“ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!” ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งร้องตะโกนด้วยท่าทางตื่นตระหนกมาจนถึงประตูทางเข้าของค่ายเจียนอี๋ เนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเต็มตัว เขาทุบประตูพร้อมร้องโวยวาย “ให้ฉันเข้าไป เปิดประตูให้ฉันเข้าไป มีคนจะฆ่าฉัน!”
“เกิดอะไรขึ้น?” นายทหารอาวุโสมีสีหน้าหวาดกลัวย่ิงเมื่อได้เห็นภาพโชกเลือด ใช่ซอมบี้หรือเปล่า? ติดเชื้อหรือยัง?
ในตอนนั้น มันมีเสียงฝีเท้ามากมายวิ่งตามมาจากข้างหลัง มีคนหลายคนที่อยู่สภาพเสื้อผ้าเละเทะ มีอาวุธถือไว้กันทุกคน ส่วนใบมีดของดาบในมือก็มีเลือดอาบอยู่
ผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนน่าจะเป็นผู้นำปรากฏตัวขึ้น และชายคนที่ทุบประตูอยู่ก็หันไปตะโกนใส่ “นี่แกแกล้งปล่อยให้ฉันวิ่งหนีใช่มั้ย? พวกแกใช้ฉันเหมือนเป็นโล่! พวกสวะ!”
“ไอ้น้อง! หุบปากดีกว่า ฆ่าไอ้คนทรยศทิ้งซะ!” บางคนในกลุ่มตะโกนแทรกขึ้นมา
หลังจากได้ยินประโยคสนทนาของคนพวกนี้ ชายคนที่เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเลือดก็ยิ่งอารมณ์ขึ้นกว่าเดิม เขาส่ายหัวอย่างไม่ยอมและตะโกนใส่กลับ “พวกแกตามมาจัดการฉันใช่มั้ย? ถึงได้พาคนพวกนี้ตามมา? ไอ้พวกโง่ ตอนนี้พวกแกทุกคนจะต้องตาย!”
“เป็นไปไม่ได้ที่แกคนเดียวจะหนีมาได้ มันต้องมีกลุ่มคนให้ความช่วยเหลือแก ใช่มั้ย?”
นายทหารอาวุโสที่คอยสังเกตการณ์อยู่เริ่มรำคาญเล็กน้อย ตอนนี้สถานการณ์ข้างนอกนั้นสามารถบรรยายได้คำเดียวเลยว่าวุ่นวาย คนพวกนี้กำลังทำอะไรอยู่?
“เกิดอะไรขึ้นกับแก? เจอซอมบี้ใช่มั้ย?” นายทหารอาวุโสเอ่ยถาม
เสียงของนายทหารอาวุโสเรียกความสนใจจากทุกคนได้ทันที จากนั้นผู้ชายคนเดิมก็รีบตะโกนใส่ทหารเฝ้ายามทั้งหลาย
“เปิดประตู!”
“คนพวกนี้ต้องการจะฆ่าฉัน ช่วยเปิดประตูให้ฉันเข้าไปได้มั้ย?”
นายทหารอาวุโสเบนสายตากลับมาถาม “เพื่ออะไร?”
ในตอนนั้นจู่ๆกลุ่มคนที่ปราฏตัวตามมาที่หลังและอยู่ห่างไกลออกไป ทว่าเพียงแค่ภายในพริบตาทุกคนก็มาปรากฏตัวที่ใกล้หน้าประตูแล้ว
ทั้งทหารอาวุโสและเหล่าทหารเฝ้ายามตกใจอย่างมาก เร็วมาก คนพวกนี้น่าจะต้องเป็นพวกมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ระดับสูงแน่ๆ?
“เปิดประตู! ให้ฉันเข้าไป!” ผู้ชายที่โชกเลือดรีบตะโกนร้องบอกทหารเฝ้ายาม
ต่อมามันก็มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยและดูถูกก็ตามมาจากอีกกลุ่มทันที
“เฮ้ย! ไอ้หัวหอก! คิดจะซ่อนตัวเหรอไง?”
“ส่งคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 มาซะ!”
“ไม่เอาน่า อย่าบังคับให้พวกเราต้องฆ่าแกเลย!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารเฝ้ายามหลายคนก็ตกใจมากคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4? ผู้ชายคนนี้มีคริสตัลมูลค่าสูงขนาดนี้ในมือ และก็ดูเหมือนน่าจะเป็นมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ด้วยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถเอาคริสตัลของซอมบี้ระยะ 4 มาได้และตกเป็นเป้าหมายของศัตรูแบบนี้
“มันจะมากเกินไปแล้ว แกก็ไปฆ่าซอมบี้ระยะ 4 เองสิ!”
“ไม่มีทางที่เราจะให้พวกแก”
“นี่เป็นค่ายทหารผู้รอดชีวิต ห้ามฆ่าคนที่นี่”
ความโกลาหลนั้นปะทุจนกำลังจะระเบิด ทั้งสองฝ่ายต่างจ้องกันไปมาราวกับพร้อมที่จะพุ่งเข้าชนใส่กันได้ทุกเมื่อ
ทันทีที่นายทหารอาวุโสมองเห็นสถานการณ์ เขาก็รีบวางความสงสัยของเขาออกไปจากหัวก่อน และรีบให้ทหารเฝ้ายามเปิดประตู และในขณะที่ประตูกำลังเปิด นายทหารอาวุโสก็พูดขึ้น “นักรบจะไม่ต่อสู้เพื่อคริสตัลแต่เพื่อการครองโลกต่างหาก ฉันคิดว่าการจับมือสงบศึกจะเป็นการดีกับทั้งสองฝ่าย คนไม่กี่คนก็สามารถช่วยกันล้มซอมบี้ระยะ 4 ได้ ถ้าร่วมมือกัน ไม่ต้องพูดถึงซอมบี้ระยะ 4 เลย แม้แต่ระยะ 5 ก็สามารถทำได้!”
ทุกคำพูดนั้นเป็นสิ่งนายทหารอาวุโสคิดจริงๆ พลังความสามารถของคนกลุ่มนี้นั้นมหาศาลจนบรรยายไม่ถูก ตอนนี้ทุกคนแค่กำลังอารมณ์ร้อนและพยายามเอาชีวิตอยู่ข้างนอกกัน แต่ถ้าคนพวกนี้ทั้งหมดทำงานให้กับค่าย ความสามารถของกองกำลังของค่ายเจียนอี๋จะต้องพัฒนาไปอย่างเกินคาดหมายแน่ๆ
คำพูดของนายทหารอาวุโสทำให้คนด้านนอกเริ่มคิดไตร่ตรอง และในจังหวะนั้นประตูก็เปิดออกอย่างสำเร็จ
ชายคนแรกที่มาถึงหน้าประตูพร้อมกับสภาพโชกเลือดตวัดสายตาไปที่ฝ่ายตรงข้ามทันที จากนั้นก็ตะคอกใส่อีกฝ่ายพร้อมกับวิ่งเข้าไปทางประตู “ฉันจะไม่มีวันให้คริสตัลกับแก ฝันไปเถอะ!”
“แย่แล้ว มันกำลังวิ่ง!”
“เร็วสิ ไล่ตามมัน อย่าให้มันไปซ่อนตัวได้!”
“เฮ้ย!”
กลุ่มคนรีบวิ่งไล่ตามผู้ชายคนนั้นเข้าไปในประตูที่เปิดออกทันที เหล่าทหารเฝ้ายามมัวแต่ตกใจทำให้ปิดประตูไม่ทัน เนื่องจากร่างของกลุ่มคนสิบกว่าหายไปอย่างรวดเร็วภายในพริบตาจนทหารเฝ้ายามมองตามไม่ทัน ทำใฟ้ทุกคนเข้าไปภายในค่ายได้หมด
ชูฮันและหวังไคที่เฝ้าดูสถานการณ์ห่างไกลออกไปตะลึงไปครู่หนึ่ง
“มีกี่คน?” น้ำเสียงสั่นที่แฝงไปด้วยความกลัวของหวังไคเอ่ยถามอย่างติดอ่าง “กะ เกินไป แสดงเก่งเกินไปแล้ว!”
“แสดงดีเกินไป” ชูฮันส่ายหัว “เลือดที่ตัวหลูปิงเซ่อไม่ใช่ของเขาแน่ๆ มีแต่พระเจ้าที่รู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวไหนในป่าที่โดนฆ่า? ถ้าพวกเจ้าหน้าที่ในค่ายต้องการจะตรวจสอบเพื่อยืนยัน มันก็ยังยากที่จะดูออกเพราะมันเหมือนกับเลือดซอมบี้ แล้วไหนจะการใช้ประโยชน์จากที่อีกฝ่ายยอมเปิดประตูให้ แล้วสร้างความขัดแย้งขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจและเพื่อปิดบังจุดประสงค์ที่แท้จริง”
หวังไคหัวเราะกับตัวเอง “ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะทั้งทีมนักฆ่าขนนกหรือกุ้งเสือดำ พวกทหารเฝ้ายามต้องหลอกล่อเพื่อพาพวกเขาเข้าไป อาจจะให้อาหารและน้ำ แต่ก็จะกักตัวเอาไว้อย่างเข้มงวด แต่สำหรับทีมความลับของพระเจ้านั้นมันไม่เหมือนกัน แต่ตั้งแรกจนจบพวกเขาไม่จำเป็นต้องติดต่อกับพวกคนภายในเลย ไม่จำเป็นต้องแสร้งคิดคำโกหกตอบคำถามของอีกฝ่าย”
ชูฮันยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ เขาพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจต่อทีมความลับของพระเจ้า “แม้ว่าจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาถึง แต่เป็นผู้นำและเข้าสู่การฝึกได้โดยตรงรวดเร็วกว่าทีมนักฆ่าขนนกและกุ้งเสือดำซะอีก”
“ต้องยอมรับว่าพวกเขาเก่งกันจริงๆ สมาชิกของทีมความลับของพระเจ้าเต็มไปด้วยพวกหัวไวทั้งนั้น” หวังไคโบกมือ “ปัญหาตอนนี้ก็คือทั้งสามทีมได้เข้าไปแล้ว ลูกเล่นของพวกเขาก็จะเหลืออะไรอีก? จะทำต่อยังไง?”
ชูฮันเงยหน้าขึ้นมองดูความมืดมิดของท้องฟ้า “แน่นอน พวกเราต้องลอบเข้าไปตอนกลางคืน”
ทุกอย่างมิดสนิท ในเดือนนี้ทุกอย่างมืดสนิทก่อนจะถึงหกโมงเย็นด้วยซ้ำ หากชูฮันดูไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลยสักนิด หวังไคคอยเตือนชูฮันอยู่ในหัวว่าเขาต้องตื่นเพื่อเริ่มดำเนินการ แม้จะกระทั่งเหลืออีกสองชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ชูฮันก็ยังคงหลับอยู่ไม่ยอมตื่นสักที
“นายจะเข้าไปมั้ย?” หวังไคไม่เข้าใจชูฮัน “มันจะสว่างอยู่แล้ว!”
ชูฮันหันหน้ากลับมามองหวังไคและหลับต่อ “อย่าใจร้อน? ขอผ้าห่มหน่อย”
จนกระทั่งเวลาตีห้าในเช้าตรู่ ท้องฟ้าเริ่มจะมีสีจางๆ ชูฮันก็กระพริบลืมตาตื่น เขาเคลื่อนตัวไปทางผนังกำแพงของค่ายเจียนอี๋
กลางคืนเป็นเวลาที่เข้มงวดที่สุดสำหรับการเฝ้ายามเพราะมีคนมากมายอาจจะคิดลักลอบเข้าไปแล้ว ทหารจึงเลือกที่จะตื่นตัวตลอดคืนเพื่อเฝ้ายาม แต่เมื่อผ่านคำ่คืนไปแล้ว ขณะที่ท้องฟ้ากำลังจะสว่างนั้นจะเป็นเวลาที่อ่อนแอที่สุด พวกทหารยามจะเริ่มอ่อนแรงและไม่ได้สติ พวกเขาจะแอบงีบหลับเพื่อพักผ่อน นี่จึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการลอบเข้าไป
แน่นอนว่าเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้หวังไคไม่มีทางเข้าใจแน่ๆ!