บทที่ 247 จัดห้องให้ชวนชม

รักหวานอมเปรี้ยว

“ได้ยิน!” เปปเปอร์ก้มหน้าลงเพื่อปิดบังความรู้สึกอึดอัดในดวงตาเขาแล้วตอบกลับมาเบาๆ

เขารู้สึกว่าเธอด่าได้ดีมาก

ส้มเปรี้ยวเบิกตาจ้องมองเขาอย่างเหลือเชื่อ “คุณได้ยินแล้ว แต่คุณยังไม่ช่วยฉันอีกเหรอ?”

มายมิ้นท์และราเม็งก็มองไปทางเปปเปอร์เช่นกัน

นั่นสิ เมื่อสักครู่ส้มเปรี้ยวถูกทั้งสองด่าถึงขนาดนั้น แต่เขากลับไม่ก้าวออกมาช่วยเธอ

เขารักส้มเปรี้ยวมาก และไม่ยอมให้ส้มเปรี้ยวต้องถูกใครรังแกไม่ใช่เหรอ? แต่ทำไมเมื่อสักครู่ที่ส้มเปรี้ยวถูกด่าขนาดนั้นเขาจึงยอมได้?

มันดูผิดปกติไปนะ!

เปปเปอร์เห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าของมายมิ้นท์ ก็ดูเหมือนจะเดาได้ว่าในใจเธอคิดอะไรอยู่ ดวงตาจึงได้มืดมนลง

เขาอยากจะบอกกับเธอว่าเขาไม่ได้รักส้มเปรี้ยว ไม่ว่าส้มเปรี้ยวจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเขา

แต่สัญชาตญาณบอกกับเขาว่าอย่าทำแบบนั้น บางทีเมื่อพูดออกไปอาจไม่มีผลดี

สัญชาตญาณความรู้สึกนี้แข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งจนแม้แต่เขาเองก็อยากที่จะไม่สนใจมัน

เปปเปอร์ปล่อยส้มเปรี้ยวออก มือของเขาใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงแล้วกำมันแน่น น้ำเสียงเยือกเย็นตอบกลับว่า “คงไม่ดีที่จะช่วยคุณ”

“ทำไมล่ะคะ?” ส้มเปรี้ยวถามด้วยความแปลกใจ

มายมิ้นท์ก็เลิกคิ้วขึ้นเช่นกัน

เธอเองก็สงสัยว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น

เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก สีหน้าของเขาพูดโกหกออกมาอย่างน่าตายว่า “เมื่อสักครู่มายมิ้นท์ไม่ได้บอกสักหน่อยว่าคุณเป็นสุนัข แต่คุณกลับยอมรับเอง ถ้าตอนนี้ผมเข้าไปช่วยคุณพูดอีก ก็ยิ่งชี้ให้เห็นว่าคุณเป็นสุนัขไม่ใช่หรือไง?”

เขาเน้นย้ำตอนที่พูดคำว่าสุนัขออกมา

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่าเธอจะฟังออกถึงน้ำเสียงเยาะเย้ยและเน้นย้ำนั้น

เขาเน้นย้ำอะไรนะ เน้นย้ำว่าส้มเปรี้ยวเป็นสุนัขเหรอ?

ความคิดนี้ทำให้มายมิ้นท์หัวเราะออกมาแล้วส่ายหน้า จะเป็นไปได้ยังไง

เธอคงจะฟังผิดไปเอง!

ส้มเปรี้ยวเป็นเหมือนดวงใจของเขา เขาจะยอมรับว่าเธอเป็นสุนัขได้อย่างไร?

หแต่ส้มเปรี้ยวกลับฟังไม่ออกถึงความผิดปกติในประโยคเมื่อครู่ของเปปเปอร์ เธอเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้า “ที่คุณพูดก็ถูกค่ะ”

แม้ว่าในใจเธอจะรู้สึกถึงความแปลกประหลาด มันแปลกจนบอกไม่ถูก เธอจึงไม่อยากจะไปคิดถึงมันอีก

เมื่อเปปเปอร์รู้ว่าเธอคงไม่ก่อเรื่องขึ้นมาอีกแล้ว คิ้วทั้งสองข้างที่ขมวดเข้าหากันก็คลายลง

ตอนนี้เขาค่อนข้างที่จะชัดเจน เพียงแค่เธอไม่ก่อเรื่องขึ้นมา และตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปปลอบเธอ เขาก็จะไม่ถูกพลังลึกลับนั้นเข้ามาบังคับแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้น เปปเปอร์ ก็ใช้นิ้วมือถูกันไปมาพูดว่า “เอาละครับ เรื่องนี้ไม่อาจหาข้อสรุปได้ตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นคงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนเรื่องของภัตตาคารพวกคุณ……”

เขาหันไปมองทางผู้จัดการร้าน

ผู้จัดการร้านจึงได้ยืดตัวตรงพูดว่า “พวกเราจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับทางตำรวจอย่างเต็มที่ครับ!”

เปปเปอร์พยักหน้าแล้วมองไปทางมายมิ้นท์ด้วยแววตาอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย “คุณว่ายังไง?”

มายมิ้นท์ไม่ตอบกลับ เธอทำท่าทางตกตะลึง

ราเม็งตบลงไปที่บ่าของเธอเบาๆ “พี่ครับ”

“ขอโทษที ฉันใจลอยไปหน่อย มีเรื่องอะไรเหรอ?” มายมิ้นท์ได้สติกลับคืนมา แล้วพยายามฉีกยิ้มอย่างเขินอาย

แต่ในใจลึกๆ ของเธอไม่อาจทำให้หัวใจดวงนั้นสงบลงได้เลย

แววตาเมื่อสักครู่ของเปปเปอร์ มันเหมือนกับเปปเปอร์ในตอนนั้นเหลือเกิน

แต่ราเม็งไม่ได้เห็นถึงความผิดปกติไปของมายมิ้นท์ เขาตอบเธอกลับไปด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนว่า “ประธานเปปเปอร์บอกว่าเรื่องนี้ต่อให้พวกเราสนทนากันไปก็คงหาบทสรุปไม่ได้ ควรส่งมอบให้เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปจัดการ”

“อ๋อเหรอ อย่างนี้ก็ดี” มายมิ้นท์พยักหน้าเห็นด้วย

ต่อมาผู้จัดการร้านก็ได้โทรศัพท์แจ้งความ

มีเจ้าหน้าที่จากทางตำรวจเดินทางมา และสอบปากคำทั้งสี่คนอย่างง่ายๆ ก่อนจะแจ้งให้ทั้งสี่คนเดินทางออกจากร้านได้

มายมิ้นท์และราเม็งเดินทางออกไปก่อน

แต่เปปเปอร์กับส้มเปรี้ยวกำลังรอคนขับรถอยู่

ส้มเปรี้ยวเห็นสายตาคู่นั้นของเปปเปอร์มองไปทางมายมิ้นท์ที่ขับรถออกไป ในใจของเธอก็เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา

เธออยากจะเข้าไปจับศีรษะเขาหันกลับมาเหลือเกิน แล้วบอกกับเขาว่าอย่ามองมายมิ้นท์ มองได้แค่เพียงเธอและเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น!

แต่เธอก็ไม่กล้าทำ เนื่องจากเธอรู้ดีว่าถ้าเธอทำแบบนี้เขาก็จะเล่นสงครามเย็นกับเธออีก

กว่าจะคืนดีกับเขาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“เปปเปอร์คะ รถมาแล้ว” เมื่อมองเห็นรถที่ขับเข้ามา ส้มเปรี้ยวก็สูดลมหายใจเข้าแล้วพยายามเก็บความรู้สึกโมโหไว้ในใจ เธอพยายามฝืนยิ้มออกมา และหันความดึงดูดสายตาเปปเปอร์ที่เอาแต่มองมายมิ้นท์กลับมาที่เธอ

เปปเปอร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเป็นความหมายว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะใช้ไม้ค้ำเดินไปที่รถ

ส้มเปรี้ยวเห็นว่าเขาไม่เรียกให้เธอตามไปด้วยก็รู้สึกน้อยใจและกระทืบเท้าปัง “เปปเปอร์คะ รอฉันด้วย!”

เปปเปอร์ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วส่งไม้ค้ำยันไปให้กับคนขับรถ จากนั้นก็ก้มตัวลงเข้าไปนั่งในรถ

ส้มเปรี้ยวนั่งอยู่ข้างเขา เธอปิดประตูและมองไปยังเขาด้วยสายตาโกรธเคือง “เปปเปอร์คะทำไมคุณไม่รอฉัน?”

“อย่าเสียงดังได้ไหมผมปวดหัว!” เปปเปอร์หลับตาลง พูดเพียงประโยคหนึ่งด้วยน้ำเสียงหนักอึ้งออกมา

ส้มเปรี้ยวนึกถึงเมื่อตอนอยู่ในภัตตาคาร ที่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาถึงสองครั้ง เธอได้แต่อ้าปากแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

ระหว่างทางกลับค่อนข้างจะนิ่งเงียบ

ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลภักดีพิศุทธิ์

ก่อนที่ส้มเปรี้ยวจะลงจากรถ เธอได้หันไปมองชายหนุ่มข้างกาย

ดวงตาของชายหนุ่มปิดสนิทดูเหมือนว่าเขาจะหลับลึก ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเนื่องจากรถหยุดลง

ส้มเปรี้ยวกัดริมฝีปากของตนเอง เธออยากจะปลุกเขาแล้วบอกว่าเธอถึงแล้ว

แต่เมื่อมองไปยังหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเขา ในที่สุดเธอก็ถอดใจและลงจากรถไปเงียบๆ เพียงลำพัง

เอาเถอะ เห็นว่าร่างกายของเขายังไม่แข็งแรงดี ครั้งนี้เธอจะยอมให้เขาไม่ต้องเข้าไปส่งก็แล้วกัน

รอให้หายดีแล้ว เธอจะให้เขาชดเชยอย่างสาสม!

เมื่อคิดได้ดังนี้ ในใจส้มเปรี้ยวก็รู้สึกดีขึ้นมาก

ปึง ประตูรถถูกปิดลง!

ชายหนุ่มที่เดิมทีนอนหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเย็นชาเช่นเดียวกับน้ำเสียงที่พูดขึ้นว่า “ออกรถ!”

คนขับรถซึ่งนั่งอยู่ด้านหน้าตัวสั่นสะท้าน เขาไม่กล้ารีรอและรีบเลี้ยวรถกลับทันใด

ส้มเปรี้ยวที่ยืนอยู่หน้าคฤหาสน์ของตระกูล ถูกควันจากท่อไอเสียรถเป่าเข้าเต็มหน้า เธอสะอิดสะเอียนเสียอยากจะอาเจียนออกมา

สีหน้าแดงระเรื่อด้วยความโกรธ

คนขับอะไรกัน กล้าทำกับเธอแบบนี้!

วันพรุ่งนี้เธอจะให้เปปเปอร์ไล่คนขับรถที่กล้าดีเช่นนี้ออกไปเสีย!

ส้มเปรี้ยวยืนเช็ดหน้าอย่างโมโห ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปที่ประตูใหญ่ของคฤหาสน์

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์กำลังนั่งมาส์กหน้าอยู่ในห้องรับแขก เมื่อเห็นว่าเธอเดินเข้ามาอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ก็รีบดึงมาสก์หน้าออกเเล้วถามว่า “ส้มเปรี้ยว เป็นอะไรไปลูก ออกไปรับประทานอาหารกับเปปเปอร์มาไม่ใช่เหรอ ที่จะขอเปปเปอร์คืนดีด้วยเขาปฏิเสธเหรอ?”

ส้มเปรี้ยวถูกคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ลากให้มานั่งด้านข้าง “ไม่ใช่หรอกค่ะ พวกเราคืนดีกันแล้ว”

แม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยปากขอคืนดีกับเปปเปอร์ และเปปเปอร์ก็ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ

แต่ในคืนนี้ เมื่อเห็นท่าทางของเขาที่ปฏิบัติต่อเธอดังเดิม คาดว่าคงจะคืนดีกันแล้ว

“งั้นก็ดีสิ แต่ทำไมลูกทำท่าทางไม่มีความสุขแบบนั้นล่ะ?” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์มองไปยังเธอด้วยความรู้สึกงุนงง

ส้มเปรี้ยวกัดฟันกรอด “ก็เพราะคนขับรถของเขาน่ะสิคะ ขับออกไปไม่ดูตาม้าตาเรือ ทำให้หนูสำลักควันแทบตาย”

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์จึงได้ยกแก้วชาน้ำผึ้งให้เธอ “โถ่ แม่คิดว่ามีเรื่องอะไรเสียอีก ลูกแค่บอกกับเปปเปอร์ให้เขาไล่ออกก็ได้นี่ จะไปโมโหทำไม? ทำร้ายสุขภาพร่างกายของตัวเองอีกต่างหาก ไม่คุ้มเลย อ้าวกินน้ำก่อน”

ส้มเปรี้ยวไม่แม้แต่จะเอ่ยขอบคุณ เธอก็รับน้ำไปดื่มอยู่สองอึก “พ่อล่ะคะ?”

เธอเอ่ยถาม

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ชี้ไปที่ด้านบน “ทำงานอยู่ในห้องหนังสือน่ะ”

ส้มเปรี้ยวพยักหน้าเป็นความหมายว่ารับรู้แล้ว

ทันใดนั้นก็มีคนรับใช้เดินลงมาจากข้างบน “คุณนายคะ จัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”

“แม่คะ มีแขกจะมาพักบ้านเราเหรอ?” ส้มเปรี้ยววางแก้วน้ำแล้วหันไปมองทางคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์

คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์สัมผัสไปที่สร้อยคอแล้วยิ้มขึ้นพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่ใช่หรอก เป็นห้องที่แม่จัดไว้ให้พี่สาวเราน่ะ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ดวงตาของส้มเปรี้ยวก็หรี่ลง น้ำเสียงเธอดูไม่เป็นธรรมชาติเอ่ยถามขึ้นว่า “พี่……จะกลับมาแล้วเหรอคะ?”

ให้ตายสิ อย่าบอกนะว่าหาชวนชมเจอแล้ว

ไม่อย่างนั้นจะจัดห้องให้เธอทำไม?

“เปล่าหรอก” คุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์ถอนหายใจออกมา “ตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของชวนชมเลย แม่แค่อยากจะจัดห้องเอาไว้ก่อน รอให้ชวนชมกลับมาก็จะได้มีที่พักอาศัย”

“อย่างนี้นี่เอง……” ส้มเปรี้ยวพยายามฉีกยิ้ม รอยยิ้มของเธอดูไม่จริงใจเอาเสียเลย