ถังซีตื่นแต่เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ลงไปเล่นโยคะที่สนามก่อนเข้าร่วมรับประทานอาหารเช้า ก่อนที่เธอจะทานอาหารเช้าเซียวหงลี่กับครอบครัวก็มาหา เมื่อถังซีเห็นพวกเขาดวงตาเธอเปี่ยมด้วยประกายความตื่นเต้น เธอรีบวิ่งไปหาพวกเขา “คุณพ่อคุณแม่ พี่ส่า… พี่เหยา พี่กลับมาแล้วเหรอคะ”
เซียวเหยายิ้มให้ถังซี ลูบผมเธอเหมือนปกติ แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “ใช่จ้ะ พี่ได้ยินเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับคุณป้าทันทีที่กลับมาจากเมืองหลวง และพี่ประหลาดใจมากที่น้องสาวพี่ไม่อยู่บ้าน! ถ้าเราอยากเจอเธอเราต้องมาที่นี่แต่เช้า ไม่อย่างนั้นเราจะไม่ทันได้เห็นเธอแม้แต่แวบเดียว”
ถังซียิ้ม ชวนพวกเขาทานอาหารเช้ากับเธอ เมื่อมาถึงตอนนี้คุณปู่เซียวก็ออกมาจากห้อง ทุกคนทักทายท่านด้วยความเคารพ ท่านพยักหน้าและมองเซียวเหยาด้วยสายตาชื่นชม เซียวเหยายืนตัวตรง ท่านกล่าวกับเขาว่า “ปู่ได้ยินเรื่องการเลื่อนยศของเธอแล้ว เธอคือความภาคภูมิใจของตระกูลเรา ปู่ภูมิใจในตัวเธอมาก”
เซียวเหยายิ้มและขอบคุณคุณปู่เซียว จากนั้นก็ทักทายเซียวหงอี้ที่เดินอกมาจากห้องทานอาหาร ความตึงเครียดระหว่างสองครอบครัวคลี่คลายลงแล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เซียวหงอี้เชิญชวนพวกเขาให้ร่วมทานอาหารเช้าด้วยท่าทางอ่อนโยน แต่เซียวเจี่ยนไม่ชอบใจการมาเยี่ยมของพวกเขา เขารู้ดีว่าน้องสาวเขาใส่ใจครอบครัวนี้มากแค่ไหน ถ้าพวกเขามาเยี่ยมแบบนี้เซียวโหรวจะเห็นแต่พวกเขาเท่านั้นในสายตา
หยางจิ้งเสียนบอกว่าพวกเขาทานอาหารเช้ามาแล้ว ทุกคนแค่อยากมาเยี่ยมหลินหรูกับเซียวโหรว ถังซีกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูไปทานอาหารเช้าก่อนนะคะ” เซียวเหยาตามเธอไปและกล่าวว่า “ให้พี่ไปส่งเธอไปโรงเรียนนะ”
ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองเซียวเหยา “พี่เหยาจะไปส่งฉันเหรอ”
เซียวเหยากล่าวว่า “พี่ไม่ได้ไปส่งเธอไปโรงเรียนนานมากแล้ว เดี๋ยวบ่ายวันนี้พี่จะเดินทางไปเม็กซิโก ให้พี่ไปส่งเธอเถอะนะ”
ถังซีขมวดคิ้วเมื่อได้ยินอย่างนี้ “พี่ไปทำไมคะ ที่เม็กซิโก”
เซียวเหยายิ้ม และขณะที่เขากำลังจะพูดถังซีก็กล่าวขึ้นอีก “พี่ยังไม่หายดี ทำไมหน่วยงานพี่ถึงส่งพี่ไปเม็กซิโกช่วงนี้! เจ้านายพี่คิดว่าพี่เป็นไอรอนแมนเหรอ”
เซียวเหยารู้สึกอบอุ่นหัวใจเมื่อเขาเห็นถังซีเป็นห่วง เขาจ้องมองถังซีและพูดอยู่ในใจว่า ‘นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้พี่รักเธอมาเนิ่นนาน เธอใส่ใจพี่เสมอ…’
เมื่อรู้สึกถึงสายตาเซียวเหยาที่จ้องมองมา ถังซีก็รู้สึกผิดและถามว่า “พี่เหยา กำลังคิดอะไรอยู่คะ”
เซียวเหยากล่าวว่า “พี่คิดว่าน้องสาวพี่ช่างแสนดี เธอใส่ใจพี่จริงๆ” เขาหยุด มองถังซีที่กำลังทานโจ๊กแล้วกล่าวต่อไป “ไม่ต้องห่วงหรอก ครั้งนี้พี่ไม่ได้ไปจัดการกับผู้ก่อการร้าย แต่ไปตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่ง ไปตรวจสอบเบื้องหลังเป็นการลับ เพราะฉะนั้นพี่จะไม่เป็นอะไร”
ถังซีพยักหน้า แม้จะเป็นห่วงเซียวเหยามากแค่ไหน แต่เธอไม่สามารถบอกให้เขาลาออกจากงานได้ เธอรู้ว่าเขารักงานของเขามาก ไม่ว่าจะเป็นอันตรายแค่ไหนเขาก็จะไม่เลิกทำงานนี้ ไม่มีทางแม้ว่าจะขอให้ทำเพื่อเธอก็ตาม
ในขณะนั้นเซียวเจี่ยนก็เดินเข้ามา และเห็นถังซีกับเซียวเหยานั่งอยู่ด้วยกัน พูดคุยกันอย่างสนิทสนม ถังซียิ้มแย้มขณะทานโจ๊ก ดูเหมือนทั้งสองจะมีเรื่องพูดคุยกันมากมาย เขาขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงตอนที่เขาพยายามคุยกับน้องสาว เธอมักจะตอบเพียงไม่กี่คำ และดูท่าทางจะรำคาญนิดหน่อยด้วยซ้ำ เขากับเธอดูไม่เหมือนพี่ชายกับน้องสาวแท้ๆ เลย เขายิ้มและกล่าวว่า “โหรวโหรว คุณอาหญิงถามว่าเธอทานอาหารเช้าเสร็จหรือยัง ไปหาคุณอาหน่อยถ้าเธอทานเสร็จแล้ว”
ถังซีเงยหน้าขึ้นมองเซียวเจี่ยน “คุณแม่เรียกหาฉันเหรอคะ”
คำว่า ‘คุณแม่’ นั้นเหมือนกับหนามแหลมคมทิ่มแทงหัวใจเซียวเจี่ยน เขาขมวดคิ้วและพยักหน้า “ใช่ ทานข้าวให้เสร็จก่อน พี่ต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะระหว่างทางไปโรงเรียน”
ถังซีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แล้วก้มหน้าก้มตาทานโจ๊กให้เสร็จ เซียวเหยาซึ่งนั่งตรงกันข้าม มองดูเธอกลืนโจ๊กแล้วส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีใครแย่งโจ๊กของเธอหรอก ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้น” จากนั้นเขาก็ถามว่า “พวกเขาใจดีกับเธอไหม”
ถังซีพยักหน้า “ใจดีมากค่ะ บางทีฉันยังรู้สึกด้วยซ้ำว่าพวกเขาเอาใจฉันมากเกินไป คงอยากจะ… ชดเชยให้ฉันมั๊ง เรื่องมาถึงขั้นแล้ว ฉันคิดว่าฉันน่าจะให้โอกาสพวกเขา พี่เหยา…”
“พี่รู้ พี่เข้าใจเธอ เธอเป็นเด็กดีเสมอ เธอแค่ไม่รู้ว่าจะบอกกับตัวเองยังไงก่อนหน้านี้ ตอนนี้เธออยากทำแบบนี้ เธอก็ควรทำตามหัวใจของเธอ” เซียวเหยามองหน้าถังซีด้วยรอยยิ้ม และกล่าวอย่างอ่อนโยน “เสี่ยว…ซี โปรดจำไว้ว่าเธอไม่ได้เป็นหนี้ใคร เธอเพียงแค่เป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณพวกเราเลย ตกลงไหม”
ดวงตาถังซีแดงเรื่อ เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่นและกล่าวว่า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ พี่เหยา ขอบคุณนะคะ”
เซียวเหยาลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือให้ถังซี “ไปกันเถอะน้องรัก ให้พี่ไปส่งเธอที่โรงเรียนนะ”
ถังซีลุกขึ้น ปัดมือเซียวเหยาเบาๆ แล้วเดินออกไป เซียวเหยามองมืออันว่างเปล่าของตัวเอง เลิกคิ้วแล้วดึงมือกลับ ในไม่ช้าเขาก็ปรับสีหน้ากลับสู่ปกติแล้วเดินตามออกไป
หยางจิ้งเสียนถามถังซีถึงอาการของหลินหรู ถังซีเล่าให้เธอฟังอย่างละเอียดแล้วกล่าวว่า “บางทีแม่อาจลุกขึ้นยืนได้ภายในหนึ่งเดือนค่ะ แล้วหนูก็จะได้กลับบ้าน”
เมื่อหยางจิ้งเสียนได้ยินว่าอีกไม่นานถังซีจะได้กลับบ้าน ดวงตาเธอก็เป็นประกาย “จริงๆ หรือ”
ถังซีพยักหน้า เซียวหงอี้ซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาขมวดคิ้ว เมื่อได้ยินว่าถังซีจะกลับไปในอีกหนึ่งเดือน หลังจากถังซี เซียวเหยาและเซียวส่าออกไปแล้ว เขาก็กล่าวกับเซียวหงลี่และหยางจิ้งเสียนว่า “น้องรอง จิ้งเสียน เรามาคุยอะไรกันหน่อยสิ”
เซียวหงลี่ยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ และกล่าวอย่างเฉียบขาด “พี่ครับ ผมไม่มีอะไรจะคุยกับพี่ ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับโหรวโหรว ผมคิดว่าพี่ยังจำสิ่งที่พี่พูดในตอนนั้นได้ ใช่ไหมครับ พี่เงียบไปเลยดีกว่า ถ้าไม่อยากทำลายความเป็นพี่น้องของเรา เราสนใจแค่ความรู้สึกของโหรวโหรวเท่านั้น ถ้าเธออยากกลับไปอยู่กับเรา เรายินดีต้อนรับเธออย่างแน่นอน”
คุณปู่เซียวซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ มองหน้าเซียวหงอี้แล้วแอบถอนหายใจ จากนั้นท่านก็กระแทกไม้เท้าลงกับพื้นและกล่าวด้วยความโกรธ “ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะไม่มีใครจะพูดถึงเรื่องนี้อีก! ในเมื่อแกเองเป็นคนที่ไม่ต้องการโหรวโหรวแต่แรก แกจะอยากให้เธอกลับมาอยู่ด้วยตอนนี้ได้ยังไง แกยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีกได้ยังไง!”
“คุณพ่อ!” เซียวหงอี้โวยวาย “แต่โหรวโหรวเป็นลูกสาวของอาหรูกับผมนะครับ คุณพ่อเข้าข้างน้องรองขนาดนี้ ให้เขาแย่งลูกสาวเราไปเป็นลูกเขาได้ยังไง”
“อะไรนะ” คุณปู่เซียวคำรามอย่างโกรธเคือง “แกขับไล่ลูกสาวของแกออกไปอยู่ข้างถนน และยกลูกสาวให้น้องชายแกเอง! ฉันจะบอกอะไรให้นะ ถ้าแกกล้าพูดถึงเรื่องนี้อีก ฉันจะไล่แกออกจากตระกูลเซียว!”