสมคบคิดบางอย่างซ่อนอยู่?

“ไม่ต้องห่วง ข้าส่งคนไปจับตาดูไว้แล้ว เมื่อถึงตอนนั้นเราจะได้รู้ หากจูอวิ๋นชางวางแผนไว้จริงและเสี่ยวโม่เอ๋อร์ตกที่นั่งลำบาก ข้าจะบุกเข้าไปในมิตินั่นและพานางออกมาเอง”

เสียงของหยินหึนสื่อสารมาถึงหูของฉินเทียนโดยตรงก่อนกล่าวต่อ “อีกอย่าง จอมยุทธ์ทุกคนได้รับป้ายหยกไปแล้ว หากมีเรื่องอันตราย ป้ายนั้นจะช่วยชีวิตของพวกนางได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของหยินหึน ฉินเทียนซึ่งกังวลอยู่เล็กน้อยก็เริ่มใจเย็นลงและความวิตกในใจของเขาก็หายไปอย่างรวดเร็ว

……….

ภายในเวลารวดเร็วราวกับชั่วพริบตา การแข่งขันก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว

“สวรรค์ เกิดอะไรขึ้นกับฉินอวี้โม่? นางผ่านไปถึงชั้นที่หกอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?!”

ใครคนหนึ่งได้ยินคำประกาศว่าฉินอวี้โม่และสหายทั้งสองเข้าสู่ชั้นที่หกและอดอุทานออกมาด้วยความตกใจไม่ได้

ตลอดช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความเร็วของทั้งสามเพิ่มขึ้นมาอย่างกะทันหัน

พวกนางใช้เวลาเพียงหนึ่งวันในการข้ามผ่านชั้นที่สองและปรากฏตัวในชั้นที่สาม จากนั้นก็ใช้เวลาอีกสองวันเพื่อไปถึงชั้นที่สี่และอีกหนึ่งวันเพื่อไปถึงชั้นที่ห้า

ครึ่งเดือนให้หลัง ทั้งสามก็มาถึงชั้นที่หกเป็นที่เรียบร้อย

จูอวิ๋นชางเองก็รับรู้เรื่องนี้เช่นกันและสีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวจนเห็นได้ชัดทันที

จูตี๋และคนอื่นๆยังคงอยู่ในชั้นที่ห้าและยังไม่เข้าสู่ชั้นที่หก ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่ ฉีอวิ๋นเหล่ยและซูเสี่ยวจวิ้นจะไปถึงชั้นที่หกได้ก่อนพวกเขาเสียอีก

“บัดซบ! เหตุใดพวกนางจึงรวดเร็วเพียงนี้!”

ภายในมิติพิเศษชั้นที่ห้า จูตี๋ได้ยินคำประกาศว่าฉินอวี้โม่ข้ามผ่านไปถึงชั้นที่หกแล้วและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยพร้อมกล่าวด้วยความโมโห

“อย่าโมโหไปเลยท่านพี่ ฉินอวี้โม่ผู้นี้ประหลาดผิดมนุษย์อยู่แล้ว นางคงจะใช้วิธีการที่พิเศษบางอย่างจนผ่านไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้”

จูฉีซึ่งเข้าร่วมงานชุมนุมวายุเมฆาเช่นกันก็เอ่ยปลอบประโลมพี่ชายของตนเอง

“ฮ่าๆๆ ฉินอวี้โม่คนนี้น่าสนใจจริงๆ ข้าชักจะสนใจในตัวนางมากขึ้นเรื่อยๆซะแล้วสิ!”

ถัดจากจูตี๋ บุรุษคนหนึ่งยกยิ้มมุมปากและกล่าวขึ้นมา

บุรุษผู้นี้มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่โดดเด่นและกลิ่นอายที่แผ่ออกมาก็ปกติทั่วไป เมื่อยืนอยู่ท่ามกลางคนอื่นๆ เขาจะไม่เป็นที่สังเกตหากไม่เอ่ยปากออกมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อกล่าวออกมา น้ำเสียงของเขากลับบ่งบอกถึงความหยามเหยียดอย่างชัดเจนในขณะที่แรงกดดันจางๆที่แผ่มาจากร่างของเขาในตอนนี้แกร่งกล้าและสะดุดตาอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเห็นจูตี๋และจูฉีมีความเคารพต่อเขาพอสมควร ไม่แปลกใจเลยว่าตัวตนของคนผู้นี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“เราต้องเร่งฝีเท้าแล้ว ข้าแทบอดทนรอไม่ไหวที่จะได้พบกับฉินอวี้โม่ในชั้นที่หก!”

บุรุษคนนั้นกล่าวอีกครั้งและเดินตรงไปในทิศทางหนึ่ง

จูตี๋และจูฉีก็ไม่รอช้าขณะเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่พวกเขาเดินทางข้ามผ่านมิติแต่ละชั้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้เป็นเพราะพวกเขารู้กฎของการแข่งขันเป็นการล่วงหน้าแล้ว ประจวบเหมาะกับบุคคลลึกลับผู้นี้ที่คุ้นเคยกับมิติพิเศษแห่งนี้เป็นอย่างดี เพราะเหตุนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงเดินทางมาถึงชั้นที่ห้าได้อย่างราบรื่นและไร้อุปสรรค

เดิมทีด้วยความคิดว่าไม่มีผู้ใดจะรวดเร็วไปกว่าตนเอง พวกเขาจึงต้องการท่องอยู่ในชั้นที่ห้าสักระยะหนึ่ง ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่และสหายทั้งสองจะรวดเร็วจนแซงพวกเขาไปได้

จูตี๋และจูฉีสบตากันโดยไม่เอ่ยปาก พวกเขายอมรับเลยว่าฉินอวี้โม่ผิดมนุษย์อย่างแท้จริง

ณ ชั้นที่หกของมิติพิเศษ ฉินอวี้โม่ ฉีอวิ๋นเหล่ยและซูเสี่ยวจวิ้นนั่งลงบนผืนหญ้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ตรงหน้าพวกเขาคือทะเลสาบที่มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปทว่าเต็มไปด้วยน้ำใสชัดดูเป็นทิวทัศน์ที่งดงามอย่างยิ่ง

“ชั้นที่หกนี่ดีจริงๆ ที่นี่มีสภาวะพลังมากกว่าและบรรยากาศก็ดีกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้น ในชั้นที่ผ่านๆมา หากไม่เป็นทุ่งกว้างไร้ขอบเขตก็เป็นเทือกเขาสูงตระหง่าน หรือไม่ก็เป็นทะเลทรายที่ไม่น่าอภิรมย์ เมื่อเทียบกันแล้วชั้นหกนี้ดุจดั่งสวรรค์บนดินเลยก็ว่าได้”

ฉีอวิ๋นเหล่ยอดทอดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ ชั้นอื่นๆก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกซังกะตายและไร้ชีวิตชีวาเป็นที่สุด

ชั้นแรกคือทุ่งกว้างไร้ขอบเขตและชั้นที่สองคือทะเลทรายร้อนระอุ ซึ่งในชั้นที่สองฉินอวี้โม่ก็ได้ทำพันธสัญญากับแมงป่องทรายก่อนหาทางไปถึงชั้นที่สามได้

หลังจากนั้น ชั้นที่สามก็เป็นชั้นที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะซึ่งเป็นอากาศที่เย็นจัดและขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ลำบาก

ในชั้นนั้นฉินอวี้โม่ทำการสยบหมีขั้วโลกเหนือซึ่งเป็นอสูรระดับจักรพรรดิอสูรสวรรค์ก่อนพบเส้นทางไปสู่ชั้นที่สี่

ชั้นที่สี่เป็นชั้นที่พวกเขาทั้งหมดรู้สึกปลงตกไม่น้อย สภาพแวดล้อมของมันคือเทือกเขาสูงตระหง่านและทางเข้าไปสู่ชั้นที่ห้าอยู่ระหว่างเทือกเขามากมาย

หากไม่ใช่เพราะความบังเอิญที่สยบอสูรบินได้ พวกเขาคงต้องใช้เวลานานเพียงเพื่อปีนป่ายเทือกเขาเหล่านั้น

มิติพิเศษชั้นที่ห้าถือว่าเรียบง่ายธรรมดามากกว่าและมันเป็นป่าทึบ ในป่าผืนกว้างมีอสูรมายาเป็นจำนวนมากและจุดที่ทั้งสามถูกเคลื่อนย้ายไปก็อยู่ไม่ไกลจากทางเข้าของชั้นที่หก

ในชั้นที่ห้ามีอสูรพิภพมากมาย ฉินอวี้โม่สยบสิงโตกระบี่ทองตัวใหญ่ยักษ์และเก็บวัตถุดิบดีๆ ได้จำนวนหนึ่ง เมื่อไม่มีสิ่งอื่นใดน่าสนใจ ทั้งสามก็มุ่งหน้าตรงเข้าสู่ชั้นที่หก

ในชั้นที่หก พวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้นมาในจุดที่อยู่ถัดจากทะเลสาบผืนนี้พอดิบพอดีและบรรยากาศของที่นี่ทำให้ทั้งสามรู้สึกดีมาก

สภาพแวดล้อมโดยรอบก็ยอดเยี่ยมมากเช่นกันและทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนเป็นปกติ มันราวกับเป็นสถานที่ที่จอมยุทธ์จากโลกภายนอกปรารถนาที่จะเข้ามาเพื่อสั่งสมประสบการณ์ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาเลย

“อสูรมายาในชั้นที่หกทรงพลังมากและตัวที่อ่อนแอที่สุดน่าจะเป็นอสูรพิภพ มันอาจมีอสูรสุริยะอยู่หลายตัว เราต้องระวังให้มาก”

ฉินอวี้โม่เอ่ยเตือนฉีอวิ๋นเหล่ยและซูเสี่ยวจวิ้นพร้อมกับเตือนตัวเองไปพร้อมกัน

ฉีอวิ๋นเหล่ยและซูเสี่ยวจวิ้นพยักศีรษะตอบรับ แน่นอนว่าทั้งสองก็เข้าใจความเป็นจริงข้อนี้ดี

“พวกมนุษย์ เหตุใดพวกเจ้าจึงบุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของข้า?!”

ทันใดนั้น เสียงที่ฟังดูโกรธเกรี้ยวและแปลกประหลาดดังขึ้นในหูของทั้งสาม

จากนั้นฉินอวี้โม่และสหายก็เห็นว่าจู่ๆทะเลสาบที่นิ่งสงบในตอนแรกก็เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ จากนั้นอสูรมายาขนาดมหึมาก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้า

.