ตอนที่ 1631 เคล็ดวิชาหลอมอาวุธสวรรค์ทมิฬ

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

ไข่มุกกลมสีดำแวววาวเม็ดหนึ่งมีขนาดเท่าไข่ไก่ ผิวของมันแผ่ไอสีดำอ่อนออกมา นั่นคือไอทมิฬเที่ยงแท้ที่บริสุทธิ์มาก

 

 

นี่คือเป้าหมายการเดินทางของหานลี่ในครั้งนี้ แกนมารของมารอสูรระดับศักดิ์สิทธิ์!

 

 

มีเจ้าสิ่งนี้เขาก็สามารถซ่อมแซมเกราะมารเหนือฟ้าชิ้นนั้นได้แล้ว แม้ว่าจะไม่อาจคาดเดาอานุภาพที่แม่นยำของเกราะมารได้ แต่คิดดูแล้วคงไม่ด้อยไปกว่าเกราะสงครามสีม่วงที่เก็บมาเมื่อครู่แน่

 

 

น่าเสียดายเกราะสงครามวานรมารชิ้นนั้นถูกหลอมไปจนหมดแล้ว แม้ว่าเขาจะเอามาบวงสรวงใหม่ เดาว่าอานุภาพก็ลดลงไปเป็นอย่างมาก จึงไม่มีค่าอะไรสำหรับเขา

 

 

หานลี่ครุ่นคิดอย่างเสียดาย พลิกฝ่ามือ กล่องหยกสีดำใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ

 

 

เปิดฝากล่องออก มือหนึ่งชี้ไปที่แกนมาร

 

 

ชั่วขณะนั้นลำแสงสีดำในกล่องพลันม้วนวนออกมา หลังจากเปล่งแสงสว่างวาบก็ดูดแกนมารเข้ามาข้างใน

 

 

จากนั้นหานลี่ก็ปิดฝา สะบัดมืออีกข้างหนึ่ง ยันต์วิเศษสีทองเงินสองแผ่นปรากฏขึ้น พลิ้วไหวแล้วแปะไปบนฝากล่อง

 

 

ท่ามกลางลำแสงสีทองเงิน ไอมารที่แต่เดิมแผ่ออกมาจากกล่องหยกจางๆ พลันหายไป ถูกปิดผนึกเอาไว้ในกล่อง

 

 

หานลี่เก็บกล่องหยกใบนั้นไปอย่างไม่รีบร้อน แล้วถึงได้พิจารณาของอีกสิ่งอย่างละเอียด

 

 

ใบมีดชำรุดที่เปล่งแสงสีม่วงอ่อนระยิบระยับ!

 

 

หานลี่มองสมบัติชิ้นนี้ ใบหน้ามีสีหน้าแปลกประหลาด ทั้งตื่นเต้นดีใจ ทั้งฉงนสงสัย

 

 

“สมบัติสวรรค์ทมิฬ? แต่ดูเหมือนว่าอานุภาพจะไม่ต่างจากที่ตนเองคิดเอาไว้มากนัก และไม่ค่อยเหมือนนัก หรือว่าจะเป็นเพราะสมบัติชิ้นนี้ไม่สมบูรณ์แบบ!” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง พลางเอ่ยพึมพำกับตนเอง

 

 

 เขาไม่ได้ก้าวเข้าไปเคลื่อนย้ายใบมีดชำรุด แต่กลับหลับตาทั้งสองข้างลง จิตสัมผัสโคจรไปมาในเรือนร่าง ตรวจสอบสถานการณ์ตามจุดต่างๆ อย่างละเอียด

 

 

สุดท้ายแม้กระทั่งร่ายอาคมลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นบนเรือนร่าง ปล่อยเทวรูปสามเศียรหกกรออกมาอีกครั้ง แล้วกวาดจิตสัมผัสไปเช่นกัน

 

 

ผลคือหานลี่มีสีหน้าดูไม่ได้ไปเล็กน้อย

 

 

ยามนี้พลังปราณในร่างของเขาไม่เพียงจะเหือดหายไปครึ่งหนึ่ง เทวรูปพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้หดตัวเล็กลงกว่าครึ่ง เดาว่าหากไม่ฝึกฝนอย่างหนักสักยี่สิบสามสิบปี ก็ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้

 

 

เรียกได้ว่าเสียหายอย่างหนัก

 

 

สิ่งเดียวที่โชคดีก็คือการใช้ผลสวรรค์ทมิฬแปลงเป็นสมบัติกระบี่ในครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้โลหิตบริสุทธิ์ในร่างไหลออกไปอย่างรวดเร็ว และไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณเที่ยงแท้เสียหายอะไร

 

 

ทว่าหานลี่เองก็รู้ดีว่าการสับลงมาของกระบี่สวรรค์ทมิฬในครั้งนี้ด้อยกว่าครั้งที่แล้ว อานุภาพไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน

 

 

หนึ่งในเหตุผลนั้นเดาว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้กายเนื้อกระตุ้นสมบัติสวรรค์ทมิฬ แต่ใช้พลังของเทวรูปควบคุมสมบัติชิ้นนี้แทน นอกจากนี้อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะการที่กระบี่สวรรค์ทมิฬปรากฏตัวขึ้นในครั้งนี้ ก็เพราะถูกพลังกฎเกณฑ์ของใบมีดชำรุดเล่มนั้นกระตุ้น

 

 

เช่นนั้นแม้ว่าการใช้กระบี่สวรรค์ทมิฬในครั้งนี้อานุภาพจะลดลงก็ตาม แต่ก็โชคดีที่สังหารวานรมารได้ และไม่ทำให้ตนเองสูญเสียพลังปราณทั้งหมดไปอีกครั้ง

 

 

แม้ว่าใบมีดชำรุดตรงหน้าจะสามารถควบคุมพลังกฎเกณฑ์ฟ้าดินอื่นๆ ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่อาจเทียบกับสมบัติกระบี่ที่สร้างขึ้นจากผลสวรรค์ทมิฬได้ นี่จึงทำให้หานลี่รู้สึกสงสัยว่าสมบัติชิ้นนี้เป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬจริงหรือไม่

 

 

แต่สามารถฟันเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ให้ขาดได้ในดาบเดียว ต่อให้ใบมีดนี้จะไม่ใช่สมบัติสวรรค์ทมิฬ ก็ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติวิญญาณสะท้านฟ้าธรรมดาๆ จะเทียบเทียมได้

 

 

เขากลับมีแนวโน้มจะคิดว่าเป็นเพราะสมบัติใบมีดชำรุดชิ้นนี้มีอยู่ไม่ครบองค์ประกอบ ถึงได้ทำให้อานุภาพลดลงและถูกวานรมารควบคุมเอาไว้

 

 

แน่นอนว่าอาจเป็นเพราะว่าสมบัติชำรุดชิ้นนี้มีพลังกฎเกณฑ์แฝงอยู่ ตัวมันเองก็เป็นสมบัติที่มีอานุภาพต่ำที่สุดในบรรดาสมบัติสวรรค์ทมิฬ หรืออาจจะถูกพลังกฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ในกระบี่สวรรค์ทมิฬควบคุมเอาไว้เข้าพอดี เมื่อพลังกฎเกณฑ์ทั้งสองปะทะกัน จึงได้เผยท่าทีอ่อนแอออกมา

 

 

หานลี่ขบคิดอย่างรวดเร็ว ผ่านไปชั่วครู่ก็วิเคราะห์แยกแยะอีกฝ่ายได้เจ็ดแปดส่วน

 

 

แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นสายตาที่หานลี่มองไปยังใบมีดชำรุดสีม่วงเล่มนั้น กลับยิ่งร้อนแรงขึ้น

 

 

แม้ว่าเขาจะไม่อาจควบคุมกระบี่สวรรค์ทมิฬที่ผนึกอยู่ในแขนของเขาได้ แต่หากเปลี่ยนเป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬที่อานุภาพลดลงเป็นอย่างมากชิ้นนี้ ก็น่าจะมีหวังที่จะควบคุมได้

 

 

มิเช่นนั้นวานรมารที่พลังยุทธ์ลดลงจนอยู่ในระดับที่ไม่แตกต่างกับเขา และในสภาวะที่ไม่ได้สูญเสียกายเนื้อไป จะควบคุมใบมีดชำรุดนี้มาโจมตีเขาได้อย่างไร

 

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง กดความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ หานลี่ยกมือขึ้น นิ้วทั้งห้าร่ายไปมาเบาๆ หมอกลำแสงสีเทาห้ากลุ่มพ่นออกมาจากปลายนิ้ว ม้วนเอาใบมีดชำรุดสีม่วงเอาไว้ข้างใน

 

 

เสียง “ฟู่” ดังขึ้น!

 

 

เมื่อหมอกลำแสงสีเทาเข้าประชิดใบมีดชำรุด ก็ถูกลำแสงสีม่วงที่แผ่ออกมาจากผิวของอีกฝ่ายต้านทานเอาไว้ จากนั้นใบมีดชำรุดก็หมุนคว้าง หมอกสีเทาทยอยกันสลายตัวออกแล้วล่าถอยไปทันที คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจเข้าใกล้ใบมีดนี้ได้เลยสักนิด

 

 

หานลี่พลันขมวดคิ้วแต่พลันยื่นแขนสีขาวบริสุทธิ์ดุจหยกตัดอีกข้างหนึ่งออกมา พ่นเปลวเย็นเยียบห้าสีหมุนวนออกไป

 

 

แต่หลังจากนั้นเสียงระเบิดดังอึกทึกพลันดังขึ้น เปลวเย็นเยียบห้าสีไม่อาจเข้าไปในใบมีดชำรุดเล่มนั้นได้เช่นกัน

 

 

ในที่สุดใบหน้าของหานลี่ก็เผยสีหน้าตกตะลึงออกมา แต่หลังจากที่ลูบใต้คางพลางขบคิดแล้ว ฉับพลันนั้นก็เผยสีหน้าถึงบางอ้อ ยกมือขึ้นอีกครั้ง แต่กลับเปลี่ยนเป็นสีทองเรืองรอง ในเวลาเดียวกันก็พ่นหมอกลำแสงสีทองออกมา ตรงไปหาใบมีดชำรุด

 

 

ครั้งนี้ใบมีดชำรุดสีม่วงเล่มนั้นกลับม้วนเอาลำแสงสีทองเข้าไปอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วถูกดึงมาอยู่ด้านหน้าของหานลี่

 

 

หานลี่เผยสีหน้ายินดีออกมาพลางจ้องเขม็งพินิจสมบัติตรงหน้าอย่างละเอียด

 

 

เห็นเพียงสมบัติชิ้นนี้ดูคล้ายจะโปร่งใส ลำแสงสีทองรอบด้านถูกตัวมีดค่อยๆ ดูดซับเข้าไปทีละนิดๆ ลำแสงสีทองที่ห่อหุ้มสัตว์วิญญาณที่อยู่ด้านในใบมีดชำรุดค่อยๆ หนาขึ้น เดิมที่มีสีหน้าเฉื่อยชาค่อยๆ สดใสขึ้น และสะบัดหัวสะบัดหางแหวกว่ายอยู่ในใบมีดอย่างคึกคัก

 

 

ส่วนใบมีดที่เดิมมีสีม่วงกลับค่อยๆ มีลำแสงสีทองอ่อนๆ รั่วไหลออกมา คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนว่าถูกเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ของหานลี่หลอมไปจนเกลี้ยง

 

 

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หานลี่พลันตกใจจนสะดุ้งโหยง จากนั้นก็รู้สึกยินดี

 

 

ใบมีดชำรุดสวรรค์ทมิฬชิ้นนี้ควบคุมง่ายเกือบแปดเก้าส่วนไปหน่อยกระมัง เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าขอแค่ใส่ไอมารที่ผสมเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้เข้าไป ก็ดูเหมือนว่าจะควบคุมสมบัติชิ้นนี้ได้ทันที

 

 

ตอนนี้เขาแทบจะมั่นใจได้สิบส่วนแล้วว่าใบมีดชำรุดเล่มนี้เป็นสมบัติสวรรค์ทมิฬที่ถือกำเนิดจากแดนมาร มิเช่นนั้นคงไม่มีทางมีปฏิกิริยาตอบสนองกับไอมารบริสุทธิ์ที่รุนแรงถึงเพียงนี้

 

 

หลังจากลังเลเล็กน้อย ความคิดของหานลี่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นบนเรือนร่างก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ เกล็ดสีทองเรืองรองบนผิวปรากฏขึ้นอีกครั้ง

 

 

คาดไม่ถึงว่าเขาจะโคจรเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้จนมาถึงขีดสุด กลุ่มลำแสงสีทองดูเหมือนจะทะลักไปหาใบมีดชำรุดราวกับระลอกคลื่น

 

 

ใบมีดชำรุดเองก็กลืนกินลำแสงสีทองอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แทบจะในช่วงสองสามลมหายใจ คาดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนจากสีม่วงเป็นสีทองบริสุทธิ์ แต่ความเร็วที่ใบมีดนี้กลืนกินกลับไม่เชื่องช้าลงเลยแม้แต่น้อย กลับเป็นสัตว์วิญญาณนิรนามในนั้นที่เริ่มมีท่าทีมีความสุข ร่างกายก็กลายเป็นสีทองเรืองรองเช่นกัน

 

 

หานลี่กลับสัมผัสได้ว่าเสียเปรียบเป็นอย่างมาก พลังปราณที่เหลืออยู่ของเขาถูกใบมีดชำรุดดูดไปหนึ่งในสามส่วนในชั่วพริบตา

 

 

ทันใดนั้นเขาก็สลายลำแสงสีทองบนร่างออก จากนั้นใบมีดชำรุดสีทองในมือก็เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วจมหายเข้าไปในแขนเสื้อของเขาหายวับไปอย่างไร้เงา

 

 

แม้ว่าจะยังหลอมสมบัติชิ้นนี้ไม่เสร็จ แต่ก็พอจะควบคุมได้ สำหรับเขาในยามนี้ก็เพียงพอแล้ว

 

 

เขาไม่มีทางสูญเสียลมปราณทั้งหมดอย่างโง่เขลาอยู่ที่นี่แน่

 

 

หานลี่ครุ่นคิดไปพลาง ควักขวดเล็กๆ หลากสีสันสองสามขวดออกมาจากกำไลเก็บของอย่างรวดเร็วไปพลาง เทยาลูกกลอนออกมาจากขวด ขวดละสองสามเม็ด แล้วกลืนลงไปทีเดียว

 

 

แน่นอนว่ายาลูกกลอนเหล่านี้ล้วนเป็นยาลูกกลอนที่สามารถฟื้นฟูพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะไม่อาจทำให้เขาอยู่ในสภาพที่พรั่งพร้อมในทันที แต่ก็ยังดีกว่าไม่มี

 

 

จากนั้นมือข้างหนึ่งของหานลี่ก็มีแสงสีเขียวมรกตเปล่งแสงสว่างวาบ ศิลาวิญญาณระดับสุดยอดสีเขียวมรกตก้อนหนึ่งปรากฏออกมา

 

 

ขณะที่มันกำลังเปล่งแสงสีเขียวมรกตระยิบระยับ ก็เริ่มดูดซับพลังวิญญาณบริสุทธิ์จากศิลาวิญญาณ

 

 

ในสถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ เขาไม่มีทางเสียดายศิลาวิญญาณอะไรแน่

 

 

ทว่าเมื่อสายตาของหานลี่ตกอยู่ที่จุดตันเถียนที่ถูกเปิดออกจนเป็นรูบนซากแห้งของวานรมารอีกครั้ง สีหน้าพลันเปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าจะนึกอะไรออก

 

 

สายตาพิจารณาซากแห้งนั้นอย่างละเอียดสองแวบ คาดไม่ถึงว่าจะไม่พบสิ่งของจำพวกกำไลเก็บของ

 

 

หานลี่พลันขมวดคิ้ว ชูมืออีกข้างหนึ่งขึ้น กำไลสีดำบินออกมา หลังจากวนล้อมรอบซากแห้งรอบหนึ่ง ก็เปล่งแสงสีขาวออกมา ดูดซากแห้งเข้าไปข้างใน จากนั้นก็บินกลับมา

 

 

จากนั้นร่างของหานลี่พลันพลิ้วไหว กลายเป็นสายรุ้งสีโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมา แค่กะพริบวาบๆ ร่างกายก็มาปรากฏในห้องโถงที่ว่างเปล่า

 

 

ทั้งห้องโถงนอกจากเขตอาคมที่เสียหายไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว ก็แทบจะไม่มีสิ่งใดอีก

 

 

สาเหตุที่เรียกว่า ‘แทบ’ ก็เพราะหานลี่มองเห็นเตียงหยกสีโลหิตเตียงนั้นที่วางนิ่งอยู่ตรงมุมห้อง มันกำลังเปล่งแสงสีโลหิตเลือนๆ

 

 

หานลี่กวาดสายตาไปรอบด้าน เมื่อมั่นใจว่านอกจากสิ่งนี้ ที่นี่ก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยอีก จึงยกมือขึ้นกวักเรียกอย่างไม่เกรงใจในทันที

 

 

ชั่วขณะนั้นเตียงสีโลหิตที่ดูเหมือนหนักอึ้งก็ลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ แล้วหมุนติ้วๆ พลางพุ่งเข้ามา

 

 

แต่เมื่อเตียงนี้บินมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่ มือข้างหนึ่งก็ตบออกไปกลางอากาศ เตียงโลหิตหยุดชะงักแล้วลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น

 

 

หานลี่มองขึ้นลองสองแวบ ไม่ได้พบความผิดปกติอะไรที่ภายนอก จากนั้นก็กวาดจิตสัมผัสไป แต่เมื่อสัมผัสกับผิวของเจ้าสิ่งนี้ คาดไม่ถึงว่าจะถูกดีดกลับมา

 

 

คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจแผ่จิตสัมผัสเข้าไปในเตียงโลหิตเตียงนี้ได้

 

 

หานลี่ไม่ตกตะลึงแต่กลับดีใจ แต่แววตาพลันฉายแสงสีฟ้าสว่างวาบ สำแดงอิทธิฤทธิ์ของเนตรวิญญาณออกมาทันที หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เขาก็ร้องออกมาว่า “เอ๋” ใบหน้าเผยสีหน้าเคร่งขรึม ยกแขนขึ้นอีกครั้ง พลางร่ายอาคมโจมตีไปทางเตียงโลหิต

 

 

ฉากที่ลึกลับพลันปรากฏขึ้น!

 

 

ฉับพลันนั้นเตียงโลหิตพลันเปล่งแสงสีโลหิตสว่างวาบ อักขระโบราณสีเงินขนาดเท่ากำปั้นปรากฏขึ้นบนเตียงโลหิต จากนั้นก็หมุนโคจรรอบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคัมภีร์ลึกลับตรงหน้าหานลี่

 

 

“ตัวอักษรลูกอ๊อดสีเงิน!”

 

 

หานลี่มองปราดเดียวก็รู้ที่มาของตัวอักษรสีเงินเหล่านั้น ชั่วครู่ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ทันใดนั้นก็รู้สึกตกตะลึงระคนดีใจผสมปนเปกัน

 

 

ตัวอักษรนี้มาปรากฏบนเตียงโลหิตได้อย่างไร และยังตกอยู่ในมือของวานรมารระดับศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้

 

 

ในใจของหานลี่เต็มไปด้วยความรู้สึกสงสัย แต่ไม่ทันได้คิดมาก สายตาก็กวาดไปที่คัมภีร์ม้วนนั้นอย่างรวดเร็ว

 

 

ผลคือพลันหน้าเปลี่ยนสีเป็นแปลกประหลาด

 

 

“เคล็ดวิชาหลอมอาวุธสวรรค์ทมิฬ”

 

 

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขาถึงได้เอ่ยพึมพำออกมา ท่าทางเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่อยากจะเชื่อ