บทที่ 74 คลับฟีนิกซ์

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 74
คลับฟีนิกซ์

มู่หรงเสวี่ยปฏิเสธคำขอของพี่จางที่จะให้เธออยู่ต่อและตัดสินใจขึ้นเครื่องกลับเมือง A

เป็นเวลา 3 วันแล้วที่ชางกวนโม่ยังไม่โทรหาเธอ ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดที่จะโทรหาเขา เธอกลัวทุกครั้งที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา กลัวว่าจะได้ยินเสียงโกรธไม่พอใจของเขา กลัวว่าเมื่อไป๋เสวี่ยหลี่ฟื้นขึ้นมาแล้วเขาจะรู้สึกเสียใจที่ได้มารู้จักกับเธอ

หลังจากลงจากเครื่องบินมู่หรงเสวี่ยไม่ได้กลับไปที่บ้านของตระกูลมู่หรง แต่กลับมาที่ห้องอะพาร์ตเมนต์ที่เธอซื้อไว้แทน เธอเอาแต่หมกตัวอยู่บนเตียงเงียบๆ ช่วงเวลาสั้นๆแค่หนึ่งเดือนแต่กลับยาวนานราวกับทั้งชีวิต

วันต่อมา มู่หรงเสวี่ยเริ่มแข็งแรงพอที่จะไปโรงเรียน นานมากแล้วที่เธอไม่ได้โผล่หน้าไปที่โรงเรียน อาจารย์ใหญ่โทรหาเธอ 2-3 รอบแล้วด้วย

ทันทีที่เธอมาถึงห้องเรียน เธอก็ต้องจมอยู่กับคลื่นคำบ่นที่ไม่จบสิ้นของโม่อ้ายหลี่

อันที่จริงเธอสงสัยมาตลอดว่าตระกูลโม่อยู่ที่เมืองหลวง แต่ทำไมโม่อ้ายหลี่ถึงมาอยู่ที่จังหวัดนี้ล่ะ? เธอเคยถามโม่อ้ายหลี่แล้วแต่ตอนนั้นเธอแค่บอกว่ามันมีเหตุผลบางอย่างเท่านั้น เมื่อดูจากท่าทางอายๆของเธอ มู่หรงเสวี่ยจึงไม่ได้ถามอะไรต่ออีก

“หายไปไหนมาซะหลายวันเนี่ย?” โม่อ้ายหลี่บ่น
“เฮ้ ฉันไปเมืองหลวงมา” เมื่อพูดถึงเมืองหลวง มู่หรงเสวี่ยก็อดที่จะคิดถึงชางกวนโม่ไม่ได้
“มีอะไรเหรอ? ทำไมหน้าเป็นแบบนั้นล่ะ? อยากร้องไห้หรือเปล่า?” โม่อ้ายหลี่ถาม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ทำอะไรบางอย่างหายไป…” หัวใจเธอหายไป
อ่า?! ทำของหายงั้นเหรอ??? “ถ้าแค่ทำของหายทำไมต้องเศร้าขนาดนี้ด้วยล่ะ? ทำยังกับที่บ้านไม่มีเงิน เธอซื้อใหม่ก็ได้นิ”
“ฮ่าฮ่า มันมีชิ้นเดียวน่ะ ฉันซื้อใหม่ไม่ได้หรอก…”
“อะไรทำไมถึงมีค่าขนาดนั้น?! ช่างมันเถอะ ฉันไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ อีกสองวันจะมีงานประมูลการกุศล เธอต้องไปกับฉัน คือคุณปู่ไม่ไปงานแบบนี้ พี่ชายฉันก็ต้องไปที่อื่นด้วยงั้นก็มีแค่ฉันคนเดียว แต่ฉันเบื่อก็เลย…” เธอเขย่าแขนเสื้อมู่หรงเสวี่ย

“ไม่ใช่แค่การไปเป็นเพื่อนเธออย่างเดียวใช่ไหม?! มีเหตุผลอื่นอีกหรือเปล่า? ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ไป…” มู่หรงเสวี่ยถูกเธอหว่านล้อมได้จริงๆ
“ฮ่าฮ่า ฉันรู้อยู่แล้วว่าเสี่ยวเสวี่ยดีที่สุดเลย ฉันจะเล่าให้ฟัง…”
“….”
หลังจากเลิกเรียน มู่หรงเสวี่ยถูกเรียกตัวไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่เพื่อคุยเรื่องการแข่งขันทางวิชาการระดับนานาชาติของวิทยาลัย เพราะมีข้อตกลงกันไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มู่หรงเสวี่ยจึงปฏิเสธไม่ได้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่หรงเสวี่ยก็เดินออกมาจากออฟฟิศของอาจารย์ใหญ่ แต่กลับได้เจอร่างที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ ถึงแม้ มู่หรงเสวี่ยจะแปลกใจแต่ก็เพราะไม่ได้คุ้นกันเท่าไร และไม่ได้คิดที่จะกล่าวทักทาย จึงก้าวเดินออกไปแต่ก็ต้องหยุดฝีเท้าลง

“มู่หรงเสวี่ย รอเดี๋ยวสิ!” ไป๋ซือฮ่าวรีบเดินมาหามู่หรงเสวี่ย
ไป๋ซือฮ่าว คือเพื่อนสนิทของหยางเฟิง ไม่รู้ว่าเขามาทักเธอทำไม? “มีอะไรหรือเปล่า?” น้ำเสียงสุภาพแต่ก็ห่างเหิน

เมื่อไป๋ซือฮ่าวมองมาที่เธอราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ แต่เมื่อคิดถึงท่าทางของเพื่อน ความโกรธของเขาก็พุ่งขึ้นมาและก็น้ำเสียงประชดประชันในน้ำเสียงที่พูดออกมาของเขา “ดูเหมือนเธอจะยังใจเย็นได้ดีอยู่นะ!”

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย “นายหมายความว่าไง?” จะมาสนใจเรื่องสีหน้าของเธอทำไม?

“ถ้าเธอยังใจเย็นได้อยู่ งั้นลองไปดูหยางเฟิงบ้างสิ!!! เขา…” นี่เธอไม่รู้เรื่องหรือไง
“รุ่นพี่หยางเป็นอะไรเหรอ?” ความทรงจำสุดท้ายที่พวกเขาได้เจอกันผุดขึ้นมา ในตอนนั้นเขาค่อนข้างเศร้าแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โต

“ไปดูด้วยตัวเองสิ ฉันไม่อยากที่จะพูดมากกว่านี้แล้ว สั้นๆเลยนะมันเป็นเพราะเธอแหละเขาถึงได้เป็นแบบนี้! นี่คือที่ที่เขาจะไปทุกคืน…” ไป๋ซือฮ่าวหยิบนามบัตรออกมาส่งให้เธอแล้วเขาก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

เหลือไว้แต่เพียงใบหน้าครุ่นคิดของมู่หรงเสวี่ย พูดตามตรง เธอไม่ได้คิดถึงรุ่นพี่หยางมานานแล้ว ระหว่างเธอกับหยางเฟิง…โว้ย
เธอมองที่อยู่ในนามบัตรและพบว่ามันคือคลับฟินิกซ์ ในตอนเย็น มู่หรงเสวี่ยแต่งตัวสบายๆพร้อมยืนอยู่ที่หน้าคลับฟินิกซ์ ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปเธอก็ถูกการ์ดร่างสูงใหญ่สองคนขวางไว้ “แม่หนู นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะเข้าไปนะ” การ์ดคนฝั่งซ้ายพูดออกมา
มู่หรงเสวี่ยที่ก่อนหน้านี้เคยถูกเสี่ยวเข่อหลี่ลากมาที่นี่หลายครั้งรู้วิธีดี เธอหยิบธนบัตรออกมาจากกระเป๋าและส่งให้การ์ดทั้งสองคน แล้วเธอก็เดินเข้าไปในทางเข้าที่กว้างประมาณสองเมตรและเต็มไปด้วยแสงมากมายหลายสี ที่ทางเดินมีผู้ชายเมาหน้าตาน่าเกลียดพร้อมด้วยผู้หญิงที่แต่งตัวโป๊ๆและแต่งหน้าจัดอยู่หลายคน พวกนี้ไม่ใช่คนสำคัญอะไรและพวกผู้ชายที่อยู่ข้างๆพวกเธอก็ทั้งจูบและมือก็ล้วงเข้าไปในเสื้อผ้าอยู่ตลอด

เหตุการณ์ที่คุ้นตาบางเหตุการณ์ก็ทำให้เธออยากที่จะเดินหนีออกไปตอนนี้เลย ถ้าไม่ใช่เพราะว่าหยางเฟิงอยู่ที่นี่ มู่หรงเสวี่ยพยายามเลี่ยงพวกผู้ชายน่าเกลียดที่พยายามจะขวางทางเธอไว้ตลอดทาง ไป๋ซือฮ่าวบอกว่าหยางเฟิงรออยู่ที่ห้อง

เสียงเพลงที่ดังจนหนวกหูภายในห้องค่อยๆดังลอดประตูออกมา จนถึงตอนนี้มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่อยากที่จะเชื่อว่าหยางเฟิงจะอยู่ที่นี่ เธอเคาะประตู บางทีเพลงข้างในอาจจะดังเกินไป หลังจากที่รออยู่นานก็ยังไม่มีใครมาเปิด

ดูเหมือนว่ามีผู้ชายมากกว่าโหลและเหล่านักเรียนหญิงที่นั่งข้างๆพวกเขาต่างก็เมากันทั้งนั้น และก็มีบางคนที่ยังเป็นเด็กกันอยู่เลยซึ่งแต่งตัวไม่เหมาะสมเท่าไรเลยด้วย

“โอ้ แม่หนูคนนี้ใครกันเนี่ย?!” มีชายคนหนึ่งเดินมาเปิดประตูและอีก 7 หรือ 8 คนที่เหลือก็พูดแซวขึ้นมา

หยางเฟิงเห็นเธอแล้วแต่ก็รีบหันหน้าไปหัวเราะกับเด็กสาวที่นั่งข้างๆเขา เขาทำเหมือนมู่หรงเสวี่ยราวกับเป็นคนไม่สำคัญ

“น้องสาว มานั่งเล่นกับพี่หน่อยสิจ๊ะ” เด็กหนุ่มคนนั่งตรงขอบเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยสวยจึงรีบเดินเข้ามาหา

สีหน้าของมู่หรงเสวี่ยจริงจัง พยายามที่จะหลบชายที่อยากจะจับมือเธอและพูดออกไปอย่างเยือกเย็น “หลบไปให้พ้น”
คนอื่นๆในห้องหัวเราะขึ้นมาทันที
“เกล ไร้ฝีมือจริงๆ แม้แต่เด็กสาวก็ยังอด”
“ใช่ เธอบอกให้นายหลบไป…”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าวันนี้พี่หลีจะอดแล้วจริงๆแหละ”
“หรือเอาเด็กสาวข้างๆฉันไหมล่ะ”
“เกลียด…”
หยางเฟิงยังทำเป็นหูหนวก ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ เอาแต่ฟังสาวที่นั่งข้างๆหว่านเสน่ห์ มีเพียงอย่างเดียวที่บอกว่าเขารับรู้ก็คือมือที่อยู่ข้างๆเขาที่กำลังกำแน่นและสั่นอยู่เล็กน้อย

ใบหน้าที่เรียบเฉยกลายเป็นโมโหขึ้นมาทันที จึงตบออกไปหนึ่งฉาก “นังผู้หญิงเล่นตัว หน้าไม่อายเลยจริงๆ!”

มู่หรงเสวี่ยหลบการตบ “หยางเฟิง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย!” หยางเฟิงตัวสั่นแต่ก็ยังไม่เงยหน้ามามองและไม่ตอบอะไร

เมื่อพวกผู้ชายเห็นว่าเธอเรียกหยางเฟิง จึงไม่กล้าที่จะตบออกมาอีกครั้ง ถ้าเธอเป็นเพื่อนของหยางเฟิง เขาก็ไม่กล้าที่จะทำเรื่องผิดพลาด ถึงแม้ตระกูลเขาจะดีแต่ก็ยังห่างไกลจากตระกูลหยาง
“โอ้ แฟนของพี่หยางเหรอเนี่ย!”
“พี่หยางนี่กล้าจริงๆเลยนะเนี่ย!”
แล้วก็ตามมาด้วยเสียงแซวอย่างต่อเนื่อง
พี่หลีมองไปที่หยางเฟิงที่ยังทำเป็นไม่สนใจอยู่ เขานี่กล้าหาญจริงๆ
“ฮึ เขามันบ้าอีกแล้ว อย่าหวังให้พี่หยางมอบความสบายให้เธอเลย ถ้าเธอไม่มีเงิน…” แล้วเขาก็เอื้อมมือออกมาดึงมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยหลบ มองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ไปให้พ้น นายไม่มีปัญญาเลี้ยงฉันหรอก”

หัวใจของพี่หลีอ่อนยวบ ผู้หญิงคนนี้มีพื้นหลังยังไงกันเนี่ย?!!! ถึงแม้เขาจะชอบสำมะเลเทเมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องโง่และมาดูถูกเขาได้นะ เขาฉลาดมากนะ

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หยางเฟิงอีกครั้งและพูดอย่างเย็นชา “หยางเฟิง ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย ฉันจะอยู่ที่ประตูหน้าคลับฟินิกซ์ ถ้านายไม่ออกมาภายใน 10 นาที ก็ถือว่าเราไม่เคยรู้จักกันอีก!” เมื่อพูดจบ เธอก็เดินออกไปโดยไม่มองหน้า เธอเชื่อว่าเขาจะต้องออกมา

สีหน้าของหยางเฟิงที่เดิมทีแกล้งทำเป็นยิ้มก็กลายเป็นหุบยิ้มจนอยากที่จะยกแก้วไวน์ที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาแต่ก็ต้องทำหกที่พื้นเพราะมือที่สั่น
เธอไม่เชื่อว่าหยางเฟิงจะเป็นคนแบบนั้น แม้แต่ในชีวิตที่แล้ว หยางเฟิงก็ยังเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในทุกๆเรื่อง เขาไม่เคยมีข่าวลบๆเลย ในชีวิตนี้ถ้ามันเป็นเพราะเธอ เธอก็จะพยายามแก้ไขแต่ถ้าเขายอมแพ้เองเธอก็ทำอะไรไม่ได้ มู่หรงเสวี่ยเดินออกมาจากคลับฟินิกซ์และยืนพิงอยู่ที่รถสปอร์ตสีแดงของตัวเอง คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็มองอย่างประหลาดใจ มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจคนพวกนั้น สายลมพัดผมของเธอและรู้สึกค่อนข้างหนาว ตอนนี้ชางกวนโม่จะทำอะไรอยู่นะ? เธอคิดถึงเขามากจริงๆ

หลังจากประสบการณ์ของทั้งชีวิต การเปลี่ยนแปลงเดียวของเธอก็คือเธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆต่อความรู้สึกของตัวเอง เธอคิดว่าถ้าตัวเองไม่สูญเสียชางกวนโม่ เธอก็คงไม่หดหู่ง่ายๆแบบนี้ ยังไม่พูดถึงเรื่องการยอมแพ้ ใครในโลกนี้ที่จะอยู่โดยขาดใครสักคนไม่ได้บ้าง

เมื่อเวลาผ่านไป หยางเฟิงก็ยังไม่ออกมาหน้าคลับฟินิกซ์ มู่หรงเสวี่ยมองเวลาและพบว่านี้มันผ่านไป 30 นาทีแล้วตั้งแต่ที่มู่หรงเสวี่ยพูดว่า 10 นาที
มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจ ดูเหมือนว่าหยางเฟิงไม่อยากจะสนใจตัวเอง มู่หรงเสวี่ยเปิดประตูและขับออกไปด้วยความเร็ว

ไม่นานหลังจากที่เธอไป หยางเฟิงก็สะดุดบางคนและพยายามที่จะเดินออกมา แต่มู่หรงหายไปแล้ว

หยางเฟิงปวดใจมากจนหายใจแทบไม่ออก ไม่รู้เลยหรือไง? โหดร้ายจริง…เธอทำแบบนี้…แต่เธอไม่แม้จะรอเขาต่ออีกหน่อย
เขารีบหยิบกุญแจออกมา กระโดดขึ้นรถและขับไปที่อะพาร์ตเมนต์ของมู่หรงเสวี่ย