บทที่ 1038 สู้กันอย่างสูสี

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1038 สู้กันอย่างสูสี โดย Ink Stone_Fantasy

เพลิงจิตออกมาปกป้องร่างกายทันที หลังจากเพลิงจิตคุ้มกายที่สภาพเหมือนคลื่นน้ำกระเพื่อมอยู่ท่ามกลางการโจมตีของคลื่นเสียง ร่างกายของเหมียวอี้ก็ไม่ได้รับผลกระทบเลยแม้แต่น้อย ถือทวนเผชิญหน้ากับฝานอวี้เฟยที่พุ่งเข้ามา พร้อมถือโอกาสเหาะถอยหลังตามทิศทางเดียวกับที่ฝานอวี้เฟยพุ่งมา

ถึงแม้วรยุทธ์ของเขาจะห่างไหลกับอีกฝ่ายมาก แต่ถ้าเหาะไปในทิศทางเดียวกันก็ยังลดความได้เปรียบเรื่องความเร็วของได้บ้าง ไม่อย่างนั้นถ้าอาศัยความเร็วในการลงมือตอนที่อีกฝ่ายขี่สัตว์เทพ จะต้องปะทะตรงๆ อย่างหลบเลี่ยงไม่ได้เหมือนก่อนหน้านี้แน่นอน

ก่อนหน้านี้มีเดรัจฉานสับปลับพ่นหมอกแดงสกัดให้ ฝานอวี้เฟยยังเห็นไม่ชัดว่าเหมียวอี้ต้านทานการโจมตีจากคลื่นเสียงได้อย่างไร ตอนนี้กลับเห็นชัดแล้วว่านอกร่างกายเหมียวอี้มีเกราะโปร่งแสงหุ้มหนึ่งชั้น ไม่เหมือนเกราะพลังอิทธิฤทธิ์ เพราะเกราะพลังอิทธิฤทธิ์กันเสียงนี้ไม่ได้เช่นกัน

ยังไม่ต้องสนใจเรื่องพวกนี้ ฝานอวี้เฟยที่เข้ามาประจัญบานควงดาบขึ้นมากวาดในแนวขวาง เงาดาบระเบิดจากกลางเอวฟันไปที่เหมียวอี้อีกครั้ง

เหมียวอี้ที่เหาะถอนหลังด้วยความเร็วสูงก็รีบชูทวนออกมากวาดในแนวขวางเช่นกัน ใช้กำลังปะทะกันโดยตรงอีกครั้ง

ฝานอวี้เฟยทั้งโมโหทั้งอยากขำ แค่นักพรตบงกชทองขั้นสามเล็กๆ คนหนึ่ง แต่ใช้กำลังปะทะกับนางครั้งแล้วครั้งเล่า ช่างไม่รู้จักเป็นรู้จักตายเลยจริงๆ

คนมากมายที่กำลังดูการต่อสู้แอบเดาะลิ้นด้วยความทึ่ง เจ้าหนุ่มบงกชทองขั้นสามมันบ้าระห่ำจริงๆ แต่มาดอันห้าวหาญไม่หวั่นเกรงยามเผชิญหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งกลับทำให้คนอุทานอย่างตื่นตะลึง

บึ้ม! ทวนเกล็ดย้อนปะทะกับเงาดาบที่กวาดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เกิดเสียงระเบิดดังสะเทือนเลือนลั่นท้องฟ้า

มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานสีหน้าเปลี่ยนทันที ถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขาสองคน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางต้านทานการโจมตีนี้ได้

เห็นเพียงชั่วพริบตาเดียวที่เงาดาบพังทลาย ทวนเกล็ดย้อนก็สะเทือนจนดีดออกมา

ไม่รู้ว่ามีคนมากมายขนาดไหนที่คิดว่าต่อไปเหมียวอี้จะต้องสะเทือนจนกระเด็น แต่เหมียวอี้กลับตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ฆ่า!”

ทวนเกล็ดย้อนดีดบินแล้วจริงๆ แต่ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงทั้งนั้น ว่าเหมียวอี้จะอาศัยพลังมหาศาลของทวนเกล็ดย้อนที่ดีดบินพาร่างเหาะวนด้วยความเร็วสูง นอกจากฉวยโอกาสคลายพลังโจมตีมหาศาลแล้ว ยังอาศัยพลังของฝ่ายตรงข้ามเพื่อโจมตีกลับอีกด้วย ภายใต้การสนับสนุนจากพลังของฝ่ายตรงข้าม เขาไม่เพียงแค่ได้ใช้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาลดความแตกต่างด้านความเร็วระหว่างตัวเองและคู่ต่อสู้ ทั้งยังได้ใช้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นนี้สะบัดทวนเกล็ดย้อนออกมา หมุนควงด้วยความเร็วสูงรอบหนึ่ง ประเดี๋ยวเดียวก็มีเงาทวนที่ยุ่งเหยิงโจมตีไปทางฝานอวี้เฟย

ภายใต้การโจมตีหนึ่งครั้ง ฝานอวี้เฟยขี่เดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นเฉียดผ่านร่างเหมียวอี้ไปพอดี นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ เหมียวอี้จะใช้ท่านี้ จึงเผยแผ่นหลังด้านข้างให้เหมียวอี้โจมตี เหมียวอี้ออกทวนได้รวดเร็วและดุดัน เรียกได้ว่ามั่นคง เด็ดเดี่ยวและแม่นยำ ปะเดี๋ยวเดียวก็โจมตีจนนางทำอะไรไม่ถูก

เกราะพลังอิทธิฤทธิ์ไม่สามารถต้านทานการโจมตีจากทวนวิเศษผลึกแดงที่มีความบริสุทธิ์สูงได้เลย พอแทงเข้ามาทวนเดียวก็เกิดเป็นรูแหว่ง

ฝานอวี้เฟยตกใจมาก นางหันตัวเลี้ยวภายใต้ความฉุกละหุก โบกดาบต้านทานหัวทวนแหลมคมที่แทงเข้ามาอย่างยุ่งเหยิง นี่ถ้าไม่ใช่เพราะนางมีวรยุทธ์สูงและตอบสนองได้รวดเร็ว ครั้งนี้นางอาจจะต้องเสียเปรียบใหญ่หลวง

เสียงโช้งเช้งโช้งเช้งดังพักหนึ่ง ดาบและทวนปะทะโจมตีกันด้วยความเร็ว เหมียวอี้รู้ว่าวรยุทธ์ของนางร้ายกาจ จึงไม่ใช้กำลังปะทะตรงๆ ใช้ท่าเก่าไม่ได้ ทำได้เพียงโจมตีโดยใช้ความเร็วของทวน!

ฉากนี้ในสายตาของทุกคน ก็คือเหมียวอี้กำลังใช้ทวนโจมตีอย่างรวดเร็วจนทำให้ฝานอวี้เฟยตกใจจนทำอะไรไม่ถูก กดดันให้ฝานอวี้เฟยตกอยู่ในสภาพจนตรอก

“จุจุ ช่างเป็นเจ้าหนุ่มที่ห้าวหาญ!”

“ในตำหนักสวรรค์หาคนที่ห้าวหาญแบบนี้ได้ยาก ผ่านประสบการณ์ในการเข่นฆ่ามาจนช่ำชอง ราวกับเคยรบมาเป็นร้อยสนามแล้ว!”

กลุ่มคนทีดูการต่อสู้อยู่ตรงจุดหมายสุดท้ายระเบิดเสียงเกรียวกราว ต้องทราบไว้ว่าการโจมตีที่สวยงามแบบนี้ของเหมียวอี้ ไม่ได้มีที่พึ่งอะไรมากขนาดนั้น อาศัยเพียงพลังของนักพรตบงกชทองขั้นสามมาปะทะกับนักพรตบงกชทองขั้นแปด ลักษณะท่าทางที่ไม่สนว่าศัตรูจะวรยุทธ์สูงหรือต่ำ เทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระแบบนั้น ไม่รู้ว่าทำให้คนมากมายเท่าไรอึ้งทึ่งตะลึงงัน

โค่วเหวินหลานแสดงสีหน้าปลื้มใจเหนือความคาดหมาย โค่วเหวินชิงกับปี้เยว่ฮูหยินก็ทำสีหน้าตกตะลึงเช่นกัน

ปี้เยว่ฮูหยินนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าลูกน้องตัวเองจะห้าวหาญถึงขนาดนี้ พื้นฐานการต่อสู้แข็งแรงมาก แข็งแรงจนสามารถใช้พื้นฐานการต่อสู้นี้มาปะทะกับคนที่วรยุทธ์เหนือกว่าตนได้ สิ่งนี้เพียงพอที่จะทำให้นักพรตมากมายที่ใฝ่หาวรยุทธ์กับของวิเศษอับอาย!

โค่วเหวินหวงที่ติดต่อกับพวกโฉวตั้งไห่ร้อนใจยิ่งกว่าเดิม เร่งให้ลูกน้องตัวเองเข้าไปช่วยสนับสนุนเร็วๆ

คนที่มีความสามารถมักจะมีคนอยากใช้ประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าไม่มีความสามารถ ผีที่ไหนจะมาสนใจความเป็นความตายของเจ้า

เกาก้วนที่ยืนเอามือไขว้หลังอยู่บนบันได้ก็มองจนตาเป็นประกายเช่นกัน

เซี่ยโห้วหู่เฉิงสีหน้าแย่นิดหน่อย แต่ตอนนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นดีใจ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงแล้ว!

ฝานอวี้เฟยที่รับมืออย่างฉุกละหุกค่อยๆ เว้นระยะห่างกับเหมียวอี้ สงบสติอารมณ์ลงเร็วมาก ขณะที่กำลังใช้ดาบต้านขวางไว้ จู่ๆ หลังดาบก็เกี่ยวไปข้างหลัง ใช้หลังดาบกักบนตะขอคมของทวนเกล็ดย้อนในชั่วพริบตาเดียว ดึงทวนในมือเหมียวอี้เอาไว้แล้ว ทำให้เงาทวนที่ยุ่งเหยิงหยุดชะงักทันที

อาศัยวรยุทธ์อย่างเหมียวอี้ จะดึงทวนกลับมาจากมือนางได้อย่างไรกัน ถูกฝานอวี้เฟยพาเหาะไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว

มีคนมากมายแอบร้องว่าแย่แล้วแทนเหมียวอี้ ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ ถ้าไม่มีทวนวิเศษคอยช่วย แค่คิดก็รู้แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ดวงตาโค่วเหวินหลานฉายแววเครียดกังวลทันที

เหมียวอี้ที่ถูกดึงเหาะไปพร้อมกันไม่ยอมปล่อยมือจากทวน ยังคงทำสีหน้าดุร้ายมุ่งสังหาร ยังคงจ้องฝานอวี้เฟยด้วยแววตาเย็นเยียบ

ฝานอวี้เฟยทำสีหน้าเย้ยหยัน นางออกแรงโบกดาบใหญ่ในมือไปข้างหลัง หมายจะใช้พลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งดึงเหมียวอี้เข้ามา จากนั้นก็ใช้ดาบฟันเหมียวอี้ให้ตาย

แต่ใครจะคาดคิด พอนางควงแขนชูดาบขึ้น จู่ๆ บนทวนเกล็ดย้อนก็มีเสียงดังแกร๊ก ตะขอแหลมสามแฉกบนหัวทวนพลันพลิกขึ้นรวมเป็นหนึ่งเดียว ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นหัวทวนแหลมขมที่ไร้ตะขอแล้ว

ฝานอวี้เฟยโบกดาบโดยไร้ผลลัพธ์ งุนงงนิดหน่อย หวาดกลัวด้วยเช่นกัน มือชูขึ้นมาแล้ว โบกดาบไปทางข้างหลัง แต่โบกแล้วไม่ได้อะไรเลย ช่างเป็นการเปิดประตูอ้ารับจริงๆ ช่องโหว่บนร่างกายเปิดเผยอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้หมดแล้ว เมื่ออยู่ภายใต้น้ำมือของคนที่ออกทวนเร็วขนาดนี้ แค่คิดก็รู้ถึงผลลัพธ์แล้ว

เหมียวอี้มีหรือที่จะเกรงใจ ชักทวนเข้าชักทวนออก ออกทวนราวกับมังกร แสงสะท้อนคมทวนวิบวับเป็นดอกๆ โจมตีไปยังใบหน้า ลำคอ และจุดสำคัญบนร่างกายของฝานอวี้เฟยแล้ว

ทุกคนที่ดูการต่อสู้ส่งเสียงเกรียวกราวอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงที่ขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้รวดเร็วเกินไปแล้ว เจ้านึกว่าทำแบบนี้แล้วจะได้เปรียบ แต่อีกคนก็พลิกสถานการณ์ได้อีก พอทางนี้พลิกสถานการณ์ ทางนั้นก็ใช้ท่าเด็ดอีก เป็นการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมมีสีสันที่สุด คนไม่น้อยโห่ร้องอย่างติดลม!

ในอาณาเขตของตำหนักสวรรค์ถึงแม้จะไม่ได้สงบมาก แต่ก็นับว่าสงบสุขมาแสนนาน กลุ่มลูกหลานจากตระกูลขุนนางไม่ค่อยได้เห็นการเข่นฆ่าที่มีสีสันขนาดนี้ นี่ไม่ใช่การประลองฝีมือ แต่เป็นการสู้สุดชีวิตแบบเอาเป็นเอาตาย!

“เจ้าหก ลูกน้องเจ้าคนนี้ช่างร้ายกาจ มิน่าล่ะขนาดมีกันแค่สามสี่คนยังจับตัวนักโทษได้ตั้งสี่คน!” โค่วเหวินชิงชมเปาะด้วยความตื่นตะลึง ทำสีหน้าอัศจรรย์ใจ

สถานการณ์เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป หักมุมเยอะเกินไป โค่วเหวินหลานอ้าปากค้างแล้ว มองดูจนเหม่อลอย ไม่ได้ยินเลยว่าพี่สาวตัวเองพูดว่าอะไร

มู่หรงซิงหัวกับสวีถังหรานก็งงตาค้างแล้วจริงๆ ในฐานะที่เป็นพวกเดียวกัน วิธีการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้ ไม่รู้สึกต่ำต้อยเพราะวรยุทธ์ ทั้งสองมองจนฮึกเหิมเลือดเดือดพล่าน!

แต่คนที่วรยุทธ์ระดับฝานอวี้เฟย ความเร็วในการตอบสนองก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน ภายใต้ความกระวนกระวายใจ ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง นางโบกแขนอีกข้างมาต้านทานไว้

ปั้งๆๆๆ! เสียงสะเทือนดังเป็นชุด ชั่วพริบตาเดียวฝานอวี้เฟยก็โดนทวนติดต่อกันห้าหกครั้ง นางดันทุรังใช้เกราะรบบนแขนป้องกัน ต้านทานห้าหกทวนที่ต่อเนื่องของเหมียวอี้เอาไว้

ต้านทานจุดสำคัญบนร่างกายเอาไว้ได้ แต่กลับปกป้องเส้นผมที่ปลิวสะบัดไม่ได้ ภายใต้ทวนที่หดเข้าแทงออกของเหมียวอี้ ผมยาวโดนฟันขาดปลิวหายไปหลายช่อ

แต่วรยุทธ์สูงกว่าเหมียวอี้ก็คือวรยุทธ์สูงกว่า ความแตกต่างของวรยุทธ์ไม่ใช่สิ่งที่จะมองข้ามได้ ฝานอวี้เฟยโดนไปห้าหกทวนติดต่อกัน แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะยืนนิ่งไม่สะทกสะท้าน ห้าหกทวนที่เหมียวอี้โจมตีโดนนาง เป็นเพียงการอาศัยความคมของทวนวิเศษเพื่อตีฝ่าเกราะพลังอิทธิฤทธิ์ของนางเท่านั้น แต่กลับเป็นเรื่องยากที่จะสะเทือนถึงร่างกายนาง นางอาศัยพลังอิทธิฤทธิ์ที่แข็งแกร่งต้านทานการโจมตีของเหมียวอี้ไว้

ก็ช่วยไม่ได้ นอกจากวรยุทธ์ที่สูง บนตัวนางยังสวมเกราะรบผลึกแดงขั้นห้าที่มีความบริสุทธิ์สูงด้วย ถึงแม้ทวนวิเศษของเหมียวอี้จะคม ถึงแม้จะตีฝ่าเกราะพลังอิทธิฤทธิ์ของนางได้ แต่กลับไม่สามารถตีฝ่าการป้องกันของเกราะรบบนตัวนาง ทั้งสองล้วนมีของวิเศษระดับเดียวกัน ถ้าคิดจะตีฝ่าให้ได้ก็ยากมาก มิหนำซ้ำวรยุทธ์ของอยังห่างไกลกับนางมาก ได้แต่รู้สึกเสียดาย!

เมื่อต้านทานการโจมตีได้พักหนึ่ง ฝานอวี้เฟยก็ย่อมหายกังวลแล้ว แต่ก็เดือดดาลมากเช่นกัน ตัวเองวรยุทธ์บงกชทองขั้นแปด แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะโดนนักพรตบงกชทองขั้นสามกดดันจนทำอะไรไม่ถูกซ้ำแล้วซ้ำอีกต่อหน้าฝูงชน กลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะจริงๆ กลับไปจะให้คนมองตนยังไง!

ครั้งนี้โมโหแล้วจริงๆ ควงดาบอย่างบ้าคลั่ง ฟันไปทางเหมียวอี้อย่างรุนแรง หมายจะใช้พลังอันแข็งแกร่งหลบหลีกการพัวพันของเหมียวอี้

เห็นได้ชัดว่าเหมียวอี้มีประสบการณ์ในการรับมือกับนางบ้างแล้ว โบกทวนต้านทาน!

บึ้ม! เสียงสะเทือนกระจายทั่วท้องฟ้า เห็นเหมียวอี้อาศัยความเร็วของแรงโจมตีโบกทวนหมุนอีกแล้ว ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายอยู่ห่างกัน เป็นไปไม่ได้แล้วที่เหมียวอี้จะใช้ทวนทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ แต่กลับเห็นทวนที่โบกกลับถูกส่งออกมาอีก หัวทวนที่แหลมคมสะบัดหางกวาดออกไปหนึ่งครั้ง มีปราณปีศาจโลหิตโผล่ออกมา

เพล่ง! หัวทวนที่แหลมคมวาดผ่านข้างสะโพกของเดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นอย่างรุนแรง ไม่น่าเชื่อว่าจะวาดจนเกิดประกายไฟ จะเห็นได้ถึงความทนทานของเกราะน้ำแข็ง หัวทวนแทงจมเข้าร่างกายของเดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็น ทำให้เกราะน้ำแข็งแตกและกระเด็นออกมาพร้อมเลือดสด

“อู…” เดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นส่งเสียงร้องเจ็บปวด

เงาดาบที่ดุเดือดถูกฟันออกมาจากมือของฝานอวี้เฟยที่กำลังโมโหอีกครั้ง เหมียวอี้รีบใช้ทวนปาด บึ้ม! เงาดาบพังทลายท่ามกลางเสียงสะเทือน เหมียวอี้หมุนร่างกายกลางอากาศเพื่อคลายพลังโจมตีของฝ่ายตรงข้ามอีกครั้ง

ทั้งสองฝ่ายที่สู้กันอย่างสูสีพักหนึ่ง ตอนนี้หลุดแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิงแล้ว

ขณะที่ผู้ชมกำลังทึ่งกับสิ่งนี้ กลับเห็นฝานอวี้เฟยแสดงอาการผิดปกติ เดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นที่ไม่ได้โดนโจมตีจุดสำคัญเกิดปั่นป่วนแล้ว การทำงานของร่างกายปั่นป่วนบิดพลิกไปพลิกมาอยู่บนท้องฟ้า ไม่ว่าฝานอวี้เฟยจะควบคุมอย่างไรก็ไม่เชื่อฟัง เหมือนเป็นบ้าไปแล้ว

เหมียวอี้ที่ถือทวนในแนวขวางทำสีหน้าดุร้าย เหมือนปีศาจเลือดเจอเลือด เหมือนปลาเจอน้ำ ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ แต่การทำให้สัตว์พาหนะที่ร้ายกาจของอีกฝ่ายพังก็นับว่าได้ประโยชน์แล้ว

มู่หรงซิงหัวมองทวนในมือแวบหนึ่ง ดับความคิดที่จะอาศัยความได้เปรียบด้านความเร็วของเดรัจฉานสับปลับไปสู้กับฝานอวี้เฟยแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจะสูญเสียความได้เปรียบเรื่องสัตว์พาหนะไป แต่ตนก็ไม่สามารถทำให้อีกฝ่ายสะทกสะเทือนได้อยู่ดี

ทุกคนย่อมมองออกว่าสัตว์พาหนะของฝานอวี้เฟยโดนกับดักของเหมียวอี้แล้ว ในการประมือที่รวดเร็วรอบนี้ เห็นได้ชัดว่านักพรตบงกชทองขั้นสามที่แปลกหน้าคนนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบแล้ว

ผู้ชมส่วนใหญ่ที่อยู่ตรงจุดหมายสุดท้ายไม่รู้ว่าเหมียวอี้เป็นใคร เป็นลูกน้องของใคร ไม่น่าเชื่อว่าจะห้าวหาญขนาดนี้

ในกลุ่มคนเหล่านั้น ไม่มีใครตื่นเต้นประหลาดใจเกินโค่วเหวินหลานแล้ว เรียกได้ว่าดีใจเหนือความคาดหมายอย่างแท้จริง

เวลาเหมือนจะช้า แต่ที่จริงการประมือใช้เวลาเร็วมาก พวกโฉวตั้งไห่ที่ได้รับคำสั่งจากโค่วเหวินหวง ตอนนี้รีบเคลื่อนตัวตามมาแล้ว

ส่วนเหยี่ยวมารวานรยักษ์หกตัวที่อยู่ทางนี้ก็เลี้ยวเปลี่ยนทิศทางแล้ว กลับมารวมลุ่มกัน เรียงแถวเป็นรูปงูอีกครั้ง พุ่งโจมตีเข้าใส่เหมียวอี้อีกครั้ง

เมื่อเห็นอีกฝ่ายใช้วิธีการโจมตีแบบนี้อีกครั้ง เหมียวอี้ก็รีบหันหน้ารับกระบวนทัพที่พุ่งเข้ามาแล้วเหาะถอยหลัง พยายามลดความเร็วในการโจมตีของอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุด เขาทำสีหน้าดุร้ายอีกครั้ง พอเขย่าทวนเกล็ดย้อนในมือ ปราณปีศาจโลหิตที่เข้มข้นกลุ่มหนึ่งก็พรั่งพรูออกจากทวนเกล็ดย้อนและเกราะรบบนตัวอย่างบ้าคลั่งทันที

…………………………