ตอนที่ 225 ความลับของพระสนมโหรว 

 

 

 

 

 

ซูจิ่วซือรู้ดีว่ากู้เฝิ่นไต้ไม่มีวันเลิกราแน่ แต่นางไม่หวั่น ถ้าไม่ลงมือก็ไม่มีโอกาส พอลงมือก็จะเจอจุดอ่อน ถึงตอนนั้นจึงค่อยซ้อนแผน  

 

 

นางจะทำให้กู้เฝิ่นไต้ได้ลิ้มรสของการยกหินทุ่มขาตัวเองอีกครั้ง ในมือนางมีป้ายเว้นโทษประหาร เท่ากับมีโอกาสรักษาชีวิต ถ้ากู้เฝิ่นไต้แพ้ ก็จะสูญเสียตำแหน่งฮองเฮา  

 

 

ขณะเดินไป จู่ๆ ซูจิ่วซือก็นึกขึ้นได้ นางหยุดเดิน เอามือตบท้ายทอย “วันก่อนกู้ชิงเฉิงชวนข้าไปเล่นหมากล้อม เกือบลืมไป วันนี้ยังมีเวลา เราไปที่วังจื่อจิงก่อน” 

 

 

จื่อหลานพยักหน้า เวลานี้มีเสิ่นไทเฮาปกป้อง ซูจิ่วซือจึงสามารถไปไหนมาไหนที่วังในได้อย่างอิสระ ไม่มีใครขัดขวาง 

 

 

ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังวังจื่อจิง 

 

 

ขณะผ่านวังร้างแห่งหนึ่ง ซูจิ่วซือได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกจื่อเวย[1] นึกขึ้นได้ว่ากู้ชิงเฉิงชอบดอกนี้ อยากเด็ดไปให้กู้ชิงเฉิง จึงพาจื่อหลานเข้าไปในวังร้าง 

 

 

ซูจิ่วซือก้มลงเด็ดดอกไม้ได้กำหนึ่ง จื่อหลานซึ่งเด็ดดอกไม้อยู่อีกทางหนึ่งจู่ๆ ก็เดินเข้ามาหาซูจิ่วซือ พูดเสียงเบาๆ “คุณหนู ห้องข้างหน้าเหมือนมีคนอยู่” 

 

 

พอได้ยินว่ามีคน ซูจิ่วซือก็ยื่นดอกไม้ในมือให้จื่อหลาน เดินไปยังห้องนั้นอย่างเงียบๆ เอามือแยงกระดาษปิดหน้าต่าง ในห้องมีคนจริงๆ คนในนั้นซูจิ่วซือรู้จัก นึกไม่ถึงว่าจะเป็นนาง 

 

 

พระสนมโหรวสวมชุดนางกำนัล ผู้ชายในชุดทหารองครักษ์กอดนางไว้แน่น ผู้ชายชุดทหารองครักษ์หันหลังให้ซูจิ่วซือ นางจึงมองไม่เห็นหน้าตาของเขา และไม่รู้ว่าเขาเป็นทหารองครักษ์จริงหรือไม่ 

 

 

พระสนมโหรวใจกล้าจริงๆ บังอาจเล่นชู้กับทหารองครักษ์ในวัง นางจึงรู้ทันทีว่าทำไมพระสนมโหรวจึงยอมเสียลูกในท้อง หรือว่าทหารองครักษ์คนนี้คือพ่อที่แท้จริงของเด็ก 

 

 

“เสี่ยวโหรว ถ้ามีโอกาส ข้าจะพาเจ้าหนี วังในไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัย ไม่ควรจะอยู่นาน” 

 

 

พระสนมโหรวพิงอกผู้ชาย ส่ายหน้า “หลี่เถี่ย ตานเอ๋อร์ยังเล็ก ถ้าข้าไป ตานเอ๋อร์จะทำอย่างไร” 

 

 

นอกจากเหตุผลนี้แล้ว พระสนมโหรวยังมีเหตุผลสำคัญอีกอย่างหนึ่ง แต่นางไม่อาจบอกหลี่เถี่ยถึงเหตุผลดังกล่าว พอเข้ามาอยู่วังใน นางไม่อาจทำอะไรได้อย่างอิสระ จึงไม่มีทางเลือก 

 

 

“องค์หญิงใหญ่เป็นพระธิดาองค์โตของฝ่าบาท ฝ่าบาททรงดูแลนางแน่ เวลานี้คนที่น่าห่วงก็คือเจ้า เจ้าอยู่ในวังไม่มีความสุข ในใจอยากออกไปอยู่โลกภายนอก ข้ายินดีปกป้องเจ้าชั่วชีวิต หวังว่าเจ้าจะเปิดใจรับ” 

 

 

พระสนมโหรวสีหน้าอ่อนโยนเป็นพิเศษ นางหลับตา “แผ่นดินทั่วหล้าอยู่ใต้พระบัญชา เราไปไหนไม่พ้น ข้าไม่อยากให้พัวพันถึงเจ้า หลี่เถี่ย ช่วงนี้เจ้าอย่ามาหาข้าบ่อย มีสายตาจ้องมองข้ามากเหลือเกิน ถ้ามีคนเห็นเข้า เจ้าต้องตายแน่” 

 

 

“ข้าไม่กลัวตาย” 

 

 

“แต่ข้ากลัว เจ้าเคยรับปากข้า ว่าจะอยู่เคียงข้างข้าไปตลอดชีวิต ไม่ว่าอย่างไร เจ้าต้องมีชีวิตอยู่ รับปากข้า” 

 

 

พอเห็นสีหน้าพระสนมเครียด หลี่เถี่ยก็ปล่อยพระสนมโหรว จูบที่หน้าผากนาง “ได้ ข้ารับปากเจ้า ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดกาล ถ้าเจ้าพอใจ ข้าทำได้ทุกอย่าง” 

 

 

“พูดอย่างนี้ดีแล้ว” 

 

 

พระสนมโหรวยิ้มสดใส 

 

 

เรื่องของพระสนมซูจิ่วซือไม่ได้ใส่ใจ แต่กับพระสนมโหรวต่างออกไป ถ้ากุมความลับของพระสนมโหรวได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่านางจะทำอะไรกับตนได้อีก หรือว่ากู้เฉินหรงก็กุมความลับของพระสนมโหรวได้ ถ้าเป็นอย่างนี้ ทำไมจึงไม่บอกนาง แล้วยังทำเป็นมีลับลมคมในอีก 

 

 

—— 

 

 

[1] ดอกจื่อเวย (紫薇) คือดอกอินทนิลน้ำ