ตอนที่ 424: เคนดัล ?
ไม่ใช่อย่างแน่นอน ! ราชามีสีหน้าจริงจัง ” เจ้าของถ้ำแห่งนี้เป็นผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินกานของเราเมื่อพันปีก่อน ในช่วงสุดท้ายของอายุขัยของเขา,เขาเสียชีวิตขณะนั่งสมาธิในถ้ำ. แต่ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต,เขาได้วางอาคมเพื่อปกป้องทางเข้าถ้ำ ซึ่งหมายความว่าไม่มีใครสามารถเข้าไปในถ้ำได้เป็นเวลา 1,000 ปี”
เจี้ยนเฉินเงียบไปครู่หนึ่งขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งประกายสดใส แต่ความลังเลใจยังคงอยู่บนใบหน้า เขาสนใจคำพูดของราชาอย่างมาก และหากคำพูดของเขาเป็นจริงและมีถ้ำของเซียนผู้คุมกฎ แน่นอนว่ามันจะต้องมียุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎและโครงกระดูกภายในถ้ำ
สองสิ่งที่แตกต่างนี้เต็มไปด้วยพลังของเซียนผู้คุมกฎที่เสียชีวิตจากการนั่งสมาธิ เซียนผู้คุมกฎทุกคนที่อยู่ในชั้นสวรรค์ที่ 9 จะทิ้งพลังงานจำนวนมหาศาลไว้ในโครงกระดูกของพวกเขาและจะทิ้งยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎไว้ข้างหลัง ทั้งสองอย่างนี้เป็นสมบัติล้ำค่าภายในทวีปเทียนหยวนและแม้แต่ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่มีสิ่งของเช่นนี้
อย่างไรก็ตามมีสิ่งกีดขวางขนาดใหญ่ในคำพูดของราชาแห่งฉินกานเกี่ยวกับถ้ำ เมื่อไม่มีใครสามารถเข้าไปได้เป็นพัน ๆ ปี เจี้ยนเฉินก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะยังคงอยู่ในสภาพเดิมหลังจากนั้น หากมีจอมยุทธ์อีกคนหนึ่งที่สามารถเข้าไปและนำของมีค่าออกไปได้ มันจะเป็นการสูญเสียของเขา
เมื่อเห็นความลังเลของเจี้ยนเฉินราชาก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่และวิตกกังวลมากขึ้น เขาจะสามารถปกป้องอาณาจักรฉินกานไว้ได้หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจี้ยนเฉินสนใจถ้ำของผู้คุมกฎนี้หรือไม่
“ท่าน แน่นอนว่าถ้ำของเซียนผู้คุมกฎจะต้องมีของมีค่ามากมายที่ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าใช้ความลับนี้เพื่อแลกกับความปลอดภัยของอาณาจักรของข้า ท่านไม่ได้สูญเสียอะไรสำหรับเรื่องนี้ และนี่เป็นความลับที่มีเพียงราชาของอาณาจักรฉินกานและท่านบรรพชนของข้าเท่านั้นที่รู้ หากท่านฆ่าเราทั้งคู่ ท่านจะไม่มีทางรู้ตำแหน่งของถ้ำของเซียนผู้คุมกฎได้อีกตลอดไป ราชาพูดอย่างกระวนกระวาย เขาพยายามโน้มน้าวเจี้ยนเฉินอย่างรวดเร็ว
เจี้ยนเฉินยังคงถกเถียงกับตัวเองเป็นระยะเวลานานก่อนที่จะยอมจำนนต่อความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองในที่สุดเขาก็เห็นด้วยกับราชาแห่งอาณาจักรฉินกาน เขาพูดว่า “ถ้าสิ่งที่เจ้าบอกข้าเกี่ยวกับถ้ำนั้นเป็นความจริง ข้าจะไม่ทำลายอาณาจักรฉินกานของเจ้า”
“ท่านต้องสัญญากับข้าว่าท่านจะไม่สร้างปัญหาให้กับอาณาจักรฉินกานอีกในอนาคต ตราบใดที่อาณาจักรของข้าปลอดภัย ข้าจะบอกตำแหน่งของถ้ำนี้ให้กับท่าน” ราชาเฉลียวฉลาด เขาพูดอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าเจี้ยนเฉินรับรองความปลอดภัยของอาณาจักรของเขา เขาเป็นห่วงว่าหลังจากเจี้ยนเฉินเข้าไปในถ้ำ เขาอาจจะหาช่องโหว่อื่น ๆ เพื่อโจมตีอาณาจักรฉินกาน
เจี้ยนเฉินเข้าใจความกังวลของราชาและพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ข้าเห็นด้วยกับเงื่อนไขของท่าน”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ราชาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าถ้ำของเซียนผู้คุมกฎจะเป็นความลับสุดยอด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสำคัญของอาณาจักรของเขาลดลง ไม่มีความจำเป็นต้องปกป้องความลับหากมันหมายความว่าอาณาจักรของเขาจะถูกทำลาย นอกจากนี้,ถ้ำแห่งนี้ยังมีรูปแบบอาคมที่แข็งแกร่งซึ่งป้องกันไม่ให้ใครเข้าไปได้ เฉียนหยุนพยายามเข้าไปหลายครั้งก่อนหน้านี้แต่ก็ไม่เป็นประโยชน์ ดังนั้นความลับนี้จึงเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์สำหรับพวกเขา หากพวกเขาไม่สามารถใช้หรือสะสมสมบัติภายในได้ มันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ในการปกป้องมันเมื่อเปรียบเทียบกับอาณาจักรของพวกเขา
หลังจากนั้นเจี้ยนเฉินจึงติดตามราชาเข้าไปในห้องทำงานของเขาและได้รับแผนที่ ” นี่คือตำแหน่งของถ้ำ มันจะมีอาคมปกป้องถ้ำไม่ให้ใครเข้ามาได้ ข้ามอบแผนที่นี้ให้กับท่านและหวังว่าท่านจะปฏิบัติตามข้อตกลงของเรา”
เจี้ยนเฉินหยิบแผนที่และตรวจดูอย่างระมัดระวัง เขาตระหนักว่าแทนที่ถ้ำจะตั้งอยู่ในใจกลางของอาณาจักร ในความเป็นจริงมันกลับตั้งอยู่หลายแสนกิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ในภูเขา
เจี้ยนเฉินวางแผนที่ลงและพูดว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่โกหก หากข้ารู้ทีหลังว่าแผนที่นี้เป็นของปลอม ข้าจะไม่ให้อภัยความผิดนี้
“โปรดอย่ากังวล แผนที่นี้เป็นของแท้แน่นอน ท่านบรรพชนไปเยี่ยมถ้ำแห่งนี้หลายครั้งก่อนหน้านี้ แต่ไม่สามารถเข้าไปได้” ราชาสาบาน
เจี้ยนเฉินไม่อยากเสียเวลา เขาไม่ได้พูดอะไรและเดินออกจากพื้นที่ทันที เขาได้รับประโยชน์อย่างมากจากอาณาจักรฉินกาน เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าเขาจะได้รู้ความลับที่เป็นถ้ำของนี่เป็นความลับที่จะทำให้ทุกตระกูลต่อสู้แย่งชิง
หลังจากเจี้ยนเฉินจากไป เฉียนหยุนที่หน้าซีดก็เดินเข้าไปในห้องพร้อมกับรอยฟกช้ำ มีเลือดบนเสื้อผ้าของเขา ทำให้เขาดูไม่เหมือนปราชญ์ที่น่านับถือคนเก่า
ราชาของอาณาจักรฉินกานมองดูเฉียนหยุนด้วยความกังวล เขาพูดว่า “ท่านบรรพชน ท่านไหวหรือไม่ ? “
เฉียนหยุนนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ และพูดเบา ๆ ว่า “บาปของข้าลากอาณาจักรฉินกานมาพัวพันอย่างน่าเศร้า”
“ท่านบรรพชน โปรดอย่าพูดเช่นนั้นเลย อาณาจักรฉินกานของเราไม่มีผู้คนมากพอที่จะปกป้อง” ราชาพูดปลอบใจ
เฉียนหยุนถอนหายใจ “เฉียนเฟิง ถ้ำเคนาตันถูกเปิดเผย นั่นหมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องปกป้องความลับอีกต่อไป ข่ายอาคมจะทำงานของมัน แม้แต่เซียนสวรรค์วัฏจักรที่ 6 ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ง่าย ๆ เราจะไม่ยอมให้สิ่งนี้ถูกส่งมอบให้กับอาณาจักรเกอซุน เมื่อข้าหายเป็นปกติ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ไปยังตระกูลต่าง ๆ ให้เร็วที่สุด
“ท่านบรรพชน, นี่จะไม่ทำให้เขาโกรธใช่หรือไม่ ? ” ราชาถามด้วยความกังวล
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเฉียนหยุนก็เปล่งประกายอย่างเย็นชา “นี่เป็นความลับที่เราไม่สามารถบอกตระกูลเหล่านั้นโดยไม่ไตร่ตรอง แต่ข้าจะแลกมันกับชีวิตของชายผู้นั้น”
………..
หลังจากที่เจี้ยนเฉินออกจากพระราวัง เขาก็เริ่มเดินทางกลับไปยังอาณาจักรเกอซุน แม้ว่าเขาจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกด้วยความตั้งใจที่จะทำลายพระราชวัง เขากลับได้ประโยชน์จากการทำเช่นนี้ในอนาคต
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาเห็นเมืองเล็ก ๆ นี่เป็นเมืองชั้นสองที่เจี้ยนเฉินได้แวะพักค้างคืนเมื่อไม่นานมานี้
การได้เห็นเมืองชั้นสอง เจี้ยนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงโรงเตี๊ยมที่เขาเคยพักและเจ้าของโรงเตี๊ยม ในเวลานั้นเมื่อเขาเห็นแม่และลูกชายเป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่าทั้งสองคนดูคล้ายกับคนที่เขาเคยเห็นมาก่อน
ขณะที่เจี้ยนเฉินลอยอยู่เหนือศีรษะ เขาก็เริ่มลงมาที่เมืองตรงหน้าถนนที่แออัด
ถนนที่มีเสียงดังเงียบสงบทันที การที่เซียนสวรรค์ปรากฏตัวบนถนนทำให้เกิดการหวาดกลัวอย่างมาก ทำให้ทุกคนจ้องมองเจี้ยนเฉิน มีความประหลาดใจและความเคารพสะท้อนในดวงตาของพวกเขา จากจำนวนประชากร 700 ล้านคนในอาณาจักรฉินกาน มีเซียนสวรรค์เพียง 8 คนเท่านั้น โอกาสของเซียนสวรรค์ที่จะมาเมืองชั้นสองนี้จึงหาได้ยากมาก มันจะโชคดีถ้ามีซักคนมาในรอบร้อยปี ดังนั้นเมื่อเจี้ยนเฉินลงมาจากท้องฟ้า ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
เจี้ยนเฉินมองไปรอบ ๆ ครู่หนึ่งก่อนที่จะล้อมตัวเองด้วยธาตุลมและหายตัวไปจากถนนด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
มันผ่านมาเพียง 1 ชั่วยามตั้งแต่ที่เจี้ยนเฉินออกจากเมืองไป ดังนั้นมันจึงใช้เวลาไม่นานที่เจี้ยนเฉินจะกลับมาถึงโรงเตี๊ยมที่เขาเพิ่งพัก
เจี้ยนเฉินตกตะลึงในสิ่งที่เขาเห็นเมื่อเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม ข้าวของในโรงเตี๊ยมแห่งนี้กระจัดกระจาย โต๊ะและเก้าอี้แตกเป็นชิ้น ๆ อีกทั้งยังมีเลือดกระเด็นไปทั่ว เจ้าของโรงเตี๊ยมนั่งอยู่บนพื้น นางกำลังกุมหัวขณะที่ร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศก บนเสื้อผ้าของนางมีรอยเท้าหลายรอยที่สามารถมองเห็นได้
เจี้ยนเฉินเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เขานั่งลงคุยกับนาง ” เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้น ? ใครทำลายข้าวของในโรงเตี๊ยม ? “
เจ้าของโรงเตี๊ยมเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาสีแดงของนางเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อนางจำเจี้ยนเฉินได้ นางก็ตกใจและโกรธเกรี้ยวก่อนที่จะรีบควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ได้อย่างรวดเร็ว ในทันใดนั้นนางก็หมอบคลานไปยังเขาและอ้อนวอนว่า “นายท่าน ข้าขอร้อง ท่านต้องช่วยลูกชายของข้า โปรดช่วยชีวิตลูกชายของข้าด้วย ! “
เจี้ยนเฉินช่วยพยุงนางขึ้นมาและถามว่า “เถ้าแก่ เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ? “
“นายท่าน นี่เป็นผลงานของนิกายหยางจิ หลังจากถูกหยามเมื่อคืน นิกายหยางจิจึงกลับมาแก้แค้น ขณะที่พวกเขากำลังทำลายข้าวของ ลูกชายของข้าพยายามที่จะหยุดพวกเขา พวกเขาจึงจับตัวเขาไป” เจ้าของโรงเตี๊ยมร่ำไห้ด้วยความเศร้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี้ยนเฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึม เขาตระหนักถึงความโง่ในการกระทำของตัวเอง เขาเป็นต้นเหตุให้โรงเตี๊ยมถูกทำลาย
“ลูกชายของข้า ลูกที่น่าสงสารของข้า ! แม่ขอให้เจ้ายังมีชีวิต ! เจ้าเป็นเลือดเนื้อของแม่ ถ้าเจ้าต้องตาย แม่ก็ไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป ! เคนดัล เจ้ามันชั่วช้าสามานย์ เจ้าไปอยู่ที่ไหน ? ! หลังจากที่เจ้าออกเดินทางจากไปหลายปี ตอนนี้ลูกของเราถูกนิกายหยางจิเอาตัวไปแล้ว ! เคนดัล เจ้ามันเป็นคนไม่มีจิตสำนึก ถ้าเจ้าไม่กลับมา เจ้าจะไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียของเจ้าอีก ! ” เจ้าของโรงเตี๊ยมโอดครวญอย่างหมดหนทาง
เมื่อได้ยินชื่อของเคนดัล เจี้ยนเฉินก็ตัวแข็งทื่อทันที เขามองไปที่เจ้าของโรงเตี๊ยมด้วยความตกใจ ท่านพูดอะไร? เคนดัล ท่านเพิ่งพูดว่าเคนดัลใช่หรือไม่ ? “