ยัยหมอวายร้ายที่รัก บทที่ 370 สิ่งหลอกลวงที่สลัดไม่ออก
“รวมตัวอะไร?”
สีหน้าของแสนรักหม่นลงไปทันที เหมือนว่าต่อจากนี้ เขาจะปฏิเสธเรื่องนี้อย่างไม่อดทน
คิวคิวดูอย่างหวาดกลัวอยู่ข้างๆ ตลอด
แต่ชินจังไม่กลัวเลยสักนิด:“ใช่ รวมตัว แด๊ดดี้ แด๊ดดี้ปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้อีกแล้ว ถ้าแด๊ดดี้ไม่ตกลง งั้นผมกับน้องชายก็จะไม่ไปเรียนตั้งแต่วันนี้เลย แล้วก็ พวกเราก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าจะออกไปจากบ้านแล้วไปหาหม่ามี๊ที่เมืองM เลยหรือไม่!”
“……”
ว้าว!!
ทำได้สวยเลย!
คิวคิวยกนิ้วให้พี่ชายเงียบๆ
แสนรักกลับโกรธจนเส้นเลือดที่หน้าผากปูดออกมา ถ้าไม่ใช่เวลานี้พี่ภาได้ยินเสียงผิดปกติจึงรีบวิ่งออกมา
“คุณผู้ชายคะ ในเมื่อเด็กๆ คุยกับหม่ามี๊พวกเขาเรียบร้อยแล้ว งั้นคุณผู้ชายก็อย่าทำลายความสุขพวกเขาเลย หนึ่งปีมีวันเกิดแค่วันเดียว คุณผู้ชายทำให้พวกเขาสมปรารถนาไม่ดีหรือคะ?”
“พี่ภา จะได้ไงล่ะ?เรื่องพวกนี้ มีครั้งแรก ก็จะต้องมีครั้งที่สอง จิตวิทยาพูดว่า พวกเขาจะพึ่งพามัน”
เจอทุกข์ยากซ้ำซ้อนจริงๆ เวลานี้ แครอทก็ดันมาถึง
สีหน้าพี่ภาแย่มาก
แต่ว่า ในฐานะคนใช้ เธอก็ไม่อาจพูดอะไรได้อีก
สรุปคือ สุดท้ายแล้วแสนรักก็ยังไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้
และก็ เพื่อป้องกันชินจังทำสองเรื่องนั้นที่พูดออกมา เขายังสั่งให้บอดี้การ์ดสองคนติดตามพวกเขาตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปด้วย
ชินจังเห็น ก็โกรธทันที:“แด๊ดดี้บ้า แด๊ดดี้ทำให้ผมผิดหวังมาก หม่ามี๊จะมาหาพวกเราเอง แด๊ดดี้กลับยังโกรธเธอ แด๊ดดี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย!”
จากนั้นเขาก็โยนกระเป๋าหนังสือ ร้องไห้แล้ววิ่งกลับไป ไม่ออกมาอีก
ในที่สุดตรงประตูก็เงียบสนิท!
รวมทั้งพี่ภา แครอท และก็คิวคิว ต่างยืนเกร็งทั้งตัวตรงนั้น ไม่มีใครกล้าพูดออกมาสักคำ
ความคิดจิตใจของพี่ภา ก็ทั้งมีความสุขและเศร้า ที่มีความสุข แน่นอนว่าเด็กคนนี้กล้าหาญมาก ถึงได้กล้าพูดคำพูดแบบนี้กับแด๊ดดี้ออกมา ส่วนที่เศร้า ก็คือกำลังกังวลว่า คุณผู้ชายของเธอจะตอบสนองอะไรหรือไม่
แต่ว่า ทำให้เธอผิดหวังมาก แสนรักยืนตรงนั้น ได้แต่ตกตะลึงไปแป๊บหนึ่ง
จากนั้น เขาก็มองเด็กชายที่โยนหนังสือเรียนทิ้งแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบนเพื่อขังตัวเอง ก็รู้สึกโมโหมาก:“ชินจัง ลูกคันตัวใช่ไหม?อยากโดนตีอีกหรือไง?”
คิวคิวที่ยังยืนอยู่หน้าประตูใหญ่:“……”
ในที่สุด ความหวังอันริบหรี่ในดวงตาเล็กๆ พระจันทร์เสี้ยวนั้นก็ดับลง
——
คืนนี้เส้นหมี่นอนไม่หลับนัก
เพราะว่า เธอพบว่าปอร์เช่ผู้เป็นน้องชายยังเย็นชากับเธอ แม้แต่ตอนค่ำที่ทานข้าว เขาก็ยังพูดกับเธอไม่กี่คำ
หรือว่า เขารู้ว่าคณาธิปยังไม่ไป?
เส้นหมี่ถอนหายใจ ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้ไปถึงบริษัทแล้ว ไปหาอีริคแล้วเอาโปรเจกต์เจ้าพ่อบ่อน้ำมันนั้นมาก่อน จากนั้นเธอก็จะได้หาข้ออ้างไม่สนใจเรื่องของคณาธิป
วันถัดมา ปอร์เช่ตื่นมาดูแลรินจัง ก็ยังเมินเฉย
“เอาล่ะ วันนี้ฉันจะไปเอาโปรเจกต์ ได้มาแล้ว ฉันก็จะไป ประเทศC”
“จริงหรือ?”
สายตาปอร์เช่เป็นประกาย
เส้นหมี่ทำอะไรไม่ถูก แต่ว่า ในใจก็รู้สึกถึงความอบอุ่นเล็กน้อย อย่างไม่อาจสัมผัสได้
เพราะว่า มีแค่คนในครอบครัว ถึงใส่ใจเธอขนาดนี้ เมื่อก่อนคณาธิปหลอกเธอ เด็กผู้ชายตรงหน้าที่เป็นน้องชายของเธอ ก็ต้องไม่อยากให้เขาเข้าใกล้เธออยู่แล้ว
ปอร์เช่ไปส่งเส้นหมี่ที่บริษัทอย่างมีความสุข
สองชั่วโมงถัดมา เส้นหมี่ได้โปรเจกต์นั้นมาจากในมืออีริคจริงๆ
แต่ว่า ตอนที่เธอออกมา อีริคกลับบอกเธอเรื่องหนึ่ง:“สวยใส ถ้าคุณจะไปทำโปรเจกต์นี้ ทางที่ดีคุณพาทนายไปด้วยหนึ่งคน”
“ทำไมคะ?”เส้นหมี่ไม่เข้าใจอย่างมาก“ทำไมฉันต้องพาทนายไปด้วย?เมื่อก่อนไม่เคยมีแบบนี้มาก่อน”
อีริคพยักหน้า ไม่ปฏิเสธเธอ
แต่ว่า เขาหยิบเอกสารฉบับหนึ่งที่อีกฝ่ายแฟกซ์มาให้จากในลิ้นชัก แล้วยื่นให้เธอทันที
“ตรงนั้นเป็นพื้นที่เสี่ยงอันตรายสูง ดังนั้นเวลาที่คุยเรื่องธุรกิจ ปกติแล้วจะทำธุรกรรมตรงนั้นเลย ถ้ามีทนายความ สามารถรับประกันสัญญาและเงินได้”
“……”
สุดยอดเลย ดันมีธุรกรรมตรงนั้นสดๆ ด้วย!
เส้นหมี่หมดหนทาง:“โอเค งั้นคุณจัดมาให้ฉันคนหนึ่ง ฉันจะไปกับเขา”
อีริคหัวเราะทันที:“จัดการให้คุณแล้ว”
“ใคร?”
“ทนายธิปไง เขาเป็นทนายชั้นดี ถึงตอนนั้นคุณพาเขาไป ไม่มีขาดทุนแน่”อีริคนี้ ดันทำเหมือนว่าตัวเองเก็บของมีค่าได้งั้นแหละ
เส้นหมี่อยากด่าคนจริงๆ
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?ทำไมคนๆ นี้ถึงเหมือนกับสิ่งหลอกลวง ที่สลัดไม่ออกนะ?
เส้นหมี่หมดความอดทน!
เธอพูดกับอีริคว่า ถ้าไม่เปลี่ยนทนายความให้เธอใหม่ งั้นโปรเจกต์นี้เธอก็ไม่ทำแล้ว
กลับถึงบ้าน ปอร์เช่ก็ถามถึงเรื่องนี้จริงๆ
เส้นหมี่หมดหนทาง ได้แต่พูดกับเขาอย่างอ้อมแอ้ม แต่ว่า เธอรับประกันกับเขาอีกครั้ง เรื่องนี้เธอปฏิเสธไปแล้ว เธอขอให้อีริคจัดหาทนายให้เธอใหม่
แต่ที่แปลกคือ วันนี้พอปอร์เช่ได้ยิน กลับไม่ได้โมโหออกมา
“ผมเข้าใจแล้ว”
“หือ?”
เส้นหมี่รู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อยกับความนิ่งเฉยที่ผิดปกติแบบนี้ของเขา
เขาไม่โกรธแล้วหรือ?