“ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?”ผู้อาวุโสสูงสุดคนหนึ่งตื่นตระหนก
เหวินเฉิงเทียนกล่าว “ทนไว้และขจัดความคิดซะ ต่อกระดูกสะบักของเขาให้แล้วเสร็จเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที”
“ขอรับ…”
เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดต่างรวบรวมสมาธิ พยายามต่อกระดูกสะบักของเหวินเส่าอี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด
แต่เหวินเส่าอี้กลับมิสามารถสงบลงได้
เหวินเฉิงเทียนจึงกล่าวเตือนว่า “หากเจ้าอยากจะพาคนในเผ่าหนีไปอย่างปลอดภัย ก็รับพลังและวิชามารของพวกข้าไปให้มากที่สุดซะ และพยายามต่อกระดูกสะบักให้แล้วเสร็จโดยเร็ว”
เหวินเส่าอี้ส่ายศีรษะและขจัดความคิดทุกอย่างทิ้ง จากนั้นก็รับพลังที่ถูกถ่ายทอดจากผู้อาวุโสสูงสุดแต่ละคน
“แปะ…”
บริเวณมุมตาของเขามีหยดน้ำตาใสไหลลงมาสองสามหยด
และรู้ดีอยู่ในใจ
หลังจากที่ต่อกระดูกสะบักเสร็จ เผ่าเพลิงฟ้าของพวกเขาจะไม่มีผู้อาวุโสสูงสุดอีกต่อไป
ท่านพ่อของเขาก็กลายเป็นคนไร้ความสามารถแล้ว
ขณธที่ต่อกระดูกสะบักถึงขั้นกดดันมากที่สุด ก็มีลูกศิษย์ด้านนอกเข้ามารายงานอย่างเร่งรีบอีกครั้ง
“หัวหน้าเผ่า หัวหน้าเผ่าอาวุโส แย่แล้วขอรับ เขตหวงห้าม…ทางเข้าของเขตหวงห้ามถูกทำลายไปแล้วขอรับ คนของเผ่าหยกและหุบเขาตันหุยพุ่งเข้ามา ผู้อาวุโสสองสามคนจึงใช้ค่ายกลที่ถูกส่งทอดมาจากบรรพบุรุษและธรณีสัณฐานฝืนสกัดพวกมันเอาไว้ เกรงว่าคงจะสกัดไว้ได้ไม่นานแล้วขอรับ”
เรื่องที่โชคร้ายที่สุดก็เกิดขึ้นเสียได้
ไม่ผิดเลยที่กู้ชูหน่วนจะเป็นหัวหน้าเผ่าหยก รู้ว่าสามารถใช้ปิ่นระย้าทำลายแนวป้องกันสุดท้ายของเผ่าเพลิงฟ้าได้ภายในเวลาอันสั้นได้
แต่ครั้งนี้ผู้คนต่างมิได้พูดอะไรใดๆ แต่ละคนต่างรวบรวมสติ ขอเพียงต่อกระดูกสะบักให้แล้วเสร็จในเร็วไว
“เอื๊อก…”
เหวินเฉิงเทียนกระอักเลือดออกมาและล้มลงทั้งคน สีหน้าของเขาแดงก่ำ ราวกับถูกไฟเผาปานนั้น เห็นได้ชัดว่าความเจ็บปวดทรมานของเขาถึงขั้นสูงสุดแล้ว
ทว่าเขาก็ขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ไม่ยอมแพ้ต่อการต่อกระดูกสะบัก
เพราะเขารู้ดี เมื่อเขาหยุดลงเมื่อใด เพียงแค่พวกเขาสี่คน มิอาจต่อกระดูกสะบักของเหวินเส่าอี้ให้สำเร็จได้
เหวินเส่าอี้มองดูทุกอย่างไว้ในดวงตา กังวลอยู่ในใจ และรับพลังของพวกเขามาอย่างบ้าคลั่ง
นอกห้องลับ
กู้ชูหน่วนเผชิญหน้ากับน่าหลานหลิงลั่ว
กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างเจ็บปวดว่า “เจ้าเผาชีวิตนับหมื่นชีวิตของเผ่าเพลิงฟ้าทั้งเป็นไปแล้ว วันนี้ชีวิตนับพันชีวิตที่อยู่ข้างใน รอให้ชนะเผ่าเพลิงฟ้าเสียก่อนค่อยว่ากันอีกทีมิได้หรือ?”
“ถอนหญ้าไม่ถอนโคน หากสายลมช่วงวสันตฤดูพัดผ่านก็จะโตขึ้นอีก เพียงแค่เป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า แม้นจะเป็นคนโหดร้ายเยี่ยงสัตว์ ข้าก็ไม่เว้น”
“เสี่ยวเซวียนเซวียน…”
“เจ้าจำผิดคนแล้ว”
น่าหลานหลิงลั่วกล่าวอย่างเย็นชา และไม่แม้แต่จะเหลียวมองกู้ชูหน่วนเลยแม้แต่น้อย
เพียงแค่ยกมือขึ้นส่งสัญญาณสั่งให้ผู้คนทำลายค่ายกลโดยเร็วที่สุด ภารกิจคือต้องฆ่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าที่อยู๋ข้างในเขตหวงห้ามให้สิ้นซากไม่เหลือแม้เพียงคนเดียว
“รองหัวหน้าเผ่าซือคงมิได้อยู๋ข้างใน สายลับของข้าบอกข้ามาว่า เขาอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เพียงแค่ล้อมทั้งทิศตะวันออกเฉียงเหนือไว้ และปิดทางเข้าของเผ่าเพลิงฟ้าไว้ทั้งหมด คงจะสามารถจับตัวเขาได้”
“ไม่ลำบากเจ้าแล้ว ข้ามีปัญญาจับเขาได้ และฟันเขาด้วยดาบนับพันครั้ง” ในตาของน่าหลานหลิงลั่วฉายแววความแค้นอันรุนแรงออกมา ทำให้ผู้คนอดมิได้ที่จะรู้สึกกลัว
ช่างเป็นกลิ่นอายเย็นยะเยือกนัก
และเป็นความแค้นที่รุนแรงเหลือเกิน
ในใจของกู้ชูหน่วนทรมาน
“ศัตรูของเจ้าคือไอ้คนเลวทรามซือคง มิใช่เหวินเส่าอี้”
“ขอแค่เป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า ก็คือศัตรูของข้าทั้งนั้น กู้ชูหน่วน เจ้ากับเผ่าเพลิงฟ้ามิใช่ศัตรูกันตั้งแต่อดีตหรือ? เจ้าใจอ่อนเพียงนี้ มิกลัวว่าเผ่าเพลิงฟ้าจะกลับมาทำลายเผ่าหยกของเจ้าให้สิ้นซากงั้นรึ?”
“ข้าจักทำลายวรยุทธ์ของพวกเขาให้สิ้น และคุมขังพวกเขาไว้ชั่วกัปชั่วกัลป์ ไม่ให้โอกาสเขาแม้เพียงเล็กน้อย”
ทว่านางมิได้โหดร้ายเพียงนั้น
แม้แต่ผู้บริสุทธิ์นับร้อยคนยังถูกเผาทั้งเป็น
ก็นึกถึงภาพในทะเลเพลิงเมื่อครั้งก่อนขึ้นมา
กู้ชูหน่วนมิอยากเชื่อเลยว่าคนที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นเซี่ยวอวี๋เซวียน
น่าหลานหลิงลั่วหัวเราะเยาะ “ข้ามิได้มีใจงดงามเช่นเจ้าหรอก พวกเราแยกย้ายกันทำลายเผ่าเพลิงฟ้าเถิด แน่นอนว่า หากเจ้าไม่พอใจในวิธีของข้า ข้าไม่ถือที่จะต้องสู้กับเผ่าหยกของพวกเจ้าอีกครั้งนะ”
เซี่ยวอวี๋เซวียนและคนอื่นๆ แยกย้ายกันไป เหลือไว้เพียงคนของเผ่าหยกเท่านั้น
ผู้อาวุโสสูงกล่าว “หัวหน้าเผ่า ไอ้หนุ่มคนนี้ดวงตาเย็นชาและหมองมน จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต ร่วมมือกับเขาเกรงว่าจะเป็นการฝากเนื้อไว้กับเสือนะ”
“ข้ารู้ดีว่ากำลังทำอะไร”
“เช่นนั้นพวกเราต้องไปทำลายค่ายกลด้วยกันกับเขาหรือไม่?”
หลังจากทำลายค่ายกลแล้ว ไอ้หนุ่มคนนี้ก็คงจะใช้วิธีโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าล้างคนของเผ่าเพลิงฟ้าให้สิ้นซากสินะ
พวกเขาเองก็แค้นคนเผ่าเพลิงฟ้าเช่นกัน ทว่าวิธีนี้ช่างโหดร้ายเกินไป
ฆ่าคนง่ายราวกับพยักหน้า ทว่าหลังจากที่เขาทรมานผู้คนจนแทบทนไม่ไหว จากนั้นจึงเผาพวกเขาทั้งเป็นโดยไม่คำนึงถึงอายุเลย
ชายหนุ่มเช่นนี้ช่างน่าหวาดกลัวเสียจริง
กู้ชูหน่วนไตร่ตรองไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วกล่าวว่า “ทำลายค่ายกลเถิด”
เวลาของนางเหลือไม่มากแล้ว ก่อนตายนางต้องจัดการเผ่าเพลิงฟ้าให้ได้
แม้นว่าวิธีจะโหดร้ายเพียงใด ก็ต้องทำลายเผ่าเพลิงฟ้าให้สิ้นซาก เพื่อมิให้มันมีโอกาสกลับมาทำลายเผ่าหยกได้
“รับทราบ”
“ผู้อาวุโสสูง ท่านสั่งลงไปทีว่า ผู้ที่ยอมจำนน เผ่าหยกจะไม่ฆ่า และจะปกป้องคุ้มครองชีวิตของพวกเขาอย่างสุดความสามารถ ข้อแม้คือพวกเขาจะต้องสูญเสียอิสระไปตลอดกาล หากขัดขืน…ให้ข้าได้ทันที”
“หัวหน้าเผ่า หากหุบเขาตันหุยต้องการฆ่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าทั้งหมด พวกเรา…จะเป็นปรปักษ์ต่อหุบเขาตันหุยอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าน้อยคิดว่า พวกเรามิต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวเลยดีกว่า จุดจบอันโหดร้ายของเผ่าเพลิงฟ้าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหุบเขาตันหุย พวกเราเพียงแค่เฝ้าบริเวณทางออก ไม่ปล่อยให้คนของเผ่าเพลิงฟ้าหนีไปได้แม้เพียงคนเดียวก็เพียงพอแล้วขอรับ”
“ใช่ขอรับ ในเมื่อเขตหวงห้ามก็ถูกทำลายลงแล้ว หุบเขาตันหุยมีคนมากฝีมือ เพียงแค่ความสามารถของพวกเขา หัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้าและคนอื่นๆ ก็ยากที่จะหนีไปได้แล้วขอรับ”
พวกเขาอยากจะถามกู้ชูหน่วนว่าเหตุใดนางถึงได้มีของศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าเพลิงฟ้าอย่างปิ่นระย้าหยกขาวลายผีเสื้อได้
ทว่าพวกเขาไม่กล้า
ความสามารถก่อนเสียความทรงจำของนายท่านนั้นเก่งกาจเทียมฟ้า มีของศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเพลิงฟ้าได้ก็มิแปลก
“ในเมื่อต่างก็จะต้องการทำลายเผ่าเพลิงฟ้าเช่นกัน ก็ควรจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด ทำลายเถิด”
กู้ชูหน่วนถอนหายใจยาว
นางหาสถานที่เงียบสงบและนั่งลง รอให้พวกเขาทำลายค่ายกลอย่างเงียบๆ
นางหยิบปื่นระย้าหยกขาวขึ้นมา และมองปิ่นระย้าหยกขาวจนเหม่อลอย
ปิ่นระย้านี้ท่านอาจารย์ซั่งกวนเป็นผู้มอบให้กับนาง
แล้วท่านอาจารย์ซั่งกวนมีขงศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างไรกัน?
เขาเป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้างั้นหรือ?
หากเขาเป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้าจริง แล้วเหตุใดจึงมอบของศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าให้ผู้อื่นโดยง่ายเพียงนี้ล่ะ?
แต่หากมิใช่ แล้วปื่นระย้านี้ได้มาแต่ใดกัน?
กู้ชูหน่วนคิดทบทวนเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดของซั่งกวนฉู่ แต่ก็มิอาจยืนยันได้ว่าตัวตนของเขาคือใครกันแน่
สิ่งที่ยืนยันได้เพียงอย่างเดียวคือ เขากับเผ่าเพลิงฟ้าต้องเกี่ยวข้องกันอย่างแน่นอน
นางเคยคิดว่า ซั่งกวนฉู่อาจจะเป็นเหวินเส่าอี้ แต่ทว่านางก็ไม่ยอมรับในทันที
หากเขาคือเหวินเส่าอี้จริง เขามิได้โง่เขลาเสียหน่อย จะมอบไพ่ใบสุดท้ายที่ชี้ชะตาของเผ่าเพลิงฟ้าให้กับคนอื่นได้อย่างไรกัน
“หัวหน้าเผ่า เผ่าเพลิงฟ้าได้สร้างค่ายกลไว้มาก แต่ถูกพวกเราและหุบเขาตันหุยทำลายแทบจะหมดสิ้นแล้ว ทว่าคนของเผ่าเพลิงฟ้าพวกนั้นก็มิยอมจำนนเสียที ทุกครั้งที่น่าหลานหลิงลั่วทำลายค่ายกลได้ เขาก็ฆ่าฟันพวกเขาทั้งเป็นในทันที”
“ไม่มีผู้ใดยอมจำนนเลยหรือ?”
“ขอรับ ไม่มีผู้ใดยอมจำนนเลย ดื้อรั้นมากขอรับ สมแล้วที่พวกเขาได้เจอกับราชาแห่งขุมนรก พวกเขาฆ่าคนเผ่าหยกของเราไปมากมายเพียงนั้น แต่หัวหน้าเผ่าใจกว้าง อยากไว้ชีวิตพวกเขา แต่พวกเขากลับไม่รู้จักกว้าโอกาสเอาไว้”
“ลองคำนวณเวลาดูแล้ว แนวป้องกันสุดท้ายก็น่าจะถูกทำลายแล้วสินะ”
“ใช่ขอรับ เหลือเพียงแนวป้องกันสุดท้ายแล้ว เพียงแค่ทำลายตรงนั้นเสีย คาดว่าคงจะเก็บเหวินเฉิงเทียน เหวินเส่าอี้ และตาเฒ่าของเผ่าเพลิงฟ้าพวกนั้นได้ขอรับ”
“ไป ไปดูแนวป้องกันสุดท้ายกับข้า”
กู้ชูหน่วนลุกขึ้น และเดินออกไปพร้อมกับผู้อาวุโสสูงของเผ่าหยกที่อยู่ด้านหลังอย่างเร็วไว
เหวินเส่าอี้…
เจ้าอย่าถือโทษข้าเลย
จะโทษก็โทษที่เจ้าเป็นคนของเผ่าเพลิงฟ้า