“เส่าอี๋ รีบไป……”

เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดตะโกน เลือดพุ่งกระฉูด กระเซ็นไปทั่วถ้ำหิน และใบหน้าของเหวินเส่าอี๋

เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ รีบดึงเหวินเส่าอี๋อย่างรวดเร็ว “หัวหน้าเผ่า พวกเรารีบไปกันเถอะ หัวหน้าเผ่าอาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดใช้ชีวิตถ่วงเวลาไว้เพื่อช่วยพวกเรา”

“ปล่อย ท่านพ่อของข้ายังอยู่ด้านนอก เขายังอยู่ด้านนอก”

เหวินเส่าอี๋ยังคงคุ้ยเขี่ยประตูหิน จนนิ้วมือทั้งสิบเขียวคล้ำและเลือดไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

เขาเหลือท่านพ่อเพียงคนเดียวแล้ว……

เหลือท่านพ่อเพียงคนเดียว……

หากไม่มีท่านพ่อแล้ว ในโลกนี้ เขาก็ไม่มีญาติแม้แต่คนเดียว

“ขวับ ๆ ๆ ……”

เหล่าผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายถูกฟันจนตายทีละคน น่าหลานหลิงลั่วและกู้ชูหน่วนเข้าไปในถ้ำ พวกเขามองดูเหตุการณ์ที่โหดร้ายทารุณด้วยสายตาที่เย็นชาและไม่ได้ห้าม

มุมปากของน่าหลานหลิงลั่วเผยให้เห็นรอยยิ้มที่ชั่วร้ายและภาคภูมิใจ

เมื่อเหวินเฉิงเทียนเห็นกู้ชูหน่วน เขาก็พยายามใช้พละกำลังที่เหลืออยู่ทำให้กู้ชูหน่วนตายไปพร้อมกันกับเขา

“ไอ้สุนัขชั่วเผ่าหยก เจ้าทำลายวรยุทธของบุตรชายข้า ถอดกระดูกสะบักของบุตรชายข้า และทรมานบุตรชายของข้าอย่างแสนสาหัส วันนี้ข้าจะมอบความตายให้เจ้า และลากเจ้าไปลงนรกด้วยกัน”

“หัวหน้าเผ่าเพลิงฟ้า?ว่ากันว่าเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด?แม้ว่าท่านจะเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเหวินเส่าอี่ แต่วันนี้ข้าจะกำจัดท่านเท่าเผ่าหยก เพื่อที่เผ่าหยกจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีกต่อไป”

สีหน้าของกู้ชูหน่วนเย็นชา และสั่งไม่ให้ลูกน้องเข้ามาแทรกแซง นางต้องการจะกำจัดเหวินเฉิงเทียนด้วยตัวเอง

นางไม่อาจตายก่อนได้ นางทิ้งระเบิดเวลาลูกใหญ่เช่นนี้ไว้เพื่อข่มขู่เผ่าเพลิงฟ้า

เหวินเส่าอี๋เดินผ่านถ้ำหินไปได้ และไม่สามารถเห็นกู้ชูหน่วนและเหวินเฉิงเทียนได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาต่อสู้กันอย่างไร เนื่องจากมีผู้คนเข้าออกเป็นจำนวนมาก มีบางคนขวางอยู่ที่ทางเข้าถ้ำ และเหล่าผู้อาวุโสก็ยังคงลากเขา

เขาถูกลากออกไป

ก่อนที่จะจากไป ในที่สุดเขาก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่อยู่นอกถ้ำ

กู้ชูหน่วนใช้ดาบอ่อนแทงเข้าไปที่หัวใจของเหวินเฉิงเทียน

ดาบแทงทะลุหัวใจ

เลือดไหลหยดเปื้อนพื้นและใบหน้าของเขา

ท่านพ่อของเขากำลังเผชิญหน้ากับเขา และเขาเห็นร่องรอยการปลอบโยนครั้งสุดท้ายในแววตาของท่านพ่อ

นั่นเป็นตอนที่เขาถูกเหล่าผู้อาวุโสลากออกไป ท่านพ่อของเขามองเขาอย่างปลอบโยน

ในเวลาเดียวเขาก็ยังเห็นถ้อยคำจากริมฝีปากของท่านพ่ออย่างคลุมเครือว่า “มีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี ๆ”

“ท่านพ่อ…อ้า…ปล่อยข้า ปล่อยข้า…กู้ชูหน่วน เจ้าฆ่าท่านพ่อของข้าได้อย่างไร เจ้าฆ่าท่านพ่อของข้าได้อย่างไร… .ปล่อยข้า……”

“นายน้อย ไม่มีเวลาแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ หากประตูหินนี้พังทลาย หัวหน้าเผ่าอาวุโสและผู้อาวุโสสูงสุดทั้งหลายก็จะสละชีวิตไปอย่างเปล่าประโยชน์”

“ท่านพ่อ……”

หางตาของเหวินเส่าอี๋กำลังจะแยกออก เขากัดริมฝีปากแน่น กัดจนริมฝีปากมีรอยเลือดและกำหมัดแน่น

เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายกลัวว่าหากเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจะบุ่มบ่ามออกไปสู้กับพวกเขาอย่างสุดกำลัง จึงทำได้เพียงฉวยโอกาสจากความโกลาหลตีเหวินเส่าอี๋จนสลบ จากนั้นก็แบกเหวินเส่าอี๋ และรีบออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว

“ทุบประตูหินให้เปิดออก อย่าให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว” น่าหลานหลิงลั่วสั่งอย่างเย็นชา

ดาบของกู้ชูหน่วนยังคงแทงอยู่ที่หัวใจของเหวินเฉิงเทียน

นางกัดฟันและกล่าวว่า “ข้าไม่ได้อยากฆ่าท่าน แต่หากท่านยังอยู่ จิตใจของข้าก็ยากที่จะสงบลงได้ ข้าจึงต้องฆ่าท่าน”

กู้ชูหน่วนใช้ดาบอ่อนแทงทะลุหัวใจของเขา นางดึงดาบอ่อนออกมาอย่างโหดเหี้ยม และทิ้งรอยเลือดไว้

ตั้งแต่วินาทีที่นางฆ่าเหวินเฉิงเทียน

นางก็รู้แล้วว่านางกับเหวินเส่าอี๋กลายเป็นคนแปลกหน้าอย่างสิ้นเชิง และไม่มีวันที่จะญาติดีกันได้

พวกเขาเป็นคนแปลกหน้าที่เป็นศัตรูคู่อาฆาต

โกรธแค้นก็โกรธแค้นไปสิ

เขาควรจะโกรธแค้นนาง

เหวินเฉิงเทียนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก

นัยน์ตาอันไร้เรี่ยวแรงมองเข้าไปในส่วนลึกของประตูหิน

ดูเหมือนว่าลึกเข้าไปในประตูหินจะมีสิ่งที่เขาเป็นกังวลมากที่สุด

ผู้อาวุโสสูงตรวจดูลมหายใจของเหวินเฉิงเทียน

ชายที่อยู่ตรงหน้าไร้ลมหายใจ และชีพจรก็หยุดเต้นแล้ว

เหล่าผู้อาวุโสของเผ่าหยกต่างพากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ในที่สุดเหวินเฉิงเทียนก็ตายแล้ว

เขาเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาเผ่าหยก และมีวรยุทธระดับเจ็ด เดิมทีคิดว่าพวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนจำนวนมากเพื่อจัดการกับเขา ไม่คิดว่าจะสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเห็นพิษบนร่างกายของเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นสุดยอดพิษที่เป็นเคล็ดลับวิชาเฉพาะของเผ่าหยก ใครเป็นคนวางยาพิษเขา?

หัวหน้าเผ่า?

หลังจากที่คิดดูแล้ว พวกเขาต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่ากู้ชูหน่วนเป็นคนวางยาพิษ

เมื่อเหวินเฉิงเทียนตาแล้ว เรื่องที่เหลือก็จัดการได้ไม่ยาก

กู้ชูหน่วนก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าจะจัดการเหวินเฉิงเทียนได้ง่ายขนาดนี้

ทุกอย่างราวกับอยู่ในความฝัน

ตอนที่พวกเขาตกอยู่ในภวังค์ ทันใดนั้นเงาก็ปรากฏตัวขึ้น และแย่งชิงร่างของเหวินเฉิงเทียนไป

พวกเขาต่างพากันตอบโต้และพยายามที่จะยับยั้ง แต่เงารวดเร็วมากเกินไป รวดเร็วราวกับฟ้าแลบ และหายไปในชั่วพริบตาเดียว

ผู้อาวุโสรองกล่าวว่า “หญิงผู้นั้นเป็นใคร ทำไมถึงมีวรยุทธสูงส่งเช่นนั้น?หรือว่าเผ่าเพลิงฟ้ายังมียอดฝีมือขั้นสูงระดับเจ็ดอยู่อีก?”

แววตาของผู้อาวุโสสูงล้ำลึก เขาพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเงานี้ถึงดูคุ้น ๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นฮวาอิ่ง ใช่ เป็นฮวาอิ่ง มีเพียงฮวาอิ่งเท่านั้นที่รวดเร็วเช่นนี้”

“ฮวาอิ่งถูกขังอยู่ที่เผ่าหยกไม่ใช่หรือ?นางหนีออกมาได้อย่างไร?”

“นางคุ้นเคยกับเผ่าหยกเป็นอย่างดี เผ่าหยกจึงไม่สามารถกักขังนางได้ และนางก็หนีออกมาได้อีกครั้ง”

“คนผู้นี้วิปริต เป็นหญิงวิปริต ผู้อาวุโสสูง หัวหน้าเผ่า พวกเราต้องกำจัดฮวาอิ่ง หากนางยังมีชีวิตอยู่ ไม่รู้ว่าต่อไปนางจะทำเรื่องที่เลวร้ายอะไรกับเผ่าอีก”

ต้องการฆ่า……

แต่ฮวาอิ่งเจ้าเล่ห์

จึงไม่ง่ายเลยที่จะฆ่านางในตอนนี้ ต้องวางแผนอย่างรอบคอบเสียก่อน

“ตามไป รีบตามไป ฆ่าหญิงวิปริตผู้นั้นซะ” ผู้อาวุโสสูงกล่าว

กู้ชูหน่วนมองไปยังทางซ้ายที่ฮวาอิ่งจากไปและขมวดคิ้ว “เหวินเฉิงเทียนตายแล้ว นางยอมเสี่ยงชีวิตมาแย่งชิงร่างของเหวินเฉิงเทียนไปทำไม?ผู้อาวุโสสูง เมื่อครู่ท่านตรวจสอบดีแล้วหรือว่าเหวินเฉิงเทียนตายแล้ว?”

“แทงทะลุหัวใจในดาบเดียว ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่มีชีวิตรอด นับประสาอะไรกับมนุษย์ แล้วเหวินเฉิงเทียนจะไม่ตายได้อย่างไร?”

“เขาเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด ยอดฝีมือระดับเจ็ดไม่แตกต่างจากคนทั่วไปงั้นหรือ?กู้ชูหน่วนรู้สึกไม่สบายใจ

นางไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับฮวาอิ่งมากนัก

แต่จากสิ่งที่นางทำที่เผ่าหยกในวันนั้น นางจะไม่ทำสิ่งที่ไร้ค่าอย่างไม่มีเหตุผล

“แม้จะเป็นยอดฝีมือระดับเจ็ด แต่ก็แก่และตายได้ แต่แค่มีอายุขัยยืนยาวนานกว่าคนทั่วไปก็เท่านั้น เหวินเฉิงเทียนไม่มีทางมีชีวิตรอดอย่างแน่นอน”

กู้ชูหน่วนสงบจิตใจ และสั่งให้คนไปตามหาฮวาอิ่ง

โดยหวังว่าเหวินเฉิงเทียนจะตายแล้ว

มิฉะนั้นยอดฝีมือระดับเจ็ดเพียงคนเดียว เผ่าหยกของพวกเขาก็ไม่แน่ว่าจะสามารถรับมือได้

“ตูมตาม……”

มีเสียงดังขึ้น ในที่สุดคนของน่าหลานหลิงลั่วก็ทุบประตูหินได้สำเร็จ

เขาโบกมือให้คนรีบตามเหวินเส่าอี๋และคนอื่น ๆ ไป

เมื่อพิจารณาจากการกระทำของเขาแล้ว ดูเหมือนเขาจะแน่ใจว่าเหวินเฉิงเทียนไม่มีชีวิตรอดแล้วจริง ๆ

“หัวหน้าเผ่า พวกเราก็ตามไปเถอะ นายน้อยน่าหลานพูดถูก ต้องตัดรากถอนโคนให้สิ้นซาก มิเช่นนั้นเมื่อลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาก็จะงอกขึ้นใหม่”

กู้ชูหน่วนยังไม่ทันได้ตอบตกลง ผู้อาวุโสสูงก็ให้คนไล่ตามไปแล้ว

กู้ชูหน่วนมองไปยังทิศทางที่เหวินเส่าอี๋และคนอื่น ๆ จากไป จากนั้นก็มองไปยังทิศทางที่ฮวาอิ่งจากไป นางกัดฟันและกล่าวว่า “พวกเจ้าที่เหลือตามข้ามาทางนี้”

“หัวหน้าเผ่า ไม่ไปทางนั้นหรือ?”

“พูดอะไรมากมายนัก รีบไปตามหาฮวาอิ่งกับข้า”

เมื่อเทียบกับเหวินเส่าอี๋แล้ว นางรู้สึกว่าฮวาอิ่งและเหวินเฉิงเทียนเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุด

นางไม่ได้ยืนยันการตายของเหวินเฉิงเทียนด้วยมือของตัวเอง นางจึงไม่สามารถวางใจได้