ตอนที่ 69 พวกเจ้ายังเป็นคนอยู่อีกหรือ?

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ฉวยโอกาสที่มีช่องว่างนี้เกิดขึ้น ตู๋กูเหลียนก็แย่งเอากระดิ่งนั้นกลับมาไว้ในมือของนาง เขย่าเบาๆ ครั้งหนึ่ง 

 

 

“กริ้ง~” เสียงสะท้อนที่เยือกเย็นและกังวานใสดังขึ้น ทำให้ผีตายโหงนั่นไปเกาะอยู่บนหลังของนางอย่างเหนียวแน่น 

 

 

สายตาของตู๋กูซิงหลันเปลี่ยนเป็น ‘ว่างเปล่า’ ขึ้นมาทันที 

 

 

นางยืนนิ่งอยู่กับที่ ผีตายโหงชุดแดงนั่นก็ยื่นสองมือออกมาโอบล้อมรอบคอของนางไว้ 

 

 

ผีนั่นมองนางอย่างตะกละตะกลาม เล็บยาวสีแดงเลือดแทบจะจิกลึกลงไปในลำคอของนาง 

 

 

ซี๊ดด…..ช่างยั่วยวนชวนน้ำสายสอนัก 

 

 

ตู๋กูเหลียนมองดูท่าทางของนางอย่างพอใจ มือก็คว้าเอาปิ่นปักผมอันหนึ่งบนศีรษะของตู๋กูซิงหลันลงมา ยัดใส่มือของตู๋กูซิงหลันไว้ หัวเราะฮาๆ บอกกับนางว่า “พี่สาว ท่านดูฉีผินต้องมีชีวิตอยู่อย่างลำบากถึงเพียงไหน ท่านก็สงเคราะห์นางหน่อยแล้วกัน~” 

 

 

พูดจบนางก็พลักหลังตู๋กูซิงหลันออกไปครั้งหนึ่ง ผมของตู๋กูซิงหลันสยายยาวลงมา คนก็ขยับไปตามแรงส่งนั้นราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิตตัวหนึ่งเขยิบเข้าหาฉีผินทีละก้าว 

 

 

ฉีผินตาโตด้วยความตื่นตระหนก รีบหันไปทางตู๋กูเหลียน “นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ? “ 

 

 

ต่อให้สายตาของนางจะย่ำแย่เพียงไหน ก็พอจะดูออกว่าตู๋กูซิงหลันกำลังไม่ปกติ 

 

 

“ฮาๆ พี่สาวฉีผิน ท่านถูกขังในนี้มานานแล้ว แม้แต่หัวสมองก็ไม่มีแล้วหรือไง? ” ตู๋กูเหลียนปิดปากหัวเราะเสียงเย็น ฉับพลันสายตาของนางก็เปลี่ยนเป็นอำมหิตโหดเ**้ยมขึ้นมา “เจ้าเชื่อจริงๆ หรือว่าเต๋อเฟยที่เจ้าเฝ้าครุ่นคิดถึงจะช่วยเหลือเจ้า? “ 

 

 

ฉีผินถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง พอเห็นตู๋กูซิงหลันที่กำลังขยับเข้ามาใกล้ นางก็รีบถอยกรูดไปข้างหลัง ตะโกนใส่ตู๋กูเหลียนว่า “เต๋อเฟยคิดจะฆ่าข้าปิดปากเรอะ? “ 

 

 

“เจ้าคิดว่าไงละ? “ 

 

 

“แต่ว่านางรับปากข้าแล้วชัดๆ ขอเพียงข้าสามารถล่อตู๋กูซิงหลันออกมาได้ จะช่วยข้า และปกป้องทุกคนในครอบครัวของข้า ” ฉีผินอย่างไรก็ยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะตลอดเวลาที่นางอยู่ในคุกแห่งนี้ แม้ต้องรับทัณฑ์ทรมานอย่างไรนางก็ไม่ยอมแพร่งพรายชื่อเต๋อเฟยแม้สักครึ่งคำ แล้ใยเต๋อเฟยจึงยังจะคิดฆ่านาง? 

 

 

” พี่สาวฉีผิน ท่านหลงคิดว่าตนเองเป็นคนพิเศษนักหรือ ในสายของเต๋อเฟย ท่านสำคัญนักหรือไง? “ 

 

 

ตู๋กูเหลียนมองนางอย่างรังเกียจ “หลังจากคืนนี้ไป ทุกคนก็จะรู้ว่า ไทเฮาในตำหนักเย็น ฉวยโอกาสที่กลับบ้านมาเซ่นไหว้ท่านย่าของตนเอง ฆ่าสนมฉีผินในคุกของกรมราชทัณฑ์ เจ้าน่ะ ตายอย่างคุ้มค่าแล้ว เป็นไง มียอดพธูอันดับหนึ่งของแคว้นต้าโจวเป็นเพื่อนเจ้าไปยังแม่น้ำเหลือง ก็ถือว่าเจ้าได้รับเกียรติยิ่งใหญ่แล้วนะ” 

 

 

ต่อให้ฝ่าบาททรงโปรดนังสวะนี้สักแค่ไหน แต่หากมันกลายเป็นฆาตกรฆ่านักโทษ พระองค์จะทรงคุ้มครองได้อีกหรือ? 

 

 

ฉีผินตาโตเบิกกว้าง มองดูตู๋กูเหลียนที่หัวเราะอย่างกับคนผีเข้า ต่อให้นางคาดคิดอย่างไรก็ยังคิดไม่ถึงว่า เต๋อเฟยจะใช้ชีวิตของนางมากำจัดตู๋กูซิงหลัน! 

 

 

เต๋อเฟยที่ยามปกติแสนใจดีมีเมตตา ที่แท้ก็แล้วกลับซ่อนพิษร้าย? ก่อนนี้นางดูไม่ออกเลย! 

 

 

เพราะฉะนั้นยามนี้จึงถูกผู้อื่นขายทิ้ง ทั้งยังช่วยนับเงินส่งให้เขา! 

 

 

“เจ้าวางใจเถอะ พอเจ้าตายไปแล้ว เต๋อเฟยจะยังคงเมตตาต่อครอบครัวของเจ้าต่อไป อ๋อใช่สิ เจ้ายังมีน้องสาวอยู่อีกคนนี่ใช่ไหม? เต๋อเฟยถูกใจนางเข้าแล้ว จะให้นางเข้าวังมาคอยปรนิบัติรับใช้ ” ตู๋กูเหลียนมองดูเล็บที่พึ่งทาสีมาใหม่ของตนเอง ในดวงตาทอแววอึมครึม 

 

 

ในคุกที่มืดมิด มีเพียงแสงสว่างรางๆ จากตะเกียงน้ำมันสองดวงบนกำแพงที่อับชื้น 

 

 

ใต้แสงตะเกียงนั้น ดวงหน้าซีดขาวของตู๋กูเหลียนยิ่งดูน่าเกลียดน่ากลัว 

 

 

“น้องสาวของข้าพึ่งจะอายุได้สิบขวบเท่านั้น พวกเจ้ายังเป็นคนอยู่อีกหรือ? ” ฉีผินเกรี้ยวกราด เต๋อเฟยจิตใจซับซ้อนชั่วร้าย จะทำเช่นไรกับน้องสาวของนางกัน 

 

 

“คนหรอ? ฮ่าๆๆๆ ….” ตู๋กูเหลียนพลันหัวเราะเสียงดังออกมา “เจ้าคิดว่าในวังหลังเนี่ย ยังจะมีใครเหมือนคนกันละ” 

 

 

เพื่อความโปรดปราน เพื่อเกียรติยศความรุ่งเรือง เจ้าหลอกข้า ข้าลวงเจ้า จะมีใครที่มือสะอาดได้อีกล่ะ? 

 

 

พูดจบแล้ว นางก็เขย่ากระดิ่งในมืออีกครึ้งหนึ่ง คราวนี้เจาะจงพูดกับตู๋กูซิงหลันโดยเฉพาะ “เจ้ามัวทำอะไรอยู่? ไยไม่ไปฆ่ามันเสีย? “ 

 

 

กระดิ่งดังกริ๊งกรั๊ง เส้นผมของผีตายโหงในชุดแดงกลายเป็นเชือกสีดำหลายเส้นพันลงไปบนมือและเท้าของตู๋กูซิงหลัน ภายใต้การควบคุมของผีร้าย สาวน้อยที่งดงามกลายเป็นตุ๊กตาหุ่นชักในทันที ทำเอาฉีผินหวาดผวาจนล้มลงไปก้นกระแทกพื้น 

 

 

นางคว้าเอาคอของฉีผินเอาไว้ ปิ่นปักผมในมือถูกชูขึ้นสูง เห็นอยู่ว่ากำลังจะปักลงไปบนลำคอของฉีผิน 

 

 

ตู๋กูเหลียนในตอนนี้ก็หัวเราะออกมาเสียงจนกรามค้าง “เดี๋ยวพอนังสวะนี่ฆ่าฉีผินแล้ว ดวงจิตของมันก็จะตกเป็นของเจ้าทั้งหมด คืนนี้เจ้าจะได้เสพกินอย่างอิ่มหนำแน่นอน “ 

 

 

ผีปีศาจมักจะดูดกลืนดวงจิตของมนุษย์และสัตว์เป็นอาหาร ผู้ที่ถูกดูดกลืนดวงจิตจนหมดสิ้นก็จะกลายเป็นคนบ้าเสียสติ กลายเป็นเพียงขยะที่ไร้ประโยชน์ 

 

 

ผีตายโหงได้ยินที่นางกล่าวมา ก็แสยะยิ้มหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะนี้พาให้แสงตะเกียงที่อ่อนจางบนฝาผนังลุกโชนขึ้นมา 

 

 

ฉีผินมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติเหล่านี้ แต่ว่านางกลับรู้สึกได้ถึงความเหน็บหนาวเข้าแก่นกระดูกที่แนบอยู่บนร่าง แม้กระทั่งหนังศีรษะยังเย็นวาบจนเหน็บชา 

 

 

ในตอนนั้นเอง ปิ่นปักผมของตู๋กูซิงหลันก็ทิ่มเข้าใส่ลำคอของฉีผิน กำลังจะแทงทะลุเข้าไปในตัวนาง 

 

 

ฉีผินมองเห็นใบหน้าที่งดงามอย่างไร้ที่เปรียบของนาง มองดูสายตาที่ว่างเปล่าของดวงตาดอกท้อคู่นั้น นางสำนึกผิดเสียดายขึ้นมาแล้ว ……..หากว่านางเลือกที่จะเชื่อไทเฮา วันนี้ก็อาจจะไม่ต้องตายใช่หรือไม่? 

 

 

เพราะตอนนั้น…..ไทเฮายังสามารถส่งคนชุดดำเข้ามาในคุกหลวงได้ แสดงว่าจะต้องมีความสามารถอยู่ไม่น้อยใช่ไหม? 

 

 

แต่ว่าสำนึกได้ตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร? 

 

 

นางปิดตาลงอย่างสิ้นหวัง 

 

 

ปิ่นปักผมแทงเข้ามาในผิว เลือดสีแดงรินไหลซึมออกมา สร้างความเจ็บปวดจนฉีผินต้องลืมตาได้ขึ้น นางคิดว่าตนเองจะต้องจบชีวิตไปในทันทีทันใดแล้ว แต่ว่าปิ่นนั่นเพียงขูดข่วนผิวหนัง แล้วก็หยุดลงในทันใด 

 

 

นางลืมตาขึ้นดู สบตากับดวงตาดำขลับนั้นอย่างไม่ทันตั้งตัว “เราบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า จะมาช่วยเจ้า ไยต้องสิ้นหวังถึงเพียงนี้? “ 

 

 

ฉีผินชะงักไปแล้ว เมื่อครู่นี้….เมื่อครู่นี้ท่าทางของตู๋กูซิงหลันเหมือนถูกคนควบคุมอยู่ชัดๆ แล้วทำไม? 

 

 

นางตื่นตะลึงไปในทันที ฉับพลันก็มีปฎิกิริยาขึ้นมา คุกเข่าลงกระแทกพื้นอย่างแรง กอดขาตู๋กูซิงหลันร้องไห้เสียงดังว่า “ไทเฮาเพคะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้ว โปรดทรงช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ ต่อไปหม่อมฉันจะเชื่อฟังพระองค์ผู้เดียว จริงๆ นะเพคะ! “ 

 

 

ตู๋กูซิงหลันเหลือบตามองนางอยู่แวบหนึ่ง ฉีผินที่ร้องไห้ฟูมฟายเช่นนี้ ช่างน่าเกลียดจริงๆ 

 

 

อีกด้านหนึ่ง ตู๋กูเหลียนเองก็ตื่นตะลึงไปแล้ว ทั้งๆ ที่เจ้าผีตายโหงนั้นควบคุมนางสวะนี้อยู่ชัดๆ ทำไมมันถึงได้คืนสติขึ้นมาได้กัน? 

 

 

พอนางเริ่มคิดได้ก็เขย่ากระดิ่งนั่นอีกครั้ง นางไม่สามารถควบคุมผีร้ายนั่นได้ เพียงแต่อาศัยกระดิ่งนี้มากระตุ้นผีตายโหงนั่นเท่านั้น 

 

 

พอกระดิ่งขยับดังกริ๊ง ก็เห็นตู๋กูซิงหลันยกมือขึ้นมา ปิ่นในมือตู๋กูซิงหลันตวัดบินออกไป กระแทรกกระดิ่งในมือนางเป็นเศษเล็กเศษน้อย 

 

 

พลังที่รุนแรงนั้น กระท้อนสะท้านจนมือของตู๋กูเหลียนเจ็บชา 

 

 

ทันทีที่กระดิ่งแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนราวดวงใจแตกสลายจากผีตัวนั้น วิญญาณทมิฬที่รออยู่นานแล้วอ้าปากสีแดงโลหิตออกกว้าง กัดขยุ้มลงบนหัวของมัน 

 

 

สิ้นเสียงกัดกร๊วมลงไป หัวส่วนหนึ่งของมันก็ถูกกระชากขาดออกมา เลือดสีดำหยาดหยดไหลนอง 

 

 

ตู๋กูเหลียนตกตะลึงจนขยับไม่ออกไปแล้ว นางหันไปเขม้นมองตู๋กูซิงหลัน ก็เห็นคนค่อยๆ หมุนตัวกลับมา เชิดคางขึ้นช้าๆ แย้มยิ้มให้นางอย่างลึกลับ 

 

 

ที่ด้านหลังของนาง ผีตายโหงในชุดแดงนั่นกำลังเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด หัวของมันหายไปแล้วครึ่งหนึ่ง แขนขาปัดป่ายวุ่นวาย พยายามจะคลานหนีออกจากร่างของตู๋กูซิงหลัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดกลับถูกกดเอาไว้จนไม่อาจขยับได้ 

 

 

เส้นผมที่เคยโอบรัดแขนขาของตู๋กูซิงหลันก็พลันฉีกขาดออกเป็นเศษเสี้ยวกระจัดกระจาย