บทที่ 662 : คิดบัญชี
หลิงหยุนยังคงนั่งยิ้มอย่างใจเย็นแต่หลังจากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงราบเรียบ “ฉันปล่อย ให้พวกนายห้าคนเข้าไปเล่นตามบ่อนคาสิโนของแก๊งมังกรเขียวมานานเกือบเดือนแล้ว!”
“และที่ฉันปล่อยให้พวกนายเล่นที่บ่อนอยู่นาน.. ก็ไม่ใช่เพราะว่าฉันกลัวพวกนายหรอกนะ! แต่ฉันขี้เกียจและไม่มีเวลาว่างที่จะไปจัดการต่างหาก! แล้วอีกอย่าง.. พวกนายก็ชนะด้วยฝีมือ ไม่ใช่ด้วยการโกงฉันถึงได้ปล่อยให้พวกนายกวาดเงินไปมากมาย!”
“แต่พวกนายกลับไม่รู้จักพอ! แต่ยังคงเล่นจนบ่อนของแก๊งมังกรเขียวต้องปิดไปหลายแห่ง แบบนี้ไม่เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกเราหรือยังไง?”
แล้วหลิงหยุนก็หันไปทางเสี่ยวอู่พร้อมกับพูดต่อว่า “ก่อนที่ฉันจะเริ่มเดิมพันกับนาย ฉันก็ขอ นายแล้วไม่ใช่เหรอว่า.. ในเมื่อได้เงินไปพอสมควรแล้ว ก็อย่าถึงกับทําให้พวกเราต้องปิดบ่อนเลย! แล้วจําได้มั้ยว่านายตอบฉันว่ายังไง? นายตอบว่า.. ถ้าพวกเราใจไม่ถึงก็ให้ปิดบ่อนไปซะ!”
“ตอนนี้พวกนายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่ต้องการจะกลับไปง่ายๆแบบนี้นี่ก็เท่ากับว่าพวกนาย ไม่เห็นแก๊งมังกรเขียวอยู่ในสายตาน่ะสิ!”
“พวกนายคิดว่าแก๊งมังกรเขียวเป็นสวนสาธารณะที่พวกนายจะมาเดินเล่นแล้วก็เดินออกไปง่ายๆงั้นรึ? มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก!”
“การที่แก๊งมังกรเขียวไม่จัดการกับพวกนายตั้งแต่แรกไม่ใช่เพราะพวกเราไม่กล้า! แต่มันเป็นกฏ – ใครก็ตามที่มาเล่นพนัน เมื่อชนะและได้เงินไป ก็มีสิทธิ์เดินออกจากบ่อนได้อย่างปลอดภัย!”
เห็นได้ชัดว่า.. หลิงหยุนเปรียบเหมือนเสือที่เต็มไปด้วยเขี้ยวเล็บเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียวเขาก็สามารถทําให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถแม้แต่จะโต้แย้งได้
“เถ้าแก่กง!”
“ครับท่านหัวหน้า!”
“จัดการให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกไปจากบ่อนให้หมด! ผมต้องการคุยกับพวกเขาทั้งห้าเป็นการส่วนตัว!”
“ครับ”
นักพนั้นที่ได้เห็นความสามารถของหลิงหยุนต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนานา และได้เห็ นว่าในที่สุดแก๊งมังกรเขียวเป็นผู้คุมเกม!
ตอนนี้ ภายในบ่อนคาสิโนก็เหลือเพียงเซียนพนันทั้งห้าคน หลิงหยุน ถังเติ้งเสี่ยว อาปิง กงหงกวง และพี่น้องแก๊งมังกรเขียวอีกสองสามคนที่ไว้ใจได้ ส่วนคนอื่นๆก็ออกไปยืนเฝ้าอยู่ด้านนอก
เมื่อทุกคนออกไปหมดแล้ว ภายในห้องก็เงียบสงัดขึ้นมาทันทีเงียบชนิดที่หากเข็มสักเล่มตกก็สามารถได้ยินอย่างชัดเจน
“ทุกคนนั่งลงก่อนแล้วค่อยๆคุยกัน.. ฉันมีสองสามเรื่องที่ต้องพูดกับพวกนาย!”
หลิงหยุนนั่งลงพร้อมกับจ้องมองใบหน้างดงามของหญิงสาวก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงเย็นชา
“เรื่องแรก ไม่ว่าพวกนายจะได้เงินไปจากบ่อนของเราไปเท่าไหร่พวกนายต้องจ่ายคืนมาเป็นสิบเท่า! ไม่อย่างนั้นก็ต้องตัดนิ้วชดใช้”
พูดจบหลิงหยุนก็ยกมือขึ้นชี้ไปที่หญิงสาวหน้าตาสวยงามพร้อมกับยิ้มเย้ยและสั่งว่า “จัดการตัดนิ้วเธอเป็นคนแรก!”
หญิงสาวได้ฟังถึงกับสั่นขึ้นมาทันทีและรีบเอามือทั้งสองข้างซุกไปไว้ใต้โต๊ะพร้อมกับกรีดร้องออกมา..
“นาย. ถ้านายกล้าแตะต้องฉันฉันจะบอกพ่อให้มาจัดการกับนาย!”
หญิงสาวร้องบอกพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและหวาดผวา ด้วยความตกใจจึงรีบยกพ่อของเธอขึ้นมาอ้าง
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “อยากลองมั้ยล่ะว่าผมจะกล้าหรือไม่กล้า?”
พูดจบ.. หลิงหยุนก็ไม่ใส่ใจกับหญิงสาวหน้าตาสะสวยอีกและเริ่มพูดต่อว่า “ข้อสอง.. บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าใครเป็นคนสั่งให้พวกนายมาก่อกวนที่บ่อนของแก๊งมังกรเขียว? พูด!”
ไม่เพียงแค่หลิงหยุนที่คิดเช่นนั้น แม้แต่พี่น้องในแก๊งคนอื่นๆต่างก็คิดเช่นกันต้องมีใครสักคนที่อยากจะลองดีกับแก๊งมังกรเขียวจึงได้เชิญเซียนพนันทั้งห้าคนนี้มา และเรื่องนี้จําเป็นที่หลิงหยุนจะต้องจัดการถอนรากถอนโคนไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาอื่นตามมาไม่จบไม่สิ้น!
เซียนพนันทั้งห้าคนเมื่อได้ยินคําถามของหลิงหยุนต่างก็คิดเหมือนกันว่าหลิงหยุนนั้นช่างมีอํานาจบางอย่างที่ยากจะต้านทานได้ทั้งห้าคนจึงได้แต่ย้ําๆอึ้งๆ
“เอ่อ..”
เซียนพนันทั้งห้าคนต่างก็หันไปมองหน้าชายวัยกลางคนที่เป็นผู้ประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และดูเหมือนว่าในจํานวนเซียนพนันทั้งห้าคนนั้นเขาจะเป็นผู้สั่งการ!
ชายวัยกลางคนถึงกับเหงื่อตกเมื่อถูกหลิงหยุนไล่ต้อนจนมุมจนถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไป แต่หลังจากใคร่ครวญอยู่นานจึงพูดออกมา
“น้องชาย. ทําเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก….”
หลิงหยุนทําเสียงขึ้นจมูกอย่างเย้ยหยันก่อนจะตอบไปว่า “นี่เป็นเรื่องที่พวกนายต้องรับผิดชอบต่างหาก! พวกเราแก๊งมังกรเขียวไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับพวกนาย แต่พวกนายไปรับผลประโยชน์จากคนอื่น แล้วมาก่อกวนแก๊งมังกรเขียวเรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้!”
“เสี่ยวอู๋!”
“ครับ”
“หยิบมีดออกมา.. ถ้าพวกมันยังไม่ยอมพูดอีกนายจัดการตัดนิ้วพวกมันทิ้งได้เลย!”
หลิงหยุนพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเย็นชาและคมกริบราวกับมีดน้ําเสียงก็เย็นยะเยือกราวกับน้ําแข็ง
ตี้เสี่ยวอีดึงมีดสั้นออกมาทันที และแสงของโคมไฟที่ส่องกระทบใบมีดนั้นก็ทําให้ใบ มีดเป็นแสงวูบวาบสะท้อนไปมา..
“ฉันจะถามอีกครั้งว่าจะพูด หรือไม่พูด!” หลิงหยุนพูดเสียงเนิบ
และหลิงหยุนก็ไม่ได้พูดเล่นๆ หรือแค่พูดข่มขู่เท่านั้นเพราะใครก็ตามที่เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเรื่องและไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือว่าชาย เขาก็ไม่เคยปราณีทั้งนั้น!
“ฉันยอมพูดแล้ว!”
สาวสวยเห็นหลิงหยุนเอาจริง ก็ไม่สามารถอดรนทนได้อีกต่อไป พี่ชายทั้งสี่คนที่มาพร้อมกับ เธอนั้น ล้วนร่วมฝึกฝนเล่นการพนันกับเธอมาตั้งแต่เล็กๆ เธอจึงทนเห็นพวกเขาถูกตัดนิ้วทิ้งไม่ได้
“หุ้นส่วนต่างๆของบริษทชิงหยุนโปรดักชั่นเป็นคนจ้างพวกเรามาที่นี่..” หญิงสาวกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดออกไปด้วยเสียงที่เบาราวกับกระซิบ
ทันทีที่คําพูดหลุดออกมาจากปากหญิงสาวนั้น ทั้งหลิงหยุน ถังเมิ่ง และเสี่ยวอู่ต่างก็หันไปมองหน้ากันครู่หนึ่ง จากนั้นทั้งสามคนก็เอาแต่หัวเราะจนตัวงอ!
โธ่เอ๊ย! ที่แท้ก็เป็นคนของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นนี่เอง และเพราะหมดหวังที่จะชนะหลิงห ยุนด้วยกฎหมายพวกมันจึงต้องใช้วิธีนี้
แทบไม่ต้องพูดถึง พวกมันทั้งแค้นและทั้งเกลียดหลิงหยุนจับใจ!
เพราะบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นนั้นถูกหลิงหยุนกับพวกเข้าไปถล่มถึงสองครั้งสองครา ครั้งแรกพวกเขาเข้าไปด้วยกันสามคนและครั้งที่สองตี้เสี่ยวอู่พาพี่น้องแก๊งมังกรเขียวเข้าไป..
นอกจากนี้ หลิงหยุนยังได้จัดการเตะคนของบริษัทชิงหยุนสิบกว่าคนจนต้องกลายเป็นวันที่มาแล้วแม้ว่าเรื่องนี้จะถูกปกปิดไว้ด้วยฝีมือของคนตระกูลหลินซึ่งก็คือหลินเจิ้งกัง และหลี่ยเฟิงแต่พวกมันก็ต้องการเรียกร้องค่าชดเชยที่ทําให้พวกมันเป็นขั้นที่ซึ่งเป็นเงินจํานวนมาก!
ตอนนี้ในเมื่อตี้เสียวขึ้นมาเป็นหัวหน้าของแก๊งมังกรเขียว คนของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นจึงต้องการกลับมาแก้แค้นเขา!
ทั้งสามคนยังคงหัวเราะตัวงอ ในขณะที่เซียนพนันทั้งห้าคน รวมทั้งอาปิง และเถ้าแก่องต่างก็พากันยืนงงและไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดทั้งสามคนจึงได้หัวเราะกันมากมายถึงเพียงนี้
หลิงหยุนเป็นคนแรกที่หยุดหัวเราะ เขากระแอมสองสามครั้ง แล้วจึงเงยหน้าที่แดงก่ําขึ้นพูดกับหญิงสาวต่อว่า
“แล้วบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นให้อะไรกับพวกคุณเป็นการตอบแทน?”
แต่ครั้งนี้หญิงสาวเอาแต่ยืนหน้าแดงกัดฟันแน่น และไม่ยอมพูดอะไรอีก
และความจริงก็คือว่า เดิมทีนั้นบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นติดต่อพ่อของเธอให้ทํางานนี้โดยตรงแต่เมื่อพ่อของเธอเห็นว่าการเข้าไปก่อกวนแก๊งมังกรเขียวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเสี่ยง พ่อของเธอจึงได้ปฏิเสธไป!
แต่หญิงสาวหน้าตาสะสวย และเพิ่งจะฝึกฝนจนเก่งผู้นี้ ด้วยความยะโสโอหังของตนเองจึงแอบไปติดต่อรับงานนี้กับบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นด้วยตัวเอง และชักชวนพี่ๆของเธอให้ มาร่วมด้วย!
ทั้งห้าคนเริ่มต้นด้วยการรับเงินจากบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นมาจํานวนห้าร้อยล้าน สําหรับใช้ เป็นทุนในการเล่นพนันหลังจากประสบผลสําเร็จในครั้งแรกด้วยการทําให้บ่อนของแก๊งมังกรเขียวต้องปิดตัวไปหลายบ่อน
จากนั้นเซียนพนันทั้งห้าคนก็ได้กลับไปรับเงินจากบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นอีกจํา นวนห้าร้อยล้านและครั้งนี้ด้วยเงินจํานวนพันล้านเป้าหมายคือการทําให้ธุรกิจบ่อนคาสิโนของแก๊งมังกรเขียวต้องปิดตัวลงทั้งหมดอย่างถาวร
แต่ผลปรากฏว่า เมื่อพวกเขาทั้งห้าคนกลับมาปรากฏตัวที่จึงดูอีกครั้ง พวกเขากลับต้องพบมากับหลิงหยุนและทําให้พวกเขาสูญเสียเงินหนึ่งพันล้านภายในชั่วพริบตา
หลิงหยุนเห็นหญิงสาวไม่ยอมพูด จึงหันไปมองคนอื่นๆ และกําลังรอให้พวกเขาตอบ..
ชายที่อายุมากที่สุดและดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่ถึงกับถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงยกมือขึ้นผสานกันและโค้งคํานับหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“สหาย.. พวกเราทั้งห้าคนเป็นศิษย์ของอาจารย์เชิ่งลิ่วฉี และนี่คือเพิ่งหยิ่งหยิง เป็นลูกสาวของท่านอาจารย์เรื่องนี้เป็นความผิดของพวกเราทั้งห้าคนเอง ไม่เกี่ยวกับท่านอาจารย์ และท่านไม่เคยรู้เรื่องที่พวกเราทํานี้เลย น้องชายได้โปรดเห็นแก่หน้าท่านอาจารย์ปล่อยพวกเราไปด้วย!”
เชิ่งลิ่วฉีเป็นใครนั้นหลิงหยุนไม่รู้จัก! แต่กงหงกวงและถังเพิ่งนั้นแน่นอนว่าต้องเคยได้ยินและรู้จักชื่อของเชิ่งลิ่วฉีเป็นอย่างดี สีหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนไปทันที และตอนนี้สีหน้าของกงหงกวงก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและร้องออกมาอย่างตื่นเต้นเช่นกัน
“จริงเหรอ.. นี่ศิษย์ของเชิ่งลิ่วฉีจริงๆเหรอ?”
หลิงหยุนเห็นลักษณะท่าทางของถังเมิ่งกับกงหงกวง จึงได้แต่คิดว่าเชิ่งลิ่วฉีผู้นี้คงจะเป็นคนมีชื่อเสียงมากทีเดียวไม่เช่นนั้นทั้งสองคนคงไม่มีสีหน้าท่าทางตื่นเต้นถึงเพียงนี้
ชายที่เป็นพี่ใหญ่นั้นไม่มีทางเลือกเมื่อถูกหลิงหยุนบีบ จึงจําเป็นต้องเอ่ยชื่ออาจารย์ของตนเองออกมาและไม่ลืมที่จะบอกชื่อเพิ่งหยิ่งหยิงด้วย
เมื่อกงหงกวงได้สติจึงรีบเข้าไปกระซิบข้างหูหลิงหยุน “ท่านหัวหน้า จากความสามารถข องพวกเขาทั้งห้าคน พวกเขาน่าจะเป็นศิษย์ของเชิงลิวฉีจริงๆและเชิงลิ่วฉีก็คือโคตรเซียนแห่งวงการพนั้นที่ครองแชมป์พนั้นระดับอาเซียนถึงสามสมัยในเมื่อเขาเองก็ไม่รู้เห็นเรื่องนี้ด้วยเราก็ควรจะเห็นแก่หน้าเขา..”
หลังจากที่กงหงกวงพูดจบยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะได้พูดอะไร คนเป็นพี่ใหญ่ก็พูดขึ้นมาว่า
“ พวกเราเสียพนั้นไปแล้วถึงหนึ่งพันล้านแต่พวกเราได้ไปแค่แปดสิบล้าน นับว่าพวกเราได้ชุดใช้ให้แก๊งมังกรเขียวถึงสิบเท่าแล้วตอนนี้พวกเราทําได้เพียงแค่..”
แล้วคนเป็นพี่ใหญ่ก็หันไปพูดกับเพิ่งหยิ่งหยิงว่า “น้องเล็ก. รีบมาขอขมาสุภาพบุรุษท่านนี้เร็วเข้า!”
เพิ่งหยิ่งหยิ่งทําเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ และหันไปมองพี่ชายคนอื่นๆของเธอ เธอกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า
“ฉันขอโทษ!”
หลิงหยุนหัวเราะ เขาได้รับเงินกลับมาถึงพันล้านแล้วและอีกฝ่ายก็เป็นแค่โคตรเซียน แต่กล้ามาขอให้เขาเห็นแก่หน้างั้นหรือ?
เขาพยักหน้ายิ้ม “ในเมื่อเป็นศิษย์ของเชิงลิ่วฉีจริง ฉันก็จะเห็นแก่หน้าแต่พวกนายเข้ามาป่วนแก๊งมังกรเขียวของเรานานมากพวกเราไม่สามารถให้อภัยและปล่อยไปง่ายๆได้เว้นแต่พวกนายจะยอมจ่ายค่าเสียหายเพิ่มอีกห้าร้อยล้าน!”
“นี่นาย!” เพิ่งหยิ่งหยิงอุตส่าห์ยกพ่อของเธอขึ้นมาอ้างแต่หลิงหยุนกลับยังบีบบังคับพวกเธอ
“พวกเราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นหรอก!” เพิ่งหยิ่งหยิ่งพูดอย่างโมโห
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “มีเท่าไหร่ก็เอามาก่อน ที่เหลือก็เขียนเป็นหนังสือกู้ยืมแทน!”