ตอนที่ 620

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“แม่นางฉิน เจ้าถึงพูดแบบนั้นได้อย่างไร ข้ารู้สึกมีความสุขเมื่ออยู่กับเจ้า เจ้ายังไม่รู้ตัวอีกหรือ?” เย่หรงรีบพูดแย้งอย่างรวดเร็ว

“ลาก่อน!” ฉินหยีเย่วโบกมือลาและเดินจากไป

เย่หรงอยากจะเดินตามนางไป แต่กลุ่มคนที่ชื่นชมบูชาเขายืนขวางอยู่ด้านหน้าหลายคน เขาเพิ่งจะถูกปฏิเสธ แต่ไม่อาจทำแสดงสีหน้าบูดบึ้งได้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนพวกนี้

”พี่ชายเย่ปล่อยให้นางทำตัวแบบนั้นไปเถอะ นางคงคิดว่าความงามของนางจะชักจูงคนอื่นได้ตามที่ต้องการ!” ใครบางคนกล่าว

“นางต้องเป็นผู้หญิงที่ตาบอดเป็นแน่ ถึงไม่เห็นพี่เย่อยู่ในสายตา!”

“พี่ชายเย่ ข้าพูดได้เลยในฐานะคนที่มีประสบการณ์อย่างข้า ผู้หญิงแบบนั้น ตราบใดที่พี่ชายเย่พูดจาเย็นชาและจงใจทำตัวเมินเฉยนาง เดี๋ยวนางก็จะลดตัวลงและเป็นฝ่ายเข้าหาพี่ชายเย่เอง”

“ใช่แล้ว”

เมื่อฟังความคิดเห็นของทุกคน สีหน้าของเย่หรงเริ่มดูดีขึ้น นั่นเป็นเพราะอีกประมาณครึ่งปีสำนักสวรรค์จะเปิดอย่างเป็นทางการ และเขาจะได้พบกับฉินหยีเย่วอีกครั้ง ดังนั้นตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปง้อนาง

……

“ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปที่ไหน?” ฉินหยีเย่วถาม

“ไม่ใช่พวกเรา แต่เป็นข้าตั้งหาก!” หลิงฮันยกนิ้วขึ้นมาและพูดว่า “ที่นี่คือแคว้นบุปผาลอยล่อง และพวกเราควรแยกทางกันได้แล้ว”

ช่วยไม่ได้ที่ฉินหยีเย่วจะกัดฟันตัวเอง ทำไมเขาถึงต้องการขับไล่นางออกไป? แต่นางเป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง เมื่อเขาพูดเช่นนั้นนางจะอยู่ให้อับอายไปทำไม และชายคนนี้จะต้องเข้าร่วมสำนักสวรรค์ได้อย่างแน่นอน แล้วค่อยคิดบัญชีกับเขาที่นั่น!

หลังจากที่ฉินหยีเย่วจากไป หลิงฮันปล่อยให้ชางเย่ไปกับเหอหลันหยุน ชางเย่เป็นมือกระบี่ที่มีพรสวรรค์น่าอัศจรรย์ ถ้าชางเย่เอาแต่อยู่กับเขาตลอด เขาจะไม่มีวันเติบโตขึ้น

หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป กลุ่มของหลิงฮันจึงกลายเป็นกลุ่มขนาดเล็กที่มีหลิงฮัน ฮูหนิวและจูเสวี่ยนเอ๋อ และแน่นอนว่าเจ้ากระต่ายยักษ์

“เจ้ากำลังจะพาข้าไปไหน?” กระต่ายยักษ์ถาม

หลิงฮันกลอกตาและพูดว่า “ไม่มีใครให้เจ้าตามแล้วหรือไง?”

“หึ่ม เจ้าหลอกเอาโสมของข้าไป แล้วจะให้ข้าจากไปอีกหรือ?” กระต่ายยักษ์กระโดดเพื่อเข้าหาหลิงฮัน แต่ถูกฮูหนิวกัดต้นขาหยุดไว้ก่อน

“ไม่ใช่ว่าข้าบอกเจ้าแล้วหรือให้เจ้ากลับมาปีหน้าแล้วข้าจะคืนให้เจ้าสองต้น!” หลิงฮันยิ้ม ตอนนี้เขากำลังเพาะปลูกโสมโลหิตราชามังกรทรราช ปีหน้า เขาจะเก็บเกี่ยวมันได้หลายร้อยต้น

“ข้าไม่เชื่อเจ้า!” กระต่ายยักษ์กรีดร้อง

หลิงฮันยักไหล่และพูดว่า “หากเจ้าไปเชื่อ คงไม่มีอะไรที่ต้องพูดกันแล้ว”

“ก็ได้ ก็ได้ แล้วข้าจะรอดู!” กระต่ายยักษ์อุ้งมือสองข้างราวกับกอดอก แต่ฮูหนิวแขวนอยู่ที่ต้นขาทำให้ภาพลักษณ์ที่น่าเกรงขามของมันถูกทำลาย

จากนั้น หลิงฮันนำแผนที่ออกมาและต้องการไปที่หุบเขาเงียบงัน ซึ่งอาจเป็นหุบเขาไร้ขอบเขต

นี่ไม่ต่างการการงมเข็มในกองหญ้า เพราะวิหารที่เขาตามหาอยู่อาจทรุดตัวลงและอาจถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาก็เป็นได้

พวกเขาดูอย่างรอบคอบ แต่พวกเขาก็ไม่ได้อะไรเลย กระต่ายยักษ์จึงอดที่จะพูดถามออกมาไม่ได้และพูดว่า “เจ้าหนู เจ้ากำลังหาอะไรอยู่งั้นหรือ?”

“วิหารที่เป็นวิหารเมื่อหมื่นปีก่อน” หลิงฮันกล่าว

“แล้วทำไมเจ้ายังหามันไม่พบอีก?” กระต่ายยักษ์ถาม

“เพราะข้าไม่แน่ใจว่ามันอยู่ที่ไหน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น กระต่ายยักษ์แทบจะเป็นลม “หัวของเจ้ามีปัญหาหรือไง?เจ้าไม่รู้ว่าจะเริ่มค้นหาภูเขาลูกไหน แล้วแบบนี้เจ้าจะหาเจอไหม หากเจ้าต้องการหามัน บรรพบุรุษกระต่ายอย่างข้าจะช่วยเจ้าหาเอง!”

หลิงฮันมองด้วยความรังเกียจ “เจ้ามีบรรพบุรุษด้วยงั้นหรือ?”

“ใครบอกว่าไม่มี?” กระต่ายยักษ์พูดด้วยความภาคภูมิใจ “บรรพบุรุษของพ่อข้า เป็นบรรพชนผู้ก่อตั้ง  เมื่อดาบทะลวงผ่านโลก พวกเขาแหวกมิติและบุกเข้าไปในดินแดนสวรรค์”

“ข้าไม่เคยได้ยิน!” หลิงฮันส่ายหัว

“แน่นอนอยู่แล้วที่เจ้าจะไม่เคยได้ยิน บรรพบุรุษของข้าเป็นตัวตนเมื่อหลายล้านปีก่อน”

“หืม หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับการที่เจ้าสามารถพูดได้?”

“เจ้าเป็นเด็กที่ฉลาดดีนิ!สัตว์อสูรอย่างพวกข้าจะพูดได้หลังจากเข้าสู่ดินแดนสวรรค์ อย่างไรก็ตาม บรรพบุรุษของข้านั้นแข็งแกร่งเกินไป เมื่อสืบเชื้อสายกันมา มันไม่ใช่เรื่องยากที่จะพูดได้ นี่คือสายเลือดอันสูงส่งของข้า”

ฮูหนิวน้ำลายไหลและพูดว่า “หลิงฮัน นี่เป็นเจ้ากระต่ายนี่ไม่ธรรมดาจริงด้วย มันจะต้องอร่อยมากกว่าเดิมแน่ รีบฆ่ามันและกินกันเถอะ!”

“กินลุงเจ้าสิ!” กระต่ายยักษ์กระโดดไปมาอย่างกระวนกระวาย “สาวน้อย ข้ามีน้ำหนักไม่มากนัก คงไม่อาจเติบเต็มท้องของเจ้าได้!”

มันเห็นความกระหายของฮูหนิว

ฮูหนิวยิ้มและพูดว่า “แค่ขาข้างเดียวก็พอ ยังไงเจ้าก็มีขาตั้งสี่ข้าง!”

กระต่ายยักษ์แทบเป็นบ้า มันมีเด็กสาวตัวน้อยแบบนี้อยู่ได้ยังไง นี่นางกำลังบังคับให้มันต้องตาย?

หลิงฮันหัวเราะและพูดพึมพัมว่า “ถ้าเจ้ามีแผนที่โบราณคงเป็นเรื่องดี พวกข้าจะได้ไม่ต้องงมเข็มในกองหญ้า”

“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าน่าจะพูดให้มันเร็วกว่านี้ ข้ารู้ว่าจะไปหาแผนที่โบราณจากไหน ไม่ต้องพูดถึงแผนที่โบราณพันปีเลย แม้แต่แผนที่โบราณหนึ่งแสนปีก็ไม่มีปัญหา” กระต่ายยักษ์กล่าว

“โอ้ว แล้วข้าต้องไปหามันที่ไหนงั้นหรือ?” หลิงฮันถาม

กระต่ายยักษ์ยกอุ้งเท้าขึ้นมาและนับ “นิกายดาบสวรรค์ นิกายกระบี่ไร้พ่าย นิกายนกอมตะเมฆา…”

ใช่แล้ว นิกายเหล่านั้นคงอยู่มาอย่างน้อยหนึ่งหมื่นปีก่อน และแน่นอนว่าจะต้องมีแผนที่ของทุกยุคสมัยอยู่ ซึ่งรวดเร็วกกว่ามากที่จะออกค้นหาด้วยตัวเอง แต่ประเด็นคือ แม้ว่าจะกำจัดขอบเขตการค้นหาให้แคบลง แต่ก็อาจใช้เวลาหลายปีในการค้นหา

ยิ่งไปกว่านั้น วิหารที่เขาตามหาอยู่บางทีอาจถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาและทำให้การค้นหาเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

“หลังจากเข้าร่วมสำนักสวรรค์ ข้าไม่รู้ว่าจะมีโอกาสออกไปค้นหามันหรือไม่ ถ้างั้นข้าคงต้องหาเหตุผลที่จะได้รับแผนที่โบราณนั่นมา แต่เพราะภูมิประเทศและชื่อที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ข้าไม่อาจหาที่ตั้งปัจจุบันของมันได้ ข้าจำเป็นต้องใช้แผนที่โบราณเพื่อทำการเปรียบเทียบ”

หลิงฮันคิดอยู่สักพักหนึ่งและตัดสินใจไปที่สำนักสวรรค์ก่อนเป็นอันดับแรกเพื่อตีสนิทกับศิษย์ของนิกายโบราณต่างๆเพื่อหลอกล่อพวกเขา

–แผนที่โบราณมันคงไม่มีค่าขนาดนั้นหรอก

ดังนั้น คนสามคนและกระต่ายหนึ่งตัวจึงกลับไปเดินบนเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่สำนักสวรรค์และสิบวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็อยู่ตีนภูเขาเก้ามังกร

ตอนนี้ภูเขาแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจอมยุทธ อัจฉริยะจากทั้งทุกสารทิศต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ แม้ว่าจะมีเวลาเหลืออีกมาก แต่อัจฉริยะแห่งภูมิภาคกลางก็มารวบตัวกันจำนวนมากใต้ตีนเขาเพื่อรอให้สำนักสวรรค์เปิด ในขณะที่รอพวกเขาต่างฝึกฝนและขัดเกลาทักษะและวรยุทธของตัวเอง

สำหรับจอมยุทธ การต่อสู้คือชีวิตประจำวัน เมื่อหลิงฮันเพิ่งมาถึง เขาเห็นคนสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่บนท้องฟ้า

“หืม?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ เพราะหนึ่งในนั้นคือจักรพรรดิพิรุณ!