บทที่ 160  คับขัน

เมื่อถูกจ้องมองโดยผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาที่เต็มไปด้วยรังสีเข่นฆ่าเป็นจำนวนมาก มี่ตั้วตั้วรู้สึกว่าสถานการณ์ตอนนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง

ขณะนี้เขากำลังพยายามติดต่อไปยังเผ่าอสูรทมิฬสงครามอีกครั้งเพื่อจ้างอสูรทมิฬอีกชุดหนึ่ง โดยใช้เหรียญคริสตัลที่เขาเพิ่งได้มาจากการประมูล

ในเมื่ออสูรทมิฬเพียง 3 ตนนั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นเขาจะอัญเชิญอสูรทมิฬมาอีกสัก 30 ตน มันก็ควรจะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้จริงไหม?

แต่น่าเสียดายที่มี่ตั้วตั้วในตอนนนี้เขายังไม่รู้ว่าเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์นั้นไม่สามารถใช้ติดต่อกันได้ เขาจำเป็นต้องรอให้ผ่านชั่วระยะเวลาหนึ่งไปก่อน มันถึงจะสามารถใช้อีกครั้งหนึ่ง

มี่ตั้วตั้ว ขณะนี้เมื่อลองติดต่อเผ่าอสูรทมิฬสงครามไปอยู่หลายครั้งผ่านเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับมา เขาจึงเริ่มเอะใจได้ว่าสมับติวิเศษของเขาอาจจะมีเงื่อนไขอะไรบางอย่างทำให้ไม่สามารถใช้งานติดต่อกันได้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ มี่ตั้วตั้วจึงบังคับตัวเองให้สงบใจเพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ รู้ได้ว่าเขากำลังตื่นตระหนก มิฉะนั้นบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาทั้งหลายที่กำลังจ้องอยากจะแล่เนื้อเขาอยู่ตอนนี้ได้กรูกันเข้ามาแหกอกเขาแน่นอน

บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาและขอบเขตรวมแสวงดาราที่กำลังจ้องมองไปที่มี่ตั้วตั้วด้วยสายตาเย็นชาอยู่นั้น พวกเขาต่างยังไม่ลงมือเคลื่อนไหวใด ๆ เนื่องจากพวกเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่ามี่ตั้วตั้วจะสามารถเรียกอสูรที่น่ากลัวเหล่านั้นออกมาได้อีกหรือเปล่า

“ทุกคน ข้ามีโอสถรักษาระดับสูง ข้าจะมอบให้กับทุกคนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย พวกท่านรีบรับไปและรักษาอาการบาดเจ็บของพวกท่านเถอะ!” หวางฟู่ฉีตะโกนขึ้นไปยังบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก

สำหรับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาที่เสียชีวิตทั้ง 3 คน ศิษย์จากสำนักของพวกเขาได้นำศพของพวกเขาเก็บเข้าไปในแหวนมิติเรียบร้อยแล้ว พวกเขานั้นสะเทือนใจและโกรธเป็นอย่างมากที่ต้องสูญเสียผู้อาวุโสของสำนักในทวีปกันดารแห่งนี้

ในเวลานี้บรรยากาศภายในหอประมูลตระกูลมี่นั้นจึงมีแต่ความอึดอัด

ส่วนกลุ่มของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาที่บาดเจ็บ ตอนนี้พวกเขากำลังยุ่งอยู่กับการรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองโดยใช้โอสถที่หวางฟู่ฉีให้มา

ในขณะที่ทุกอย่างกำลังดูอึมครึม จู่ ๆ เสียงของเหมยซูเอ๋อดังขึ้น “ผู้นำตระกูลมี่ อสูรทมิฬที่ท่านคิดว่าเก่งนักเก่งหนานั้นไม่ได้ช่วยพวกท่านได้มากสักเท่าไหร่แต่กลับกระตุ้นความเกลียดชังของทุกคนที่มีต่อท่านให้มากขึ้นไปอีก ข้าคิดว่าตอนนี้ท่านควรจะพิจารณาข้อเสนอของข้าใหม่อีกครั้งจะดีกว่า ท่านลองคิดดูดี ๆ ว่าตอนนี้ท่านนั้นไม่มีทางเลือกเหลือมากนักหรอกเหรอหากไม่ได้การช่วยเหลือจากสำนักข้า ข้ารับรองได้ว่าตระกูลของท่านได้ถูกผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ที่เต็มไปด้วยความแค้น ฆ่าล้างจนไม่เหลือแม้แต่ หมู หมา กา ไก่ แน่นอน”

มี่ตั้วตั้ว เมื่อได้ยินข้อเสนอของเหมยซูเอ๋ออีกครั้ง เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับเลือกที่จะยืนเงียบ

แต่ความเงียบของเขาไม่ได้หมายความว่าเขาพร้อมที่จะเห็นด้วยกับข้อเสนอของเหมยซูเอ๋อ

ตั้งแต่เริ่มเรื่องเขาไม่เคยวางแผนที่จะเข้าร่วมสำนักใด ๆ ทั้งสิ้น โดยเฉพาะหากเขายอมเข้าร่วมสำนักบุปผาจันทราและต้องยอมละทิ้งเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ที่ผูกชะตาคนทั้งตระกูลของเขาเอาไว้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเขายอมฆ่าตัวตาย ส่วนโอสถกำเนิดรากฐานนั่นก็เป็นผลงานของหลิงตู้ฉิง หากไม่ได้รับการอนุญาตจากหลิงตู้ฉิงเขาไม่คิดที่จะแจกสูตรการหลอมโอสถกำเนิดรากฐานให้ใคร

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขาสงสัยในสถานการณ์นี้มากที่สุดคือ ทำไมจักรพรรดิเหลียงซานถึงไม่เสนอหน้าออกมาเพื่อช่วยเหลือเขาไว้ตามที่เคยสัญญา?

อันที่จริงสิ่งที่มี่ตั้วตั้วไม่รู้ก็คือเงื่อนไขที่สำนักบุปผาจันทราเสนอให้กับเขาคือความต้องการของจักรพรรดิเหลียงซานเองทั้งนั้น

หลังจากเงียบคิดไปครู่หนึ่ง มี่ตั้วตั้วก็พูดกับเหมยซูเอ๋อ “ขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่าน แต่ข้าจะยังคงพูดแบบเดิมข้าจะไม่ตกลงในเงื่อนไขใด ๆ ก็ตามที่ท่านเสนอมาเด็ดขาด นอกจากนี้หากพวกท่านไม่ปรารถนาที่จะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลมี่ของเรา โปรดถอนตัวออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นพวกท่านทุกคนจะต้องเสียใจกับผลลัพธ์ที่พวกท่านจะต้องเผชิญ!”

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้จากมี่ตั้วตั้ว เหมยซูเอ๋อแทบจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

นางซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับ 6 หากตระกูลมี่ตกลงตามเงื่อนไขของนาง ด้วยความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของสำนักบุปผาจันทราจะไม่มีใครในที่นี่กล้าแตะต้องตระกูลมี่ที่เข้าร่วมกับนางแน่นอน

แต่ในขณะนี้ที่สถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดแตกหักที่ชะตาของตระกูลมี่ยังไงก็ต้องถูกฆ่าล้างโคตรแน่นอนถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือของนาง แต่มี่ตั้วตั้วกลับตัดสินใจปฏิเสธข้อตกลงของนางอีกครั้ง ซึ่งมันเป็นเพียงสิ่งเดียวที่จะสามารถช่วยตระกูลของเขาได้

เหมยซูเอ๋อในตอนนี้ได้แต่อดกลั้นอยู่ในใจ หากไม่ใช่เพราะว่านางได้มีข้อตกลงอย่างลับ ๆ กับเหลียงซานผู้ซึ่งเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรจันทราแห่งนี้ไปก่อนหน้า นางคงจะลงมือฆ่ามี่ตั้วตั้วด้วยตัวนางเองไปนานแล้ว

ตอนนี้เมื่อมี่ตั้วตั้วปฏิเสธนางอีกครั้ง นางจึงทำได้เพียงแต่ยืนดูว่าตระกูลมี่จะสามารถเอาตัวรอดได้อย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของมี่ตั้วตั้วที่ให้กับเหมยซูเอ๋ออีกครั้ง บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาจำนวนมากที่กำลังโกรธแค้นมี่ตั้วตั้วอยู่ ต่างรู้สึกงุนงงและสงสัย พวกเขาทุกคนต่างเดาถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา

หากมี่ตั้วตั้วจะเชิญลูกเขยที่เป็น ‘ผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์’ ของเขามามันก็คงไร้ประโยชน์หากต้องเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาจำนวนมากขนาดนี้ หรือว่าเป็นไปได้ไหมที่เขายังไพ่เด็ดในมืออีกคือ ‘อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์’ ?

แต่อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์จะสามารถแสดงปลดปล่อยอำนาจที่แท้จริงได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาขึ้นไป แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญอักขระเวทย์จะสามารถแสดงอำนาจของมันได้ แต่มันก็เป็นเพียงการใช้อำนาจของมันออกมาได้เพียงแค่ส่วนเดียว แถมยังต้องมีเงื่อนไขพิเศษอื่น ๆ อีกหลายอย่างเพื่อที่จะสามารถใช้มันได้ ซึ่งการใช้อำนาจมันได้เพียงส่วนเดียวนั้น มันก็ยังคงไร้ประโยชน์อยู่ดีหากต้องนำมันมาสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาและยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาเป็นจำนวนมากมาย

หรือว่าตระกูลมี่จะยังมีขุมกำลังอื่นที่อยู่เบื้องคอยช่วยเหลืออยู่อีก?

ในเวลานี้มี่ตั้วตั้วแอบส่งข้อความทางจิตไปหาโม่หยูถังและถามว่า “พ่อบ้านโม่ ข้าคิดว่าถึงเวลาที่ท่านจะต้องออกโรงแล้วนะจริงไหม?”

มี่ตั้วตั้วนั้นไม่รู้ว่าโม่หยูถังทรงพลังเพียงใด แต่เนื่องจากหลิงตู้ฉิงส่งโม่หยูถังมาให้ เขาจึงต้องจำใจเชื่อมั่นในโม่หยูถัง

โม่หยูถังส่ายหัวและกระซิบกับมี่ไล “แม่นางมี่ เดี๋ยวเมื่อข้าลงมือท่านจงใช้หลิงจู้ที่นายท่านมอบให้ท่านปกป้องพวกเขาด้วย!”

โม่หยูถังตัดจบประโยคของเขาที่กระซิบกับมี่ไลเพียงเท่านั้นโดยไม่ได้บอกเหตุผลว่าทำไมนางถึงต้องทำเช่นนั้น

มี่ไลเองเมื่อได้ยินที่โม่หยูถังกระซิบบอกเช่นนี้ นางเองจึงเริ่มตื่นตระหนก นางไม่รู้ว่าโม่หยูถังกำลังจะวางแผนทำอะไรต่อไป นางจึงทำได้แต่พยักหน้าและกำหลิงจู้ไว้แน่นเตรียมใช้มันตามที่พ่อบ้านชราผู้ลึกลับคนนี้บอก

ในเวลานี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาทั้งหลายได้ใช้โอสถรักษาของหวางฟู่ฉีรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขาเรียบร้อยแล้ว และทุกคนต่างก็จ้องมองไปที่มี่ตั้วตั้วอย่างอาฆาต

“ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งสุดท้าย ถ้าเจ้ายังดึงดันไม่ให้เจดีย์นั่นของเจ้าพร้อมกับโอสถกำเนิดรากฐานมาให้กับข้า ข้าก็จะฆ่าเจ้าและคนตระกูลเจ้าให้ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!” เจียงเต๋อชิงตะโกน

มี่ตั้วตั้วยิ้มเยาะเย้ยและตอบกลับ “เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องให้ข้ายอมมอบของ ๆ ข้าให้เจ้าอีกต่อไป ถ้าเจ้ามีความสามารถก็เข้ามาเอาได้เลย แต่ข้าขอเตือนเจ้าและบรรดาทุกคนที่นี่ไว้เป็นครั้งสุดท้ายเช่นกัน ถ้าพวกเจ้าหยุดตอนนี้และถอยกลับไป พวกเจ้าจะยังรักษาชีวิตของพวกเจ้าเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย!”

บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตนภานั้นไม่ใช่คนจำพวกที่กลัวอะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว ยิ่งพวกเขายินคำพูดอันโอหังเช่นนี้จากมี่ตั้วตั้ว มันก็เหมือนกับการราดน้ำมันเข้ากองเพลิง

“ดี! ถ้าเป็นอย่างนั้นวันนี้ไม่เจ้าก็ข้าเราต้องตายกันไปข้าง!” เจียงเต๋อชิงตะโกน

เมื่อพูดจบ เจียงเต๋อชิงก็พุ่งตัวเข้ามาหามี่ตั้วตั้วในทันที

มี่ไลที่เห็นว่าพ่อของนางมีอันตราย นางก็รีบโบกหลิงจู้ขึ้นและตะโกนไปยังแส้หางม้าในมือนาง “ถึงเวลาแล้วหลิงจู้ โปรดช่วยทุกคนที่นี่ด้วย!”

นางทำตามคำแนะนำของหลิงตู้ฉิงที่เคยให้ไว้กับนางเมื่อนางต้องใช้หลิงจู้ทันที นางแทงด้านแส้ของหลิงจู้ที่จู่ ๆ มันยืดยาวขึ้นถึง 3 ฟุตลงไปที่พื้น พร้อมกับที่นางเริ่มร่ายใช้งานทักษะฝนฤดูใบไม้ผลิของนางลงไปยังมัน

แส้ของหลิงจู้ทั้งหมดที่ปักลงไปยังพื้น พวกมันเริ่มชอนไชลงไปใต้ดินและพุ่งทะลุขึ้นมาตรงใต้จุดยืนของคนตระกูลมี่ทั้งหมดที่อยู่หอประมูลทันที แต่ละเส้นขนของแส้ที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นตั้งเป็นกำแพงพลังวิญญาณล้อมรอบบริเวณของบรรดาทุกคนที่มันปกป้องจนกลายเป็นเหมือนชั้นโล่อันแข็งแกร่ง

“อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุด?” บรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาทุกคนที่เห็นอำนาจของหลิงจู้เช่นนี้ทุกคนต่างร้องลั่นด้วยความตกใจ

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาบางคนไม่มีแม้แต่อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ นับประสาอะไรกับ อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุด

แต่ตอนนี้อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุดกลับอยู่ในมือของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณได้ยังไง?

แล้วมันเป็นอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์แบบไหนกันที่สามารถให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานทะเลปราณปลดปล่อยอำนาจของมันออกมาได้?

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาทั้งหมดบ้าคลั่งในทันทีที่เห็นอาวุธระดับราชวงศ์ที่มหัศจรรย์เช่นนี้ ตอนนี้ทุกคนต่างพร้อมใจกันพุ่งตัวเข้าไปคว้าหลิงจู้ ซึ่งแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาคนอื่น ๆ ที่ก่อนหน้าไม่ได้เคลื่อนไหวต่างก็เริ่มขยับกาย

เหมยซูเอ๋อที่เห็นภาพเช่นนี้นางเองก็ถูกล่อลวงเช่นกัน นางเริ่มที่จะโคจรพลังวิญญาณของนางอย่างลับ ๆ ไปยังหลิงจู้

ในตอนแรกนางรู้อยู่แล้วว่ามี่ไลถืออาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ไว้ในอ้อมแขน แต่นางไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นอาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุด ซึ่งกระตุ้นความโลภของนางด้วย

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาของทุกสำนักมากกว่าหนึ่งโหลได้ปลดปล่อยพลังวิญญาณเต็มที่พุ่งเข้าหาหลิงจู้ด้วยความคิดที่ว่า ‘อาวุธวิเศษระดับราชวงศ์ขั้นสูงสุดชิ้นนี้จะเป็นของใครก็ตามที่คว้ามันได้ก่อน!’

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาเหล่านี้เคลื่อนที่และโคจรพลังวิญญาณจนถึงระดับสูงสุดของตัวเองไปพร้อมกัน ๆ อาคารประมูลของตระกูลมี่ที่โครงสร้างของมันทนรับไม่ไหวแรงกดดันมหาศาลเช่นนี้ไม่ไหวจึงพังทลายลงทันที

นี่เป็นครั้งแรกสำหรับตระกูลมี่และทุกคนในอาณาจักรจันทราที่จะได้เห็นและได้รับประสบการณ์เต็มรูปแบบของพลังที่อยู่เหนือขอบเขตรวมแสงดารา

ตอนนี้บรรดาทุกคนที่เป็นคนในอาณาจักรจันทราที่ยืนดูอยู่ต่างก็ถอนหายใจ “เฮ้อ…ตระกูลมี่คงถึงจุดจบแล้ว”

โม่หยูถังผู้เฝ้าสังเกตอยู่นานจากด้านหลังก็รู้สึกว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว

เมื่อได้จังหวะ โม่หยูถังก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับปลดปล่อยพลังวิญญาณอันน่าสยดสยองออกมา