Sign in Buddha’s palm 216 (11)

 

“นายท่าน นอกจากร่างของจ้าวทะเลบูรพา สิ่งอื่นภายในถ้ําล้วนแต่หมดสภาพไม่มีเหลือแล้ว…”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนมองดูขวดและไหบนพื้นชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยความเสียดาย

 

ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวทะเลบูรพา โอสถวิเศษที่ทิ้งเอาไว้ภายในถ้ําจะต้องเป็นสิ่งหายากอย่างยิ่ง น่าเสียดายที่ในตอนนี้ โอสถทั้งหลายเหล่านี้ได้กลายเป็นเพียงเศษซากไร้ประโยชน์

 

“จะใช่เช่นนั้นจริงๆหรือ?”

 

ซูฉินไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดของนาง

 

ตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในถ้ําแห่งนี้ ซูฉินรู้สึกว่าหลังจากผ่านไปนานหลายพันปี มันคงไม่สามารถเก็บรักษาสิ่งต่างๆไว้ได้

 

“ไม่ใช่หรอกหรือ?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกะพริบตา ใบหน้าสะสวยของนางเต็มไปด้วยความสับสน

 

ในตอนนี้ที่ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนได้รู้ว่าซูฉินจะไม่สังหารนาง ก็ทําให้นางโล่งใจมากขึ้น จนกล้าพูดคุยตอบโต้อย่างรวดเร็ว

 

“เจ้าคิดว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในถ้ําเชียนทั้งหมดนี้?”

 

ซูฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวคําแฝงความนัยอันลึกซึ้ง

 

“อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุด?” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเหลือบมองขวดและไหที่วางระเกะระกะอยู่ จากนั้นสายตาจึงไปตกลงบน <<เทพวิชาเพลิงปฏิปักษ์>> ที่ซูฉินโยนทิ้งไว้ข้างๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมา

 

“มันคือถ้ําเซียนแห่งนี้”

 

ซูฉินขี้เกียจเกินกว่าจะใส่ใจชิงชิวเฉียนเฉี่ยน เขายกมือขวาขึ้นแล้วกดมือกระแทกลงไปด้านล่างอย่างรุนแรง

 

ในชั่วพริบตา พื้นถ้ํากระเบิดออกเผยให้เห็นโพรงมืดๆ

 

ในโพรงนั้น พลังงานปราณฉีมากมายรวมตัวกัน อัดแน่นจนเป็นตาน้ําพุ พลังงานมันทะลักออกมาทุกทิศทาง

 

เหตุผลที่พลังงานปราณฉีทั่วทั้งเกาะหยิงโจวมีอยู่อย่างมากมาย นอกเหนือไปจากค่ายกลฟ้าดินขนาดใหญ่ที่ตัดขาด จากโลกภายนอกคอยช่วยป้องกันการรั่วไหลของพลังงานแล้วนั้น สิ่งสําคัญที่สุดคือตาน้ําพุในที่แห่งนี้ที่คอยทด แทนพลังงานที่เสียไปภายในเกาะอยู่ตลอดเวลา

 

ไม่เช่นนั้น ด้วยพลังงานบนเกาะหยิงโจวที่มีปริมาณไม่ได้มากมายอะไรนัก จิ้งจอกตระกูลชิงชิวคงสูบกลืนจนหมดเกลี้ยงไปนานแล้ว จะมีพลังงานเหลือเฟือหลังจากผ่านมาเกือบหมื่นปีได้อย่างไร?

 

“ในตอนที่จ้าวทะเลบูรพาขึ้นไปทางตอนเหนือ เขาก็ได้พบตาน้ําพุจิตวิญญาณแห่งนี้ และพยายามอย่างเต็มที่ในการนํามันกลับมาไว้ใต้ถ้ํา”

 

รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูฉิน

 

น้ําพุจิตวิญญาณเกิดจากการรวมตัวของพลังงานปราณฉีจํานวนมาก โดยทั่วไปมันจะกําเนิดขึ้นเฉพาะช่วงรุ่งเรืองของกระแสปราณ

 

แม้ซูฉินจะพอรู้สึกได้ว่าเมื่อเข้ามาในถ้ํามีพลังงาน จํานวนมหาศาลผันผวนอยู่ใต้พื้นของถ้ําเซียน แต่เขาก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไรกันแน่

 

จนกระทั่งซูฉินค้นพบเกี่ยวกับตาน้ําพุจิตวิญญาณจากหยกที่จ้าวทะเลบูรพาได้ทิ้งเอาไว้

 

“นี่คือ?”

 

ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ

 

นางไม่คิดว่าจะมีบางสิ่งอยู่ใต้ถ้ําเซียน และแม้ว่าชิงชิวเฉียนเฉี่ยนจะไม่รู้ว่าน้ําพุตรงหน้าตนคืออะไร แต่การที่นางได้อยู่กับมันเพียงชั่วขณะหนึ่ง นางก็รู้สึกว่าสบายเนื้อสบายตัว แม้แต่ฐานการบ่มเพาะก็เริ่มเพิ่มพูนขึ้นมาเสียอย่างนั้น

 

“นี่คือสมบัติที่แท้จริงของจ้าวทะเลบูรพา”

 

ดวงตาของซูฉินลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ

 

แน่นอนว่าสําหรับซูฉิน นอกเหนือจากตาน้ําพุจิตวิญญาณแล้ว โอกาสในการลงชื่อเข้าใช้ภายในถ้ําเซียนก็สําคัญไม่แพ้กัน หรือบางทีอาจจะสําคัญเกินกว่าตาน้ําพุจิตวิญญาณไปอีกก็เป็นได้

 

“น่าเสียดาย หลังจากที่ใช้มายาวนานกว่าหมื่นปี ตาน้ําพุจิตวิญญาณแห่งนี้ใกล้จะเหือดแห้งลงแล้ว” ซูฉินสายศีรษะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

หากตาน้ําพุจิตวิญญาณยังคงอยู่ในยุครุ่งเรืองของกระแสปราณฉี มันก็เพียงพอที่จะนําไปใช้เพื่อเพิ่มระดับพลังในระดับนภาชั้นที่แปดชั้นที่เก้าของซูฉิน และได้แม้กระทั่งขอบเขตเซียนเทพปฐพี

 

สาเหตุที่จ้าวทะเลบูรพากลับมาที่นี่ เพราะเขาต้องการพึ่งพาน้ําพุจิตวิญญาณเพื่อดํารงชีวิตต่อไป

 

พลังของเทพเจ้าปีศาจภายในส่วนลึกของโลกถ้ําปิศาจนั้น น่ากลัวจนเกินไป เพียงแค่ชําเลืองมองมา จ้าวทะเลบูรพาก็ต้องทนทุกข์ทรมานจากสายตาของมัน ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ร้ายแรงเกือบถึงแก่ชีวิต

 

“อย่างไรก็ตาม ต่อให้มันใกล้จะเหือดแห้ง แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะใช้เพื่อก้าวเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปด”

 

ซูฉินประมาณการคร่าวๆ คํานวณในใจอย่างรวดเร็ว

 

จากการคํานวณในตอนแรกของเขา ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองถึงสามปีเพื่อเข้าสู่ระดับนภาชั้นที่แปด แต่ตอนนี้การมีน้ําพุจิตวิญญาณอยู่ก็ช่วยให้กระบวนการดังกล่าวสั้น ลงอย่างมาก

 

น้ําพุจิตวิญญาณไม่ใช่พลังงานฟ้าดิน

 

แต่เป็นพลังงานที่อยู่สูงกว่าพลังฟ้าดิน ซูฉินเคยดึงพลังงานทั้งหมดภายในเมืองฉางอัน เมื่อรวมกันแล้วได้พลัง งานขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือเท่านั้น

 

แต่ยามนี้ เมื่อมองดูน้ําพุจิตวิญญาณตรงหน้า ไม่ว่ามันจะเดือดแห้งเพียงใด แต่ก็ยังหลั่งไหลออกมาราวกับน้ําพุ

 

ด้วยเหตุนี้เอง ที่ทําให้ซูฉินกล้าที่จะมั่นใจว่าน้ําพุที่เกือบ จะเหือดแห้งนี้เพียงพอผลักดันให้เขาขึ้นสู่ระดับนภาชั้นที่แปด

 

“เจ้าออกไปก่อนเถอะ”

 

ซูฉินเหลือบมองชิงชิวเฉียนเฉี่ยนครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา

“เจ้าค่ะ” ชิงชิวเฉียนเฉี่ยนกล่าวด้วยความเคารพแล้ว จึงเดินออกจากถ้ํา

 

หลังจากชิงชิวเฉียนเฉี่ยนออกไปแล้ว ซูฉินก็นั่งขัดสมาธิ ด้านข้างของตาน้ําพุจิตวิญญาณเตรียมที่จะปิดด่านฝึกตน

 

“ในระหว่างช่วงปิดด่านฝึกตน ข้าสามารถลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ได้ ดูซิว่าข้าจะได้รับโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์อีกครั้งหรือไม่”

 

ซูฉินเพียงคิด เม็ดโอสถที่ลุกไหม้ด้วยไฟอันร้อนแรงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูฉิน

 

“ไม่รู้ว่าโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์นี้จะสามารถจุดไฟบริเวณขอบของแผ่นหินได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่…”

 

ความคิดของซูฉินผันผวน

 

นอกจากบริเวณขอบของแผ่นหินภาพดวงตะวันขนาดมหึมาแล้ว ยังมีจุดแสงจํานวนนับพันที่กระจายอยู่ทั่วแผ่นหินภาพดวงตะวัน”

 

ตราบใดที่ซูฉินเติมเต็มจุดแสงเหล่านี้ได้ครอบคลุมครบถ้วน เขาสามารถนับได้ว่าเป็นผู้สําเร็จวิชาในภาพดวงตะวันขนาดมหึมา สามารถแปลงกายเป็นอีกาทองคําสามขาที่แท้จริงได้

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูฉินก็มองไปที่เม็ดโอสถเพลิงเทพปฏิปักษ์ เปลวไฟที่ลุกท่วมเม็ดโอสถขนาดใหญ่เท่ากําปั้นก็ระเบิดออก กลายเป็นไอพลังธาตุไฟ ซึมหายเข้าไปในร่างของซูฉิน

 

ในขณะที่ซูฉินปิดด่านฝึกตน

 

ในต่างดินแดน

 

นิกายเฮยหยวนกําลังจะออกมา

 

มีหลายร่างกําลังเฝ้ารออยู่อย่างเงียบๆ

 

“หมิงโยววิญญาณยมโลกทําเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

 

“ผู้นํานิกายของเจ้าให้พวกเราร่วมมือกันเข้าไปยังพื้นที่จุดตัด นี่เขาให้พวกเรารอมานานกว่าหนึ่งปีแล้วนะ ยังไม่ออกมาอีกหรือ?”

 

หญิงที่ดูเย็นชากล่าวคําออกมาด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบ

 

ชื่อของนางคือเฉว่ยวี่ จากตําหนักเทพเจ้าหิมะ นางเป็นผู้อาวุโสตําหนักเทพเจ้าหิมะที่อายุน้อยที่สุด ในอนาคตถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นบุคคลผู้แข็งแกร่งระดับเยี่ยมยุทธ

 

“อย่าได้กังวลไปเลยสหายเต่เฉว่ยวี่ สหายเหมิงโยวกําลังอยู่ในช่วงปิดด่านฝึกตน พวกเรารอสักพักไม่เป็นอะไรหรอก”

 

ชายคนหนึ่งที่สะพายดาบยาวเปิดปากพูดออกมา

 

“รออีกสักพัก?”

 

เฉว่ยวี่เย้ยหยัน “เขาใช้เวลาของเขาได้ แล้วเวลาของข้าเล่า?”

 

ฉับพลัน

 

ในตอนนั้นเอง

 

เงามืดทะมึนร่างหนึ่งออกมาจากส่วนลึกของนิกายเฮยหยวน

 

เงานี้เหมือนกับซ่อนตัวอยู่ในชั้นบรรยากาศ เคลื่อนเข้ามาใกล้เฉว่ยวี่ และคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว

 

เมื่อเงาดํานั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ในระยะสิบเมตร นักพรตที่สวมชุดคลุมแบบเต่ก็ดูเหมือนจะค้นพบบางอย่าง ขมวดคิ้ว แล้วตะโกนออกไป “นั่นใคร?”

 

คําที่กล่าวออกมา

 

คนอื่นก็สะดุ้งเล็กน้อย กวาดสายตามองไปรอบๆกันยกใหญ่

 

“เฮเฮ้”

 

เสียงแหบแห้งดังออกมา “ไม่ได้เจอกันหลายปี วิชาของสํานักเอกะวิถียังคงน่ารังเกียจเหมือนเดิม………..”

 

เพราะถูกเปิดเผยจากนักพรตเต๋ ร่างชายในชุดดํา จึงเดินออกมาอย่างช้าๆ

“หมิงโยววิญญาณยมโลก?”

 

ม่านตาของเฉว่ยวี่แห่งตําหนักเทพเจ้าหิมะหดแคบลงเล็กน้อย

 

แม้นางจะแสดงออกว่าไม่สนใจหมิงโยวเลย แต่ในความเป็นจริงหมิงโยวหรือวิญญาณยมโลกแห่งนิกายเฮยหยวน ในฐานะตํานานยุทธแล้วนั้น มันใกล้เคียงกับตัวตนผู้เยี่ยมยุทธมากที่สุดในต่างดินแดน สามารถจินตนาการถึงพลังอํานาจที่ใช้ข่มเหงผู้คนได้ไม่ยาก

 

“ผู้นําได้กล่าวบอกแก่ข้าแล้ว”

 

หมิงโยวเพิกเฉยต่อความไม่พอใจของเฉว่ยวี่ หันมามองคนอื่นแล้วพูดเบาๆว่า “ตามหนังสือโบราณของนิกายเฮยหยวนของข้า บันทึกไว้ว่าพื้นที่จุดตัดในยุคล่าสุดที่มีการฟื้นฟูกระแสปราณจี้ตั้งอยู่ที่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา”

 

“ถ้าเป็นยามปกติจะมีค่ายกลขนาดใหญ่อยู่ที่ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพา และข้าจะไม่มีทางหาพบเลย”

 

“แต่ตอนนี้กระแสปราณฉีฟื้นกลับมาอีกครั้งและโลกนั้น ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาอาจจะเปิดเผยร่องรอยออกมา”

 

“ดังนั้น ก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่จุดตัดในครั้งนี้ ต้องหาถ้ําเซียนของจ้าวทะเลบูรพาเสียก่อน”

 

หมิงโยวพูดทั้งหมดออกมาในคราวเดียว