ตอนที่ 332 เรียกเธอว่าแม่ / ตอนที่ 333 เธอจะยังมีบ้านอยู่

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 332 เรียกเธอว่าแม่

 

 

           ในเวลานี้ประตูออฟฟิศดังขึ้น “เข้ามา” ทันทีที่เอ่ยเสียงเย็นชา ผู้ช่วยก็เดินเข้ามาจากข้างนอก

 

 

           “ประธานเผย นี่คือการเสนอราคาสุดท้าย คุณลองดูก่อนครับ ถ้าไม่มีปัญหาล่ะก็ ผมก็จะสั่งการลงไป” ผู้ช่วยยื่นการเสนอราคาที่เพิ่งแก้เสร็จให้เผยหนานเจวี๋ย การเสนอราคาครั้งนี้ได้ถูกแก้เป็นสิบรอบแล้ว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนล้า

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยยื่นมือรับแล้วอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน จากนั้นก็พยักหน้าแล้ว

 

 

           เมื่อผู้ช่วยเห็นว่าในที่สุดเผยหนานเจวี๋ยพยักหน้า หัวใจก็โล่งใจทันที รับใบเสนอราคาที่เผยหนานเจวี๋ยยื่นมาให้เขาแล้วเดินออกไป

 

 

           “คุณเรียกหยางเจียนเข้ามาหน่อย” เผยหนานเจวี๋ยมองผู้ช่วยที่กำลังจะเดินพ้นประตูเอ่ยปาก “ครับ”

 

 

           หนึ่งนาทีหลังจากนั้น ประตูออฟฟิศของเผยหนานเจวี๋ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง หยางเจียนเข้ามาจากข้างนอก

 

 

           “ประธานเผย คุณหาผมเหรอครับ” หยางเจียนยืนอยู่ด้านหน้าเผยหนานเจวี๋ย มองเขาพร้อมเอ่ยปากนอบน้อม

 

 

           “อืม คราวก่อนที่ให้คุณตามงานเรื่องที่ดินฝั่งตะวันออกผืนนั้น ตามไปถึงไหนแล้ว เริ่มประมูลกันแล้วยัง” เผยหนานเจวี๋ยอ่านเอกสารใบสุดท้ายในมือจบ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูด

 

 

           เขาชอบที่ดินผืนนั้นนานแล้ว ที่นั่นทิวทัศน์งดงาม เหมาะสำหรับทำรีสอร์ทมาก หากซื้อที่ดินผืนนั้นเพื่อสร้างรีสอร์ทแล้วล่ะก็ รายได้ของบริษัทกลุ่มเผยก็จะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวอย่างแน่นอน

 

 

           “ประธานเผย การประมูลที่ดินผืนนั้นจะเริ่มมะรืนนี้ตอนสิบโมงเช้า ถึงตอนนั้นคุณอยากไปดูด้วยตัวเองหรือเปล่าครับ” ผู้ช่วยเอ่ยปาก มองเผยหนานเจวี๋พร้อมพูดอย่างระมัดระวัง

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยครุ่นคิดครู่หนึ่งจากนั้นจึงพยักหน้าตอบ “ได้ คุณไปทำงานก่อนเถอะ ที่ดินผืนนั้นที่ผืนงาม ผมอยากมั่นใจว่าเมื่อถึงเวลาแล้วจะไม่ล้มเหลว”

 

 

           “ครับ” ผู้ช่วยพูดจบ หันหลังออกไปจากออฟฟิศเผยหนานเจวี๋ยแล้ว

 

 

           ที่ดินผืนนั้นที่เผยหนานเจวี๋ยชอบคือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ อีกทั้งเป็นสถานที่ที่ดีถัดจากภูเขาและแม่น้ำ ดังนั้นเผยหนานเจวี๋ยจึงชอบที่นั่น

 

 

           ตอนนี้ เจ้าของต้องการจะนำที่ดินผืนนั้นออกมาประมูล เขาจะไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปอย่างแน่นอน เขาจะต้องซื้อที่ดินผืนนั้นอย่างแน่นอน

 

 

           อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากฉู่เจียเสวียนจัดการงานสำคัญที่ร้านเช่าชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้ว ก็ขับรถไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า บนรถของเธอเต็มไปด้วยของว่างและของเล่นหลากหลายชนิด

 

 

           รถมาจอดอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เธอเพิ่งลงจากรถ เด็กๆ เหล่านั้นก็เข้ามาห้อมล้อมทันที

 

 

           “พี่เจียเสวียน พี่มาแล้ว”

 

 

           “พี่เจียเสวียน หนูคิดถึงพี่จังเลย”

 

 

           “พี่เจียเสวียน…” เด็กน้อยที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามองดูฉู่เจียเสวียน ยิ้มแย้มสดใส

 

 

           ฉู่เจียเสวียนมองดูเด็กๆ ที่รายล้อมตัวเอง รอยยิ้มของพวกเขาเป็นเหมือนโรคติดต่อ บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มตามมาแล้ว

 

 

           รถอีกคันมาจอดที่ด้านนอกรั้ว ฉู่เจียเสวียนยังไม่ทันได้เอ่ยปากก็ถูกคนบนรถดึงดูดสายตาแล้ว

 

 

           ขณะที่มองดูคนคนนั้นลงมาจากรถ เธอก็ยิ้ม “จวิ้นฉือ คุณมาได้ยังไง”

 

 

           เธอจำได้เธอเคยบอกเขาว่าถ้าหากเขายุ่งก็ไม่ต้องมา เธอมาคนเดียวก็ได้

 

 

           “คุณก็มาแล้ว ผมไม่มาได้ยังไง” กงจวิ้นฉือเดินเข้าไปหาฉู่เจียเสวียน มองดูเด็กน้อยรอบตัวเธอ ยื่นมือลูบหัวของพวกเขา

 

 

           ฉู่เจียเสวียนกับกงจวิ้นฉือขนของทุกอย่างลงมา มอบให้เด็กๆ เหล่านั้นทีละชิ้นๆ

 

 

           มองดูเด็กที่ยิ้มด้วยใบหน้าไร้ความกังวล ความมืดมนปรากฏอยู่ในแววตาของฉู่เจียเสวียน ถ้าหากเธอไม่ได้แท้งลูกของเธอล่ะก็ ก็คงมีคนเรียกเธอว่าแม่แล้ว

 

 

           กงจวิ้นฉือยืนอยู่ข้างฉู่เจียเสวียน เห็นสายตาที่มืดมนลงกะทันหันของเธอ รู้สึกผิดหวังอยู่ในใจ เธอคิดถึงมันอีกแล้วเหรอ

 

 

           “เจียเสวียน…”

 

 

           “พี่เจียเสวียน พวกเราไปเล่นด้วยกันดีไหมคะ” จู่ๆ เด็กหญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาจูงมือของฉู่เจียเสวียนพร้อมพูดกับเธอ ตาโตสดใสเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม มันโค้งงอจนเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว

 

 

           ทันทีที่ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของเด็กหญิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มทันที กำจัดความมืดมนในแววตาออกไป

 

 

           “ได้สิ หนูรอพี่แป๊บนึงนะ” พูดจบ จากนั้นก็หันมามองกงจวิ้นฉือ

 

 

           เมื่อครู่ตอนที่เด็กน้อยเดินเข้ามา ฉู่เจียเสวียนได้ยินกงจวิ้นฉือเรียกเธอ ราวกับว่าต้องการจะพูดอะไรกับเธอ

 

 

           “จวิ้นฉือ เมื่อกี้คุณจะพูดอะไรกับฉัน?” ฉู่เจียเสวียนมองใบหน้าที่หล่อเหลาของกงจวิ้นฉือพร้อมเอ่ยถาม แววตาเปื้อนยิ้ม ความมืดมนก่อนหน้านั้นหายไปแล้ว

 

 

           “ผมแค่อยากบอกว่า ผมยังมีงานที่บริษัท ต้องกลับไปก่อน” เสียงที่อบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีความอ่อนโยน ราวกับว่าเขามีเพียงเธอในดวงตาเท่านั้น

 

 

           “โอเค งั้นคุณกลับไปก่อนเถอะ อย่าลืมนะว่าวันนี้เรายังต้องไปฉลองวันเกิดถังถัง จริงสิ คืนนี้คุณไปรับแม่ฉันหน่อยนะ” ฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือ ใบหน้ามีรอยยิ้มดุจดอกไม้ น้ำเสียงนั้นยิ่งแจ่มชัด

 

 

           “ได้ งั้นผมกลับไปก่อนนะ” กงจวิ้นฉือมองฉู่เจียเสวียนด้วยความลึกซึ้ง จากนั้นก็หันหลังจากไป

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนมองกงจวิ้นฉือจากไปแล้ว ละสายตาแล้วยิ้มให้กับเด็กหญิงคนนั้น

 

 

           เด็กหญิงคนนั้นดึงมือของฉู่เจียเสวียน วิ่งไปหาเพื่อนๆ ตัวน้อยของเธอ

 

 

           ตอนบ่าย หลังจากดูแลจนเด็กๆ เหล่านั้นหลับไปแล้ว ฉู่เจียเสวียนมาถึงห้องผู้อำนวยการ ยังไม่ทันเปิดประตูก็ได้ยินเสียงพูดคุยดังมาจากข้างใน

 

 

           “ผอ. คะ ตอนนี้ทำยังไงดี ถ้าหากที่ดินผืนนี้ถูกซื้อไปล่ะก็ เด็กๆ พวกนั้นจะอยู่กันยังไง” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงเจือปนความร้อนรน

 

 

           “หรือว่าไม่มีทางอื่นแล้วเหรอคะ” ผู้หญิงคนนั้นไม่รอให้ผู้อำนวยการตอบ จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง

 

 

           “จะมีวิธีอะไรล่ะ เจ้าของที่ดินวางที่ดินผืนนี้ในศูนย์ประมูลแล้ว อีกอย่าง มะรืนก็จะประมูลแล้วด้วย พวกเราก็ไม่มีเงิน…”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนยืนอยู่ข้างนอก ได้ยินบทสนทนาข้างในอย่างชัดถ้อยชัดคำ มือกำจดหมายแน่นไม่หยุด ครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอยกมือขึ้นเคาะประตู จนกระทั่งได้ยินเสียงมาจากด้านใน ฉู่เจียเสวียนจึงผลักประตูเข้าไป

 

 

           “ผอ. พี่ลู่” ฉู่เจียเสวียนมองดูสองคนข้างใน เอ่ยปากเรียกอย่างมีมารยาท

 

 

           “เจียเสวียน เธอมาแล้วเหรอ” ผู้อำนวยการเห็นฉู่เจียเสวียนก็ยิ้มทันที ฉู่เจียเสวียนมาเป็นอาสาสมัครที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทุกสุดสัปดาห์ อีกทั้งทุกครั้งที่มาก็นำอาหารและเสื้อผ้ามามากมาย และยังมอบค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ให้พวกเขาก่อนที่จะจากไป

 

 

           สำหรับความกะตือรือร้นของฉู่เจียเสวียนนั้น ผู้อำนวยการรู้สึกว่าถ้าหากทุกคนมีจิตใจดีเหมือนกับฉู่เจียเสวียนล่ะก็ เด็กกำพร้าในโลกใบนี้ก็จะลดลงไปอย่างมากแน่นอน

 

 

           “ผอ. คะ นี่คือน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากฉันให้พวกคุณ” ฉู่เจียเสวียนยื่นซองจดหมายในมือให้ผู้อำนวยการ มองดูเขาพร้อมเอ่ยปาก

 

 

           “เจียเสวียน เธอเป็นคนดีจริงๆ ผมขอบคุณในนามของเด็ก ๆ ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า พระเจ้าจะทรงอวยพรผู้หญิงที่ใจดีอย่างเธอแน่นอน” ผู้อำนวยการกุมสองมือของฉู่เจียเสวียน มีประกายน้ำตาอยู่ในดวงตา

 

 

           ที่จริงถ้าหากไม่ใช่เพราะฉู่เจียเสวียน สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของพวกเขาแห่งนี้ก็ปิดตัวไปนานแล้ว

 

 

           “ผอ. เกรงใจเกินไปแล้ว ฉันก็แค่พยายามทำให้ดีที่สุด จริงสิ เมื่อกี้ได้ยินว่าพวกคุณจะขายประมูลที่นี่เหรอคะ” ฉู่เจียเสวียนขมวดคิ้วเอ่ย พร้อมมองผู้อำนวยการกับพี่ลู่

 

 

 

 

     ตอนที่ 333 เธอจะยังมีบ้านอยู่

 

 

           “ใช่ค่ะ เจ้าของที่เห็นว่าพวกเราจ่ายค่าเช่าไม่ไหวมาตลอด ก็เลยอยากขายประมูลที่ดินผืนนี้ ถ้าหากที่ดืนผืนนี้ขายออกไปแล้ว แล้วเด็กๆ พวกนี้จะทำยังไง” พี่ลู่มองฉู่เจียเสวียนพร้อมกับพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลและร้อนรน

 

 

           “พี่ลู่ พี่อย่าเพิ่งกังวลไปเลย มะรืนนี้ฉันจะไปดูที่สถานที่ประมูลเอง” ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากพูดกับพี่ลู่ ยื่นมือตบๆ หลังมือของผู้อำนวยการ

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนออกไปจากออฟฟิศผู้อำนวยการแล้ว ก็เริ่มเดินเล่นในบริเวณสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

 

 

มองดูบรรยากาศโดยรอบ ดวงตาของฉู่เจียเสวียนพร่ามัวเล็กน้อย ถ้าหากที่นี่ถูกขายไปล่ะก็ แล้วเด็กๆ พวกนี้จะทำอย่างไร ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะกลายเป็นเด็กเร่ร่อนไร้บ้าน

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเดินไปเดินมา ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ เธอเดินเข้าไปตามที่มาของเสียงนั้น พบว่าเด็กที่กำลังร้องไห้ก็คือเด็กหญิงที่ดึงมือเธอให้ไปเล่นวันนี้

 

 

           “เสี่ยวเวย เธอเป็นอะไรไป ทำไมถึงมาร้องไห้คนเดียวตรงนี้ ไม่สบายหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนเดินเข้าไปหาเสี่ยวเวย ยื่นมือกอดเสี่ยวเวย เอ่ยถามเธอเสียงต่ำ

 

 

           เสี่ยวเวยเห็นฉู่เจียเสวียน เงยดวงตาที่เปื้อนน้ำตาขึ้น มองเธอตาไม่กระพริบ ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตานั้นมองขึ้นมาอย่างน่าสงสาร “พี่สาว พวกเราใกล้จะไม่มีบ้านแล้วใช่ไหม”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนคิดไม่ถึงว่าเธอจะพูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาแดงก่ำทันที

 

 

           “ไม่จ้ะ เสี่ยวเวย เธอจะยังมีบ้านอยู่” ฉู่เจียเสวียนกล่าว รู้สึกว่าเจ็บคอจนทนไม่ไหว

 

 

           เด็กน้อยพวกนี้เป็นเด็กที่ถูกพ่อแม่ทอดทิ้ง ถ้าหากไม่ได้สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้ารับตัวไว้เพราะไม่มีพ่อแม่แล้วล่ะก็ พวกเขาก็หาที่พึ่งพิงได้ไม่ง่ายเลย ตอนนี้สถานที่ที่พวกเขาอาศัยมานานกำลังจะถูกประมูล

 

 

           ถ้าหากที่ดินผืนนี้ขายประมูลออกไป ที่แห่งนี้ก็จะถูกรื้อทิ้งอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น พวกเด็กๆ ก็จะไม่มีแม้กระทั่งที่หลบแดดหลบฝน

 

 

           คิดๆ ดูแล้ว หัวใจของฉู่เจียเสวียนรู้สึกเจ็บปวด ไม่ได้ เธอจะต้องช่วยพวกเขา ขอเพียงเธอซื้อที่ดินผืนนี้เอาไว้ เด็กๆ พวกนี้ก็จะมีบ้านแล้ว

 

 

           “จริงเหรอคะ พี่สาว แต่ว่า ที่พวกพี่พูดเมื่อกี้หนูได้ยินหมดแล้ว…” เสี่ยวเวยพูดไปพูดมา น้ำตาก็ร่วงลงมาอีกแล้ว

 

 

           “อย่าร้องนะ เสี่ยวเวย เธอต้องเชื่อพี่สาวนะโอเคไหม พี่จะต้องปกป้องพวกเธออย่างแน่นอน จะไม่ปล่อยให้พวกเธอไม่มีบ้านเด็ดขาด” ฉู่เจียเสวียนกล่าว ยื่นมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเสี่ยวเวย เห็นเธอร้องไห้เสียใจขนาดนี้ ดวงตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะมีน้ำตาไปด้วย

 

 

           เสี่ยวเวยได้ยินคำพูดของฉู่เจียเสวียน พยักหน้า จากนั้นก็เงยหน้ามองฉู่เจียเสวียนพร้อมดวงตาที่เปื้อนน้ำตา “พี่สาว ถ้าที่ของพวกเราประมูลไม่สำเร็จ ถ้าไม่มีใครเอา พวกเราก็อยู่ที่นี่ต่อได้ใช่ไหมคะ”

 

 

           มองดวงตาที่ชัดเจนของเสี่ยวเวย ฉู่เจียเสวียนพยักหน้าอย่างแรง ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ว่าจะต้องเสียเงินมากแค่ไหน เธอจะต้องซื้อที่ดินผืนนี้มาอยู่ในมือให้ได้

 

 

           เธอเชื่อว่า ด้วยสถานะการเงินของเธอในตอนนี้ จะสามารถซื้อที่ดินผืนนี้ได้อย่างแน่นอน แต่แม้ว่าเธอจะครุ่นคิดมากเพียงใด ก็ไม่ได้คิดว่าเผยหนานเจวี๋ยจะชอบที่ผืนนี้ด้วย

 

 

           หลังจากฉู่เจียเสวียนปลอบใจเสี่ยวเวยแล้ว ก็ปล่อยให้เธอกลับไปนอนกลางวัน จนกระทั่งเกือบห้าโมงเย็น ฉู่เจียเสวียนจึงออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

 

 

           หลังจากกลับถึงในเมือง ฉู่เจียเสวียนขับตรงไปยังร้านที่นัดหมายทันที ขณะที่เธอกลับไปถึงก็เป็นเวลาหกโมงครึ่งแล้ว

 

 

           ที่โรงแรมหวงเจีย

 

 

           ภายใต้การนำทางของบริกร ฉู่เจียเสวียนเดินตามเขาไปจนถึงห้องส่วนตัวแล้ว