ตอนที่ 186 การโดนตลบหลังครั้งใหญ่ / ตอนที่ 187 จับได้คาหนังคาเขา

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 186 การโดนตลบหลังครั้งใหญ่ 

 

 

           เขาหยุดไปพักหนึ่ง ถึงเอ่ยตอบ “ขอโทษ ครั้งนี้ผมไม่ดีเอง” 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “พอเถอะ นายอย่ามามุขนี้ตลอดเลย ใช้กับฉันที่นี่ไม่ได้หรอก” 

 

 

           ‘เขาเป็นคนที่นึกจะง้อยังไงก็ง้อได้หรือไง’ 

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ พร้อมโน้มตัวเข้าไปใกล้ “คืนนี้คุณออกไปดื่มเหล้ามาใช่ไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินดมกลิ่นบนตัวทันที ไม่ถึงขนาดนั้นมั้ง เดิมทีก็ไม่ได้ดื่มเยอะอะไร อีกอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ทำไมเขายังดมกลิ่นออกมาได้อยู่ 

 

 

           “ฉันไม่ได้ดื่ม นายดมผิดแล้ว” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเชิดริมฝีปาก “ไม่ได้ดื่มจริงเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเจ้าเป็ดปากแข็ง ไม่ยอมรับเด็ดขาด “ไม่ได้ดื่มไง” 

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “ดี ได้ดื่มหรือไม่ดื่ม ผมชิมดูก็รู้แล้ว” 

 

 

           เขามองซือเหยี่ยนอย่างไม่เข้าใจ ชิมดู? ชิมยังไง เขายังไม่ทันได้ถามออกมาก็โดนซือเหยี่ยนลงมือประกบปากไปทั้งอย่างนั้น 

 

 

           ‘แม่งเอ๊ย ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าซือเหยี่ยนเจ้าหมอนั่นชิมยังไง การโดนตลบหลังครั้งนี้เกินไปแล้ว’ 

 

 

           เรื่องของเขายังไม่ได้อธิบายให้ตัวเองฟังอย่างชัดเจน คิดไม่ถึงว่าจะยังกล้าจู่โจมบังคับจูบกันอีก 

 

 

           เจียงมู่เฉินต่อสู้ดิ้นรนในทันที แต่แรงอันน้อยนิดของตัวเองมีหรือจะสู้ซือเหยี่ยนคนตรงหน้านี้ได้ โดนเขากดทับร่างจนกระดุกกระดิกไม่ได้ขนาดนี้ เจียงมู่เฉินโมโหจนอยากจะขบกราม แต่ทำไม่ได้เลย 

 

 

           ทำได้แค่เปิดปากยอมให้เขาเข้ามารุกรานรุกล้ำอย่างตามใจ 

 

 

           โดนซือเหยี่ยนลิ้มชิมรสเข้มข้นตั้งแต่หัวจรดหางอย่างสบายใจเฉิบ เจียงมู่เฉินอยากจะร้องไห้จริงๆ แล้ว มีคนที่ชิมเหล้าแบบนี้ด้วยเหรอ 

 

 

           ตัวเองยังไม่ได้คิดบัญชีกับซือเหยี่ยน กลับถูกซือเหยี่ยนกินจนเกลี้ยง การซื้อขายนี้ขาดทุนขั้นสุดแล้วโอเคไหม 

 

 

           …… 

 

 

           เช้าวันต่อมาเจียงมู่เฉินพยายามดิ้นรนลืมตาขึ้นมา กำลังจะเตรียมยืดเอวบิดขี้เกียจก็พบว่าตัวเองถูกโอบกอดไว้อยู่ในอ้อมอก 

 

 

           เจียงมู่เฉินเอียงหัวมองใบหน้ายามหลับใหลของซือเหยี่ยน เพียงพริบตาเดียวก็รู้สึกหมั้นเขี้ยว อยากจะโถมตัวเข้าไปกัดเขาสักสองคำ 

 

 

           เดิมทีอยากจะถีบเขาลงเตียง แต่พอเห็นใบหน้าที่ดูเหนื่อยล้าของซือเหยี่ยน ก็ทำไม่ค่อยลงเท่าไหร่ ขบกรามอยู่ตั้งนานสองนาน สุดท้ายเจียงมู่เฉินก็นอนนิ่งๆ อยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างว่าง่าย 

 

 

           ผ่านไปไม่กี่นาที เจียงมู่เฉินนอนไม่ค่อยจะหลับ เขาค่อยๆ ดึงมือของซือเหยี่ยนออก แล้วปีนลงจากเตียงไป 

 

 

           ที่ชั้นล่างคุณแม่เจียงกำลังเตรียมอาหารเช้าพอดี เจียงมู่เฉินดูท่าว่าจะแปลกใจอยู่ไม่เบา “แม่ครับ ทำไมวันนี้ถึงได้เตรียมอาหารเองแล้ว” 

 

 

           คุณแม่เจียงอารมณ์ดีมาก “อยากทำอาหารเช้าให้พวกลูกกับมือตัวเองนี่หน่า” 

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกแปลกใจ เขามาเกาะติดสถานการณ์ในห้องครัว ดูแม่เขาทำอาหารไป พลางแอบกินไปด้วย คุณแม่เจียงมองเขา แล้วยิ้มอย่างเสียไม่ได้ “ทำไมวันนี้ลูกตื่นเช้าจัง” 

 

 

           “แม่บอกเองไม่ใช่เหรอครับว่า ตอนเช้าอากาศดี ต้องตื่นเช้ามาสูดเอาอากาศสดชื่น” 

 

 

           “เสี่ยวเหยี่ยนล่ะลูก” 

 

 

           “เขาเหรอครับ ยังนอนอยู่เลย” 

 

 

           จู่ๆ คุณแม่เจียงก็จ้องมองเจียงมู่เฉิน “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับเสี่ยวเหยี่ยนจะดีได้ขนาดนี้ นึกถึงสมัยก่อนพวกลูกสองคนเจอหน้าทีไร ก็ขัดหูขัดตากันเองตลอด ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นแบบนี้” 

 

 

           คุณแม่เจียงถอนหายใจ “ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ของพวกลูกสองคนจะไม่ดีมาตลอด แต่เรื่องบางอย่างก็เลือกได้ใกล้เคียงกันมาก ทันทีที่เสี่ยวเหยี่ยนไปเรียนต่อเมืองนอก ลูกก็ไปเมืองนอกเหมือนกัน แม่คิดมาตลอด ถ้าตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกลูกดีแบบนี้ ดูแลกันและกันได้ ก็คงจะไม่…” 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินคำว่า ‘เรียนต่อเมืองนอก’ สี่คำนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หมายความว่าไงครับ ผมกับซือเหยี่ยนต่างก็ไปเรียนต่อเมืองนอกกันเหรอ” 

 

 

           “ใช่สิ เขาไปอเมริกา อยู่ที่นั่นตั้งหลายปี ไม่กลับมาเลย จนไม่กี่ปีมานี้ถึงได้กลับมารับช่วงต่อบริษัท” 

 

 

           เจียงมู่เฉินสงสัยนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกเหมือนว่าไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ ครอบครัวซือเหยี่ยนไปเรียนต่อเมืองนอกแบบนี้ถือว่าปกติมาก 

 

 

           “อ้อ งั้นก็มีวาสนาต่อกันอยู่บ้างจริงๆ” 

 

 

           คุณแม่เจียงหัวเราะ “ไม่ใช่แค่พวกลูกจะมีวาสนาต่อกันอยู่บ้างแค่นั้นนะ แม่กับเหวินฮุ่ยครอบครัวเราก็สนิทสนมกัน ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกลูกก็ยังดีอีก ต่อไปแต่งงาน มีลูกแล้ว จะยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีก” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 187 จับได้คาหนังคาเขา 

 

 

           เจียงมู่เฉินทำเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในใจ เขากับซือเหยี่ยนไม่ใช่แค่เพียงจะมีวาสนาต่อกันอยู่บ้างจริงๆ แต่ว่าเรื่องแต่งงานมีลูกแล้วจะยิ่งดีขึ้นไปอีก เรื่องทำนองนี้ เกรงว่าทั้งชีวิตนี้คงจะไม่มีโอกาสนี้แล้ว 

 

 

           “แม่ ผมยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ แม่จะเป็นกังวลเรื่องนี้ไปทำไมครับ” 

 

 

           คุณแม่เจียงถอนหายใจ “ลูกยังไม่แก่ แต่แม่กับพ่อของลูกแก่แล้ว ลูกยังไม่แต่งงานอยู่แบบนี้ พ่อกับแม่คงจะไม่ได้เห็นลูกแต่งงานแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นแม่เขาท่าทางเศร้าใจ ก็รีบเข้าไปสวมกอดเธอเอาไว้ “แม่ครับ แม่พูดอะไรกัน แม่กับพ่อผมยังไม่แก่เลย ต่อจากนี้ต้องอยู่ไปอีกนานๆ แน่นอน” 

 

 

           คุณแม่เจียงยีหัวเจ้าลูกชายของเธอ “ลูกชายของแม่ทำไมวันนี้ถึงว่าง่าย ยังรู้จักปลอบใจแม่อีก” 

 

 

           เจียงมู่เฉินรู้สึกขัดๆ นิดหน่อย เขาหัวเราะอย่างเลิ่กลั่ก “คือว่า…ก็แม่เป็นแม่ผมไง” 

 

 

           ยกอาหารไปวางบนโต๊ะเสร็จ เจียงมู่เฉินกำลังจะเตรียมขึ้นไปเรียกซือเหยี่ยนลงมากินข้าวเช้า ก็เห็นเขาลงมาชั้นล่างแล้ว 

 

 

           เขากวักมือเรียกซือเหยี่ยน “มาเร็ว มากินข้าวได้แล้ว” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเลิกคิ้ว ทำไมท่าทางของเขาถึงให้ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับการกวักมือเรียกหมาอย่างไรอย่างนั้น 

 

 

           คุณแม่เจียงรินนมเสร็จ เข้ามาเห็นท่าทางกวักมือเรียกนั้นของเจียงมู่เฉินพอดี ก็ถอนหายใจอย่างจนใจ “เฉินเฉิน ลูกดีกับเสี่ยวเหยี่ยนนิดนึงบ้างจะได้ไหม” 

 

 

           เจียงมู่เฉินยิ้มเยาะ เขายังไม่ดีกับซือเหยี่ยนเหรอ 

 

 

           ‘นี่เขาเหลือแค่ไม่ได้เป็นฝ่ายถอดเสื้อผ้านอนแผ่หลาให้ซือเหยี่ยนมาปล้ำเท่านั้นเอง’ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขายิ้มเยาะแบบนี้ก็รีบเอ่ย “น้าเจียง เฉินเฉินดีกับผมมากเลยครับ” 

 

 

           “เสี่ยวเหยี่ยน ตามใจเขาอีกแล้วนะ นิสัยนี้ของเฉินเฉินต้องโทษน้ากับพ่อของเขาด้วยที่รักเขาจนตามใจมากเกินไป ถึงได้กำเริบเสิบสานเหมือนตอนนี้ได้” 

 

 

           “เอ๊ะ ผมฟังไม่ค่อยถนัดเลย อะไรเรียกว่ากำเริบเสิบสานเหรอครับ” เจียงมู่เฉินอดจะคัดค้านไม่ได้ เขาจะไม่รับข้อหานี้เด็ดขาด 

 

 

           คุณแม่เจียงกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง “อะไรกัน ลูกยังคิดว่าแม่พูดผิดเหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนแม่เขามองแบบนี้ เพียงครู่เดียวก็อกสั่นขวัญแขวน ตัดสินใจไม่คิดเล็กคิดน้อยกับแม่เขาแล้ว ถึงอย่างไรเป็นลูกชายก็ต้องยอมให้แม่เขาอยู่แล้ว 

 

 

           “ที่จริงเฉินเฉินเชื่อฟังมากนะครับ” ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของเขา ก็รู้สึกขัดใจ จึงเหยียบเท้าอีกคนใต้โต๊ะไปเต็มๆ แรง ซือเหยี่ยนไม่ได้ทันระวัง เจ็บจนขมวดคิ้วเข้าหากัน 

 

 

           คุณแม่เจียงเห็นเข้า “เป็นไรไปจ๊ะ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนคลายคิ้วที่ผูกเป็นปมเบาๆ “ไม่มีอะไรครับ ไม่ระวังเลยกัดไปโดนลิ้นเข้า” 

 

 

           คุณแม่เจียงมองเขาขำๆ “ค่อยๆ กิน อย่ารีบร้อนนะจ๊ะ แม่จะไปตักน้ำแกงมาให้พวกลูกก่อน” 

 

 

           ลับหลังเธอไปแล้ว เจียงมู่เฉินลุกขึ้นยืนพุ่งตรงมาหาเขา “ฉันเชื่อฟังมาก? เชื่อฟังกับน้องสาวนายสิ คุณชายอยากจะฆ่านายเต็มทนแล้ว” 

 

 

           เรื่องเมื่อคืนยังไม่ทันได้สะสาง บัญชีแค้นใหม่และเก่ามาพร้อมกันพอดีจนได้ 

 

 

           ซือเหยี่ยนเอามือจับเขาไว้ “แม่คุณยังอยู่ด้วย ควบคุมตัวเองสักหน่อยจะดีกับตัวคุณที่สุดนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินโมโหแล้ว “แหม ตอนนี้นายเจ๋งมากเลยใช่ไหม ยังกล้าเอาเรื่องแม่ฉันมาอ้างอีก ฉันจะบอกนายให้นะ ต่อให้แม่ฉันเห็นว่าฉันตีนาย ท่านก็ไม่มีทางจะว่าฉัน” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นท่าทางอวดดีของเขาก็อดจะเลิกคิ้วไม่ได้ “คุณจริงจังเหรอ” 

 

 

           “แน่นอน จุดนี้ฉันยังมั่นใจมากอยู่” 

 

 

           ซือเหยี่ยนปล่อยมือไปเสียดื้อๆ เจียงมู่เฉินที่ไม่ได้ทรงตัวดีๆ ก็เสียหลักปะทะร่างของซือเหยี่ยน นิ้วมือจิกเข้าที่ไหล่ของซือเหยี่ยนพอดี ท่าทางราวกับจะตีซือเหยี่ยน 

 

 

           คุณแม่เจียงตักน้ำแกงเสร็จออกมา ก็เห็นตำตาพอดี เล่นเอาใจเกือบร่วงหล่นลงตาตุ่ม 

 

 

           “เฉินเฉิน ลูกจะทำอะไร รีบปล่อยมือออกเลยนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินชะงักงัน ไม่ใช่หรอกมั้ง นี่เขาซวยขนาดนี้เลยหรือไง ตัวเองยังไม่ทันได้ทำอะไรก็โดนแม่เขาจับได้คาหนังคาเขาแล้วเหรอ 

 

 

           “แม่พูดกับลูกอยู่นะ ไม่ได้ยินเหรอ” คุณแม่เจียงวางน้ำแกงลงบนโต๊ะ แล้วรีบเข้ามาดึงตัวเจียงมู่เฉินออก “ทำไมกินข้าวอยู่ดีๆ ถึงยังลงไม้ลงมือกันได้”