ราชันเร้นลับ 416 : สองถูกเป็นหนึ่งผิด โดย Ink Stone_Fantasy
กร็อบ!
เมื่อไคลน์เห็นแผ่นหลังไอเซนการ์ดยุบเข้าไป มันเกิดความเสียวไส้เหนือพรรณนา
ไอเซนการ์ดล้มลงด้วยเสียง ‘ตุ้บ’ ร่างกายแน่นิ่งชั่วขณะคล้ายกับหมดสติกะทันหันเพราะความเจ็บปวด
คาสลาน่ายังคงยืนในจุดเดิม ลมหายใจกระเส่า ดวงตาเหม่อลอย หน้าผากผุดเหงื่อเม็ดใหญ่ ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเพิ่มเติมจากนักสืบหญิงผู้นี้
ประหนึ่งเธอเพิ่งลืมตาตื่นจากฝันร้ายแห่งห้วงอารมณ์อันยาวนาน เรี่ยวแรงไม่หลงเหลือโดยสิ้นเชิง เนื่องจากปลดปล่อยไปกับกำปั้นเมื่อครู่จนหมดเกลี้ยง
หงึกหงึก…
ร่างกายคาสลาน่าเริ่มโซเซ คล้ายกับใกล้หมดสติล้มลงเต็มที
aไคลน์หรี่ตาลงพร้อมกับกระโจนเข้าหาไอเซนการ์ดภายในสองก้าว
ชายหนุ่มคุกเข่าลงและพยายามช่วยเหลือ
ไอเซนการ์ดนอนแผ่บนพื้น ตะโกนด้วยเสียงแหบพร่าแกมเจ็บปวด
“หนีไป! ไม่ต้องห่วงผม!”
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น มันคงประเมินว่า ในทีมผู้วิเศษสามคน ซึ่งบาดเจ็บหนักหนึ่งคน และปราศจากเรี่ยวแรงอีกหนึ่งคน ย่อมไม่มีทางตรึงผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้ในบ้านได้นานแน่ จึงส่งสัญญาณบอกให้ไคลน์รีบหนี เพื่อจะได้เหลือใครสักคนคอยแจ้งข่าวกับหน่วยพิเศษของทางการ
ขณะเดียวกัน ไอเซนการ์ดขยับมือไม้คล้ายเตรียมใช้พลังพิเศษบางชนิด เพื่อทำให้หน่วยพิเศษซึ่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร พบว่ามีความผิดปรกติขึ้นภายในบ้านหลังนี้
ในส่วนของ ‘เครื่องโทรเลขจิ๋ว’ มันลอยกระเด็นไปชนกำแพงเนื่องจากพลังโจมตีมหาศาลของคาสลาน่าในจังหวะเมื่อครู่
ไคลน์ออกอาการลังเลหลายวินาที จนกระทั่งตัดสินใจเตรียมกระทำบางสิ่ง มุมสายตาบังเอิญเหลือบเห็น ‘ของเหลว’ สีดำกำลังหยดลงจากเพดานพร้อมกับก่อตัวเป็นรูปร่างมนุษย์
คล้ายกับกำลังห่มด้วยม่านสีดำสนิท เปิดเผยเพียงดวงตาสีฟ้าแสนเย็นชา
ในแวบแรก ไคลน์รู้สึกราวกับตนได้เห็นอารมณ์ทั้งหมดบนโลกอย่างแจ่มชัด หวาดกลัว อาฆาต ละโมบ ริษยา หิวโหย หลงใหล และอีกมาก
ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไม่รีรอ รีบลงมือตามแผนการซึ่งเตรียมไว้อย่างเจ้าเล่ห์ ส่งตัวเองลงมายังห้องกิจกรรมชั้นหนึ่งของบ้าน
ในสถานการณ์ปัจจุบัน จากบรรดานักสืบผู้วิเศษทั้งสาม คาสลาน่าหมดสภาพโดยสิ้นเชิงหลังจากระเบิดอารมณ์ฉับพลัน ส่วนไอเซนการ์ดได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกสันหลังแตกในจุดกึ่งกลาง ส่งผลให้หมดความสามารถในการต่อสู้อย่างไร้ข้อกังขา
มีเพียงไคลน์ ผู้ยังไร้รอยขีดข่วน
ทว่า ชายหนุ่มมิได้พกพาสมบัติวิเศษชิ้นใด ทั้งหมดถูกเก็บไว้บนสายหมอกเพื่อไม่ให้สร้างความฉิบหายกับตนภายหลัง ทักษะในการต่อสู้จึงเหลือเพียงลูกโม่หนึ่งกระบอกและกระสุนพลังพิเศษ
งานหลักของมันคือการเผชิญหน้ากับลำดับ 5 ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย เจ้านายสุนัขปีศาจ ตามลำพัง!
อย่างไรก็ตาม มุมปากไคลน์กำลังยิ้มอ่อน
ชายหนุ่มรีบตวัดมือขวาซึ่งกำลังนาบบนกระดูกสันหลังไอเซนการ์ดในจุดบาดเจ็บ ให้ขยับไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย ส่งผลให้ความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ถูกเคลื่อนย้ายจากจุดสำคัญไปยังบริเวณซี่โครงทันที!
สิ่งนี้คือสุดยอดพลังเหนือธรรมชาติอันยากจะหาเหตุผลรองรับของนักมายากล :
ย้ายความเสียหาย!
สามารถย้ายบาดแผลไปยังจุดใดก็ได้ของร่างกาย เปลี่ยนจากหนักเป็นเบา แต่ไม่สามารถนำบาดแผลออกจากร่างกายได้
นับตั้งแต่ได้เห็นอาการบาดเจ็บไอเซนการ์ด ไคลน์ก็คิดแผนนี้ได้ทันที
ขั้นแรก ล่อให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเข้าใจผิด คิดว่ากลุ่มสามนักสืบกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ สิ่งนี้จะล่อให้มันปรากฏตัวออกมา จากนั้นจึงย้ายบาดแผลไปยังซี่โครงซึ่งบาดเจ็บน้อยกว่ามาก และตนกับไอเซนการ์ดก็จะร่วมมือกันตรึงผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้จนกว่าหน่วยพิเศษจะตามมาสนับสนุน!
ด้วยวิธีนี้ แม้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายจะสัมผัสถึงความผิดปรกติ แต่ก็สายเกินไปหากคิดหลบหนี เในวินาทีชายหนุ่ม ‘รักษา’ บาดแผลของยอดนักสืบสำเร็จ การต่อสู้ก็จะกลายเป็นสองต่อหนึ่งทันที และนั่นคือการถ่วงเวลาให้หน่วยพิเศษปิดล้อมบ้านทุกทิศทาง
ทันใดนั้น แหวนในมือไอเซนการ์ดเริ่มแผ่แสงออร่าสีเขียวอ่อน ช่วยเยียวยาบาดแผลบริเวณซี่โครงจนหายสนิท
ซี่โครงซึ่งเคยหัก สามารถคืนสภาวะปรกติในพริบตา
หมายความว่า ตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเมื่อครู่ ไอเซนการ์ดบาดเจ็บจริง แต่มันแสร้งทำเป็นสิ้นหวังและไม่มีแผนสำรอง!
อย่างไรก็ตาม พลังดังกล่าวซ้อนทับกับความพยายามของไคลน์จนเกินพอดีไปมาก
ขณะผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเตรียมลงมือปิดบัญชีสามนักสืบ เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ร่างกายมันพลันชะงักกะทันหัน
ในสภาพปัจจุบัน ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายสามารถเคลื่อนไหวได้อย่าง เนื่องจากไม่มีนักสืบคนใดหันไปสนใจหรือลงมือ จึงมีจังหวะและเวลามากพอสำหรับพุ่งตัวไปทางหน้าต่างด้วยความเร็วสูงสุด
ร่างกายคล้ายมนุษย์ยุบลงบนพื้นและเปลี่ยนเป็นของเหลวสีดำเหนียวข้นอีกครั้ง
ของเหลวซึมลงพื้นห้องและผ่านกำแพงบ้านออกไปด้านนอกอย่างง่ายดาย เพียงพริบตาเดียวก็ไม่เหลือทิ้งร่องรอยใดให้ตามจับ
ไคลน์รีบยกมือขึ้นและดีดนิ้ว
กระสุนอัดอากาศพุ่งผ่านกระจกออกไปด้านนอก เกิดเสียงแก้วแตกละเอียดพร้อมกับประกายไฟเล็กน้อย ทว่า ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายมิได้อยู่ในบริเวณดังกล่าวอีกแล้ว
เผ่นหนีเร็วมาก ปราศจากความลังเลโดยสิ้นเชิง… มันเป็นปีศาจแน่หรือ? แย่ล่ะสิ หลังจากนี้เราคงใช้ชีวิตลำบากแน่…
มุมปากไคลน์เริ่มสั่นเทา ขณะเดียวกันก็หันไปมองไอเซนการ์ด ผู้กำลังพยุงตัวลุกยืน
อีกฝ่ายมองกลับมายังไคลน์
“คุณรักษาบาดแผลได้ด้วยหรือ?”
“คุณรักษาบาดแผลได้ด้วยหรือ?”
สองยอดนักสืบส่งเสียงถามพร้อมกัน
เมื่อสายตาประสานกันสักพัก ไอเซนการ์ดส่ายศีรษะอย่างจนปัญญาพร้อมกับยิ้ม
“ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่า กับดักของตัวเองจะเป็นสาเหตุให้มันหนีรอดไปได้”
ขณะเล่า แหวนบนมือยังคงแผ่แสงออร่าเจือจาง พร้อมกันนั้น ไอเซนการ์ดเริ่มสำรวจรอบตัวจนมั่นใจว่าผู้ปลดปล่อยแรงกระหายหลบหนีไปแล้วจริง
มันหันมาอธิบายไคลน์สั้นกระชับ
“ในช่วงบ่าย ผมไม่มีโอกาสได้จำลองพลังรักษาเพื่อใช้กับตัวเอง แต่หลังจากนั้น ผมผุดแนวคิดว่าจะใช้พลังรักษาในภายหลัง โดยหลอกให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายตายใจว่า ตัวผมกำลังบาดเจ็บหนัก จึงแสร้งพันแผลให้ดูอลังการเกินจริง”
มันชี้ไปยังเฝือกบนไหล่
“และไม่ผิดจากความคาดหมาย แผนการเป็นไปอย่างราบรื่น เพียงแต่ ผมคาดไม่ถึงว่าคุณเองก็มีพลังรักษาเช่นกัน มันก็เลย…”
ไอเซนการ์ดถอนหายใจ
เมื่อนักสืบทั้งสองต่างจัดลำดับความสำคัญกับพลัง ‘รักษาแผล’ ไว้ในระดับสูงสุดเหมือนกัน แต่ละคนจึงใช้พลังของตัวเองโดยมิได้นัดหมาย ส่งผลให้ไม่มีใครคอยตรึงผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้ได้ทัน
ให้ตายสิ… ทั้งไอเซนการ์ดและเราต่างมีไพ่ตายลับเพื่อล่อลวงให้ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายติดกับ แต่ใครจะไปคิดกันว่า เราสองคนดันใช้ออกมาพร้อมกันจน ‘เกินพอดี’ และทำให้ศัตรูหลบหนีไปในช่องว่างดังกล่าว…
ดังคำโบราณว่าไว้ สองผิดเป็นหนึ่งถูก…
ไคลน์ยิ้มจืดชืดพร้อมกับกล่าว
“เป็นเพราะพวกเรายังไม่รู้จักกันดีพอ และไม่เคยต่อสู้ร่วมกันมาก่อน”
“ไม่เลย เป็นความผิดของผมเอง” ไอเซนการ์ดตำหนิตัวเองอย่างจริงใจ “นับตั้งแต่เห็นคุณเดินมาจับบาดแผล ผมควรทราบว่าคุณไม่ตื่นตระหนกและมีไพ่เด็ดเตรียมไว้รับมือ แต่น่าเสียดาย เป็นเพราะว่าผมกำลังสวมแหวนวงนี้ สมองจึงทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้คาดเดาการกระทำของคุณไม่ออก”
หมายความว่า 2-081 จะกัดกร่อนสติปัญญาของผู้ใช้งานขณะสวมใส่สินะ…
ไคลน์ยิ้ม
“มิสเตอร์สแตนธอน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวตามหาคนผิด แต่ต้องคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไปต่างหาก”
ไอเซนการ์ดถอดแหวนพร้อมกับเดินไปทางประตูห้องกิจกรรม
“หน่วยพิเศษของทางการกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ผมต้องออกไปช่วยคุมสถานการณ์ฝั่งสจ๊วตและนักสืบ… แล้วคุณล่ะ? จะออกมาพร้อมกับผม หรือมีบางสิ่งในบ้านต้องการให้เรียบร้อยก่อน?”
หน่วยพิเศษของทางการ… มิสเตอร์สแตนธอนเคยเอ่ยชื่อเหยี่ยวราตรี จิตแห่งจักรกล และหน่วยลับของกองทัพให้ฟัง… ได้โปรดอย่าเป็นคนรู้จักเลย… แต่สัมผัสวิญญาณของเราไม่ร้องเตือน คงไม่มีเรื่องต้องกังวลกระมัง…
หืม… มิสเตอร์สแตนธอนบอกใบ้ให้เราไปจัดการกับวัตถุแปลกปลอมภายในบ้าน ซึ่งอาจจะเป็นปัญหาถ้าถูกหน่วยพิเศษค้นบ้านและพบเข้าในภายหลัง…
ขณะสมองกำลังประมวลผล ไคลน์เงยหน้าซักถาม
“มิสเตอร์สแตนธอน ขณะคุณพบตำแหน่งของผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย มันอยู่ตรงส่วนใดของชั้นสอง?”
ไอเซนการ์ดทำหน้านึก
“ห้องนอน มันกำลังนั่งบนเก้าอี้หน้าโต๊ะอ่านหนังสือของคุณ”
…โอหังฉิบหาย… ไคลน์ชี้ไปทางประตู
“ผมจะขึ้นไปตรวจสอบว่ามันทิ้งเบาะแสใดไว้หรือไม่ หากได้เห็นใบหน้าแท้จริงสักนิด คงง่ายต่อการรับมือในอนาคต คงต้องฝากทางนั้นไว้กับคุณ”
“ตกลง” ไอเซนการ์ดเดินไปพยุงคาสลาน่าผู้ปราศจากเรี่ยวแรง
เมื่อเห็นภาพดังกล่าว ไคลน์ทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา
อุตส่าห์วางแผน เตรียมกับดัก และชิงลงมือก่อนอย่างดิบดี แต่กลับจับตัวผู้ปลดปล่อยแรงกระหายไว้ไม่ได้ และต้องอยู่ในสภาพน่าสมเพชเช่นนี้… ไม่ว่าจะเตรียมตัวดีอย่างไร แต่อุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อในรูปแบบไม่คาดฝัน… คงเป็นเหตุผลว่าทำไม นักมายากลจึงเป็นแค่โอสถลำดับ 7…
เมื่อเดินออกจากห้องกิจกรรม ไคลน์ตรงไปยังห้องนอนบนชั้นสองทันที
เครื่องเรือนยังอยู่ในตำแหน่งเดิม แม้กระทั่งระยะห่างระหว่างเก้าอี้กับโต๊ะก็ไม่เปลี่ยนไป แต่ไคลน์สามารถจินตนาการภาพของบุคคลร่างกายสีดำคล้ายกำลังห่มด้วยผ้าม่านได้อย่างชัดเจน
มันกำลังนั่งบนเก้าอี้ มองตรงไปทางเหยื่อ และรอคอยโอกาสลงมืออย่างใจเย็น
สมกับเป็น ‘สัตว์เลือดเย็น’ …
ไคลน์มองไปทางบานกระจกบนมุขหน้าต่าง มันเกิดลางสังหรณ์ว่า ตนสามารถทำนายบางสิ่งได้ หากกระจกบานนี้เคยสะท้อนภาพใดไว้
เส้นทางปีศาจเชี่ยวชาญด้านอาชญากรรมเป็นพิเศษ คงไม่มีเบาะแสใดเหลือทิ้งไว้กระมัง… แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เราสามารถทดสอบทำนายด้วยห้วงมิติเหนือสายหมอกในภายหลัง…
ไคลน์สำรวจรอบห้องอย่างละเอียด ระหว่างนั้นก็จุดไฟเผาสมุดบันทึกศาสตร์เร้นลับของตัวเองทิ้งไป
หลังจากจัดการกับวัตถุต้องสงสัยเสร็จจนหมด ถัดมาไม่นาน คนแปลกหน้าราวสองถึงสาม กำลังเดินขึ้นบันไดมายังชั้นสอง
ผู้นำกลุ่มเป็นบุรุษใบหน้าเคร่งขรึม แต่มีเส้นผมสีน้ำตาลหงิกงอและแข็งชี้
ในมือกำลังถือกระจกเงินลวดลายแปลกประหลาดบานหนึ่ง สองฝั่งของกระจกถูกประดับด้วยอัญมณีสีดำ มองผิวเผินจะมีลักษณะคล้ายดวงตาสองข้าง
“สวัสดีครับ มิสเตอร์โมเรียตี้ ผมคือไอคานส์·เบอร์นาร์ดจากโบสถ์เทพจักรกลไอน้ำ ไม่ทราบว่าจะขอตรวจสอบชั้นสองสักเล็กน้อยได้หรือไม่?”
ไคลน์พยักหน้ารับ
“เชิญ” ตามด้วย “แล้วผมต้องเดินตามไปตอบคำถามในแต่ละจุดไหม”
“ก็ดีครับ คงต้องรบกวนด้วย มิสเตอร์ไอซนการ์ดอาจอธิบายสถานการณ์ของคุณไว้บ้างแล้ว แต่ทางเรายังต้องทำตามระเบียบปฏิบัติอย่างเคร่งครัด” ไอคานส์ยิ้มรับ
สมาชิกในทีมเดินตามหลังมันมาไม่ห่าง แต่ละคนมีท่าทีแตกต่างกันไป บ้างเพิกเฉย บ้างอยากรู้อยากเห็น และบ้างไม่เป็นมิตร
สถานการณ์ของเรา? แล้วไอเซนการ์ดเล่าให้พวกเขาฟังว่าอย่างไร? ไม่คิดจะนัดแนะกันสักหน่อยหรือ?
ขณะสมองไคลน์กำลังปั่นป่วน มันเดินตามไอคานส์เข้าไปในห้องนอนอีกครั้ง ส่วนทีมผู้วิเศษจับคู่แยกย้ายไปตามแต่ละห้อง
“ผู้ปลดปล่อยแรงกระหายเคยนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้ใช่ไหม” ไอคานส์ชี้ไปยังเก้าอี้หน้าโต๊ะ เห็นได้ชัดว่ามีการซักถามข้อมูลเบื้องต้นจากไอเซนการ์ดแล้ว
“ใช่ครับ” ไคลน์ไม่ปิดบัง
โดยไม่รีรอ ไอคานซ์ยกกระจกเงินขึ้นพร้อมกับใช้มือขวาลูบไล้แผ่วเบาสามหน
เว้นวรรคหนึ่งอึดใจ มันกล่าวเสียงทุ้ม
“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ คำถามของกระผมก็คือ : ‘ปีศาจผู้เคยนั่งบนเก้าอี้ตัวนี้มีรูปลักษณ์เป็นเช่นไร’”
ทันใดนั้น แสงสว่างรอบตัวทุกคนพลันอึมครึมกะทันหัน ราวกับห้องถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาทึบหลังพายุฝน ผิวกระจกผุดแสงคล้ายคลื่นน้ำกระเพื่อมอย่างอ่อนโยน เผยให้เห็นฉากหนึ่งด้านใน :
บุรุษผู้มีร่างกายปกคลุมด้วยของเหลวสีดำกำลังนั่งบนเก้าอี้ สายตาจ้องมองมาทางเตียง
ฉากบนกระจกเริ่มแปรเปลี่ยน คราวนี้เป็นภาพสะท้อนมุมด้านข้างจากมุขหน้าต่าง เผยให้เห็นบุรุษชุ่มฉ่ำไปด้วยของเหลวสีดำคนเดิม
แต่ในมุมนี้ ทุกคนสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ในเชิงสามมิติได้ชัดเจนกว่าเดิม
โหนกแก้มใหญ่ ดวงตาสีฟ้าแสนเย็นชา
……………………