ตอนที่ 316

The Strongest Hokage

แม้ว่าร่างของ สัตว์หาง จะถูกสร้างขึ้นมาจากจักระ แต่จิตสำนึกของพวกเขาก็เป็นของจริง เพราะการดำรงอยู่ของจิตสำนึกหมายถึงการมีอยู่ของวิญญาณ

การดำรงอยู่ของ สัตว์หาง เป็นการผสมผสานระหว่างจักระและวิญญาณ นี่คือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังความเป็นอมตะของพวกเขา

ด้วยเหตุผลนี้ ไนโตะ จึงสามารถทำให้ สัตว์หาง เจ็บปวดได้เมื่อเขาโจมตีพวกเขาด้วย พลังสั่นสะเทือน หมายความว่าพลังของ ไนโตะ ไม่เพียงแต่สงผลต่อจักระของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อวิญญาณของพวกเขาด้วย

ไนโตะ นิ่งเงียบ เขาไม่ได้พูดอะไรซักพัก เมื่อเห็นดังนั้น หลังจากนั้นครู่หนึ่ง โอโรจิมารุ ก็พูดต่อว่า “การแปลงวิญญาณดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับการดำรงอยู่ของ สัตว์หาง…ดังนั้นถ้าฉันต้องการศึกษามัน ฉันก็ต้องใช้จักระของ สัตว์หาง พวกนั้น และมันจะเป็นของแลกเปลี่ยนกับม้วนการวิจัยนี้”

โอโรจิมารุ ดูผิดหวังเล็กน้อย เขารู้ว่า ไนโตะ ได้จับ 1 หาง และ 3 หาง มาแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถขอให้ โคโนฮะ ส่งตัวทั้งคู่มาเพื่อให้เขาทำการทดลองในค่ายหน้าด่านเช่นนี้ได้ เพราะมันเสี่ยงเกินไป

“เราอาจจะได้พบกับ 4 หาง หรือ 5 หาง ในการต่อสู้ครั้งต่อไป ฉันอยากให้เธอเก็บจักระบางส่วนของพวกเขามา…แต่แน่นอนว่ามันจะดีกว่าถ้าเธอจับพวกเขาและนำพวกเขามาให้ฉันแบบตัวเป็น ๆ”

โอโรจิมารุ พูดสิ่งที่เขาต้องการออกไป ในขณะที่เขาเฝ้าสังเกตการแสดงออกของ ไนโตะ เขาไม่รู้ว่า ไนโตะ จะตอบกลับการร้องขอของเขาอย่างไร หลังจากที่เขาได้ม้วนการวิจัยไปแล้ว

“ถ้าอย่างงั้น ฉันจะจับพวกเขามาให้คุณเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อมูลนี้”

เมื่อฟังดู โอโรจิมารุ พูดแล้ว ไนโตะ ก็เหลือบดูม้วนการวิจัยอย่างรวดเร็วจากนั้นก็ปิดมันและพยักหน้าอย่างไม่ตั้งใจ

ไนโตะ มาที่สนามรบนี้เพื่อจัดการกับทั้งคู่อยู่แล้ว ดังนั้นคำร้องขอของ โอโรจิมารุ ก็เป็นแค่เรื่องง่าย ๆ

เมื่อเห็นว่า ไนโตะ ตกลงตามข้อเสนอของเขา โอโรจิมารุ ก็รู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก การเผชิญหน้ากับ ไนโตะ ทำให้เขาต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันที่สูงมาก

การเผชิญหน้ากับคนที่มีพลังมากพอที่จะลบชื่อคุณออกจากหน้าประวัติศาสตร์ได้ ย่อมไม่ง่ายเลยที่คุณจะทำใจให้สงบได้

“หมู่บ้านอิวะ ได้ส่ง จูนิน หลายพันคนไปยังแนวหน้า คราวนี้พวกเขาจะได้รับความประหลาดใจที่กำลังรอพวกเขาอยู่อีกด้านหนึ่ง”

โอโรจิมารุ มั่นใจมากว่า ไนโตะ จะจัดการกับ 4 หาง และ 5 หาง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนอื่น ๆ อาจจะไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับลำดับความแข็งแกร่งของ สัตว์หาง แต่ละตัว แต่ไม่ใช่สำหรับ โอโรจิมารุ

พลังของ 4 หาง และ 5 หาง ไม่สามารถเทียบได้กับ 9 หาง และ ไนโตะ ก็สามารถจัดการกับ 9 หาง ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแม้ว่า 4 หาง และ 5 หาง จะรวมพลังกัน พวกเขาก็ยังไม่ใช่ศัตรูของ ไนโตะ อยู่ดี

อย่างไรก็ตาม ส่งที่ โอโรจิมารุ ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น นั้นก็คือคำถามต่อไปของ ไนโตะ

“แล้วทำไมเราต้องรอให้พวกเขาโจมตีเราก่อนด้วยละ?”

ประโยคนี้ทำให้ โอโรจิมารุ ต้องตกตะลึง ในขณะที่ ไนโตะ เดินมุ่งหน้าออกไปด้านนอกทันทีหลังจากที่เขาพูดจบประโยค

ในเวลานั้น โอโรจิมารุ ก็เข้าใจความหมายของประโยคนี้ในที่สุด หากเขาต้องการประสบความสำเร็จในการจับ สัตว์หาง ทั้ง 2 ตัว การซุ่มโจมตีพวกเขาในค่ายโดยไม่ให้พวกเขาได้ทันเตรียมตัวคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

แน่นอนว่ามันเป็นความคิดที่ดี!

ด้วยพลังของ ไนโตะ ในตอนนี้จึงไม่จำเป็นต้องรอให้ หมู่บ้านอิวะ เริ่มโจมตีก่อน และไม่จำเป็นที่ต้องใช้ กองทัพโคโนฮะ เป็นกำลังสนับสนุนเขา

เพราะแค่ ไนโตะ คนเดียวก็เพียงพอแล้ว!

“น่าเสียดายที่ฉันจะไม่เห็นการต่อสู้แบบนี้ แต่…เราใช้เวลานี้เตรียมการทดลองให้พร้อมดีกว่า เพราะการต่อสู้นี้คงจะใช้เวลาไม่นาน”

เมื่อมองไปที่ด้านหลังของ ไนโตะ ที่กำลังเดินออกไป โอโรจิมารุ ก็หายใจเข้าลึก ๆ แต่เขาก็ยังไม่สามารถสงบลงได้อยู่อีกนาน

ในความเป็นจริง เขารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่วินาทีแรกที่เขามอง ไนโตะ โดยใช้ เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ของเขา

ไนโตะ เหมือนมีดาวที่ส่องแสง 6 ดวงในร่างกายของเขา จักระไหลอย่างรุนแรงระหว่างดาวเหล่านั้นเหมือนแม่น้ำ จำนวนของจักระของเขานั้นมหาศาลมากพอที่จะทำให้ โอโรจิมารุ รู้สึกหวาดกลัวได้ อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้ โอโรจิมารุ รู้สึกแบบนั้น เพราะ โอโรจิมารุ ยังรู้สึกได้อีกว่า เซลล์ของ ไนโตะ มีความคล้ายกับเซลล์ของ ฮาชิรามะ!

“ยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก จักระน่ากลัวกว่า 1 หาง ในขณะที่ร่างกายแข็งแกร่งราวกับ โฮคาเงะรุ่นแรก…แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถศึกษาร่างกายของเขาได้”

โอโรจิมารุ ถอนหายใจ เพราะความคิดที่จะอยากศึกษาร่างของ ไนโตะ เป็นเพียงแค่ความคิดเพ้อฝันเท่านั้น แต่เขาก็ยังมีความสุขที่เขายังสามารถทำธุรกิจกับ ไนโตะ ได้

การของให้ ไนโตะ นำจักระของ 4 หาง มาก็เรื่องหนึ่ง แต่การศึกษาร่างกายของ ไนโตะ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาอาจไม่สามารถทำเช่นนั้นได้จนกว่าเขาจะตาย

เพราะ โอโรจิมารุ มั่นใจว่าทันทีที่เขาเอ่ยปากขอศึกษาร่างของ ไนโตะ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็คือเขาจะกลายเป็นคนตายทันที!

เป็นไปตามที่ โอโรจิมารุ คาดไว้ เพราะเมื่อ ไนโตะ ออกไปจากห้องทดลอง เขาก็มุ่งหน้าไปยัง ค่ายของหมู่บ้านอิวะ ทันที สำหรับนินจาคนอื่น ๆ มันจะดูเหมือนกับเป็นการเข้าถ้ำเสือ แต่สำหรับ ไนโตะ แล้วมันเป็นเหมือนกับการบดขยี้มดด้วยเท้ามากกว่า

ไนโตะ ไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็กระตือรือร้นที่จะลองพลังใหม่ของเขา

ตอนนี้มี สัตว์หาง 2 ตัว อยู่ใน ค่ายหมู่บ้านอิวะ และแน่นอนว่าพวกเขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะใช้เป็นเป้าหมายเพื่อลองพลัง!

สัตว์หาง ไม่ได้เป็นปัญหาของ ไนโตะ อีกต่อไป เพราะพวกเขามีประโยชน์ไว้สำหรับการฝึกและทดสอบความสามารถใหม่ ๆ เท่านั้น

ที่ตั้งของ ค่ายหมู่บ้านอิวะ ตั้งอยู่ตรงกลางของ แคว้นแห่งไฟ

ทุกครั้งที่พวกเขาจะรุกคืบหน้า มันต้องใช้เวลาในการยึดครองพื้นที่โดยรอบและใช้ทรัพยากร ตอนนี้ อิวะ เตรียมตัวเกือบจะพร้อมแล้ว พวกเขารอแค่กองทัพ โจนินระดับสูง 50 คน ที่ถูกส่งมาจาก หมู่บ้านอิวะ และเมื่อกองทัพนั้นมาถึง พวกเขาก็จะโจมตี โคโนฮะ ทันที

ไนโตะ บินไปยัง ค่ายอิวะ ซึ่งเขาสามารถมองเห็นได้ทั่วทั้งพื้นที่ ภายใต้ สัมผัสพิเศษ ทำให้ ไนโตะ สามารถมองเห็นรายละเอียดทุกสิ่งในค่ายได้อย่างชัดเจน

ในทันใด ไนโตะ ก็สามารถระบุตำแหน่งของ พลังสถิตร่าง 2 คนได้

แน่นอนว่า ไนโตะ ก็ถูกตรวจเจอและถูกเปิดเผยตัวขณะที่เขาอยู่บนท้องฟ้าด้วยเช่นกัน แต่เขาก็ได้สนใจเรื่องนี้เท่าไรนัก เพราะอย่างไรก็ตามเมื่อเขาพบ พลังสถิตร่างทั้ง 2 เขาก็ตรงไปหาพวกเขาทันที!

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบังตัวตน เพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะสามารถตรวจพบการปรากฏตัวของเขา แต่ก็ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้!

เมื่อ ไนโตะ กำลังค่อย ๆ ลอยลงมาจากท้องฟ้า นินจาอิวะ หลายคนก็สังเกตเห็นเขาและอุทานออกมา

“มีคนกำลังบินอยู่บนฟ้า!”

“ใครกันที่สามารถบินบนฟ้าได้…ท่านซึจิคาเงะ งั้นเหรอ?”

“นอกจาก ท่านซึจิคาเงะ แล้วก็ไม่น่าจะมีใครที่สามารถบินบนฟ้าได้อีกแล้วนะ”

ด้วยความตื่นเต้นเช่นนี้ พวกเขาทุกคนมองไปที่ท้องฟ้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวและความเคารพ

อย่างไรก็ตามเมื่อร่างนั้นค่อย ๆ ลอยลงมา ก็ทำให้ทุกคนมองเห็นเขาได้ชัดเจนและชัดเจนขึ้น พวกเขามองเห็นร่างนั้นสวมเสื้อคลุมสีขาว ซึ่ง ซึจิคาเงะ ไม่ได้สวมเสื้อคลุมแบบนี้ มันมีบางอย่างผิดปกติ!

“ไม่ใช่! นั้นไม่ใช่ ซึจิคาเงะ!”

“มันจะมีใครในโลกที่สามารถบินได้นอกจาก ท่านซึจิคาเงะ อีกเหรอ?!”