วินาทีนี้ เปปเปอร์เชื่อแล้วว่าส้มเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่
ถ้าหากว่าเธอเป็นต้นไผ่จริงๆ ทำไมเธอจะต้องเผาจดหมายเหล่านั้นทิ้งไปด้วย นั่นเป็นที่ระลึกของทั้งสอง ควรที่จะเก็บรักษาเอาไว้ และเอาออกมาหวนระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ไม่ใช่เหรอ?
แต่นั่นเป็นเพราะว่าเธอกลัว กลัวว่าเก็บจดหมายเหล่านั้นเอาไว้แล้วสักวันหนึ่งจะถูกเปิดโปงขึ้น
เมื่อเห็นร่างของเปปเปอร์สั่นคลอน ดูเหมือนกำลังเก็บกลั้นความรู้สึกโมโหไว้ พิสมัยก็รู้สึกกลัวจนกลืนน้ำลายลงคอ แล้วพูดว่า “เปปเปอร์ ลูก……ลูกเป็นอะไรไป?”
เปปเปอร์ไม่ได้ตอบเธอ แต่กลับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออก
ผู้ช่วยเหมันตร์ส่งเสียงหาวออกมา น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความงัวเงีย “ประธานเปปเปอร์ครับ มีอะไรหรือเปล่า?”
“ช่วยมาที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์หน่อย ผมมีเรื่องอยากจะถาม” เมื่อพูดจบเปปเปอร์ก็วางโทรศัพท์ลงทันที
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ผู้ช่วยเหมันตร์นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทางงุนงง
ถ้าเขาไม่ได้ฟังผิดไป เมื่อสักครู่ประธานเปปเปอร์สั่งให้เข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ใช่ไหม?
ผู้ช่วยเหมันตร์หยิบโทรศัพท์มือถือที่แนบหูไว้ออกมามองดูเวลา ขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว เขารู้สึกกระสับกระส่ายทันที
ดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ ให้เข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลนวบดินทร์ บ้าหรือไง!
มีปัญหาอะไรพูดในโทรศัพท์ไม่ได้เหรอ ทำไมจะต้องถามต่อหน้า?
แม้ว่าในใจของผู้ช่วยเหมันตร์จะเต็มไปด้วยความรู้สึกโมโหเปปเปอร์ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ทำได้เพียงลงจากเตียงด้วยท่าทางขมขื่น ใส่เสื้อผ้าเก็บของแล้วขับรถตรงออกไป
เวลาประมาณตีหนึ่ง ผู้ช่วยเหมันตร์ได้ยืนหยุดอยู่หน้าห้องหนังสือของเปปเปอร์
“ประธานเปปเปอร์ครับ ไม่ทราบว่าเรียกผมมาเพราะเรื่องอะไร?” สีหน้าของผู้ช่วยเหมันตร์ดูยิ้มแย้ม แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความโมโหไม่พึงพอใจ
เปปเปอร์สังเกตได้ว่าเขาถูกความโกรธครอบงำอยู่ เมื่อเงยหน้าขึ้น นิ้วมือของเขาก็ขอไปบนโต๊ะอันเย็นเยือก “คุณคิดว่า ส้มเปรี้ยวเป็นต้นไผ่หรือเปล่า?”
“อะไรนะครับ?” ผู้ช่วยเหมันตร์ตกตะลึง จากนั้นสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้นมา “ประธานเปปเปอร์ครับ คุณไม่ได้กำลังสงสัยใช่มั้ยว่าคุณส้มเปรี้ยวไม่ใช่เพื่อนทางจดหมายในตอนนั้น?”
เปปเปอร์พยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ
ผู้ช่วยเหมันตร์มองดูเขาอยู่สักครู่ ในที่สุดก็รู้ว่าเขาไม่ได้ล้อเล่น ดังนั้นจึงตอบกลับไปด้วยความนิ่งเงียบว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ ถ้าจะให้ผมพูดตามความจริง ผมก็รู้สึกว่าไม่เหมือนเอาเสียเลย จากที่ผมติดตามคุณมาหลายปีมานี้ ผมก็ได้เห็นเรื่องราวของคุณกับต้นไผ่ที่เขียนจดหมายให้กัน อีกทั้งรู้จักต้นไผ่ผ่านจดหมายนั้นไม่น้อย เธอมีความอ่อนโยน มองโลกในแง่ดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่สิ่งเหล่านี้คุณส้มเปรี้ยวไม่มีเลยแม้แต่น้อย”
เมื่อพูดจบ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็เหลือบมองไปทางเปปเปอร์ เนื่องจากกลัวว่าเขาจะโมโห
แต่ผิดคาด เขาไม่เพียงแต่ไม่โมโห อีกทั้งดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ผู้ช่วยเหมันตร์ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
โชคดีเหลือเกินที่ประธานเปปเปอร์ไม่ได้โมโหเพราะว่าเขาไปดูถูกคุณหนูส้มเปรี้ยว
แต่ผู้ช่วยเหมันตร์ก็เอามือกุมศีรษะด้วยความสงสัย
ผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุดเปปเปอร์ก็เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเล็กน้อยว่า “นั่นนะสิ เธอไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้นเลย แล้วเธอจะเหมาะสมกับการเป็นต้นไผ่ได้อย่างไร?”
เมื่อฟังประโยคนี้ ดูเหมือนผู้ช่วยเหมันตร์จะรู้สึกได้ถึงบางอย่าง เขาจึงขยับแว่นตาขึ้นพูดว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ ไม่ทราบว่าไปรู้อะไรมาหรือเปล่า ถึงได้สงสัยว่าคุณหนูสุดเปรี้ยวไม่ใช่ต้นไผ่?”
มิน่าเล่า สองวันมานี้ท่าทางของประธานเปปเปอร์ที่มีต่อคุณส้มเปรี้ยวจึงเปลี่ยนไป
ก็จริงอยู่ ก่อนหน้านี้ที่ประธานเปปเปอร์ดีกับคุณส้มเปรี้ยวก็เพราะคิดว่าคุณส้มเปรี้ยวคือต้นไผ่ แต่ถ้าหากว่าคุณส้มเปรี้ยวไม่ใช่ ประธานเปปเปอร์ก็คงจะเก็บความรู้สึกที่มีกลับคืนมา เนื่องจากคนที่ประธานเปปเปอร์รักจริงๆ คือคุณมายมิ้นท์ต่าง
“ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมยุ่งๆ จดหมายที่ต้นไผ่ส่งมาคุณเป็นคนรับเอาไว้ คุณน่าจะรู้ที่อยู่ที่ส้มเปรี้ยวส่งจดหมายมาใช่ไหม?” เปปเปอร์หรี่ตามอง เขาไม่ตอบแต่ถามกลับ
ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า “จำได้ครับประธานเปปเปอร์ ต้องการให้ผมไปยังสถานที่แห่งนั้นเพื่อดูตรวจสอบว่าคุณส้มเปรี้ยวเป็นต้นไผ่หรือเปล่าใช่ไหมครับ?”
“ใช่” เปปเปอร์พยักหน้า
ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบรับว่า “ครับ ผมจะเดินทางไปที่เขตนิวเทาน์ริเวอร์……เดี๋ยวก่อนนะครับ!”
ยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่ามันแปลกไป จึงเบิกตากว้าง
เปปเปอร์ขมวดคิ้วถามว่า “มีอะไร?”
“ประธานเปปเปอร์ครับ มันน่าแปลกจริงๆ สถานที่ที่ต้นไผ่อยู่คือเขตนิวเทาน์ริเวอร์ แต่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์มีคฤหาสน์อยู่ที่เขตฟอลร่าซีน คฤหาสน์สองแห่งนี้หลังหนึ่งอยู่ฝ่ายตะวันตก อีกหลังหนึ่งอยู่ฝั่งตะวันออก ระยะทางห่างกันมากกว่าหกสิบกิโลเมตร และตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยี่สิบกว่าปีมานี้ก็อาศัยอยู่ในเขตฟอลร่าซีนตลอดมา ไม่เคยย้ายไปไหนเลย ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าคุณส้มเปรี้ยวไม่ใช่คุณต้นไผ่!”
เมื่อฟังคำพูดของผู้ช่วยเหมันตร์จบแล้ว เปปเปอร์ก็หรี่ตาลงมองด้วยความตกตะลึง ร่างกายของเขาเกร็งทันที
นั่นสินะ ถ้าหากว่าส้มเปรี้ยวคือต้นไผ่ ที่อยู่ในการใช้ส่งจดหมายน่าจะอยู่ที่เขตฟอลร่าซีนไม่ใช่เขตนิวเทาน์ริเวอร์
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ผู้ช่วยเหมันตร์ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยปากขึ้นอีกว่า “ประธานเปปเปอร์ครับ ผมจำได้ว่าในตอนนั้นคุณบอกว่าต้นไผ่เคยเลี้ยงสุนัขใช่ไหม?”
เปปเปอร์เงยหน้าขึ้น “มันชื่อเจ้าฝอยทอง”
“นั่นสิครับ แต่ว่าตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่เคยเลี้ยงสุนัข อีกอย่างตอนนั้น คุณบอกว่าต้นไผ่มีแม่เลี้ยงและน้องสาว แต่ว่าคุณนายตระกูลภักดีพิศุทธิ์เป็นภรรยาหลวงเพียงคนเดียว นอกจากเรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องลายมือของคุณส้มเปรี้ยว แม้ว่าหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลแล้วจะไม่ค่อยได้เขียนหนังสือเท่าไร แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนตอนที่เธออยู่ในห้องทำงานของคุณและรู้สึกเหงา ก็ได้เขียนตัวอักษรบ้างเล็กน้อย ผมพบว่าตัวอักษรของลายมือของเธอไม่เหมือนกับต้นไผ่เลย” ผู้ช่วยเหมันตร์พูดอย่างเคร่งขรึม
แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นเนื้อหาข้างในที่ต้นไผ่เขียนให้กับประธานเปปเปอร์ แต่ว่าจดหมายที่ต้นไผ่ส่งมาจ่าหน้าซองนั้นเขียนด้วยตนเอง ลายมือของต้นไผ่ดูงดงามประณีตมาก แต่ลายมือของส้มเปรี้ยวนั้นธรรมดาเป็นที่สุดไม่มีอะไรพิเศษเลย
ต่อให้เป็นคนคนเดียวกันที่นอนอยู่บนเตียงถึงหกปี หลังจากตื่นขึ้นอาจจะรู้สึกไม่เคยชินกับการเขียนตัวหนังสือ หรือบางทีอาจจะเขียนไม่สวย แต่หลังจากที่ร่างกายฟื้นฟูได้เต็มที่แล้ว ลายมือก็น่าจะกลับมาเป็นแบบเดิมด้วย นี่คือความทรงจำและความเคยชิน ไม่มีเหตุผลที่ลายมือเธอจะเปลี่ยนไปแม้นอนอยู่บนเตียงหลายปี
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผู้ช่วยเหมันตร์ก็รู้สึกขนลุก “ประธานเปปเปอร์ครับ ผมยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัย พวกรายละเอียดเหล่านี้ล้วนน่าสงสัย คุณส้มเปรี้ยวก็มีอยู่หลายครั้งที่แสดงออกถึงช่องว่างเหล่านี้ แต่ทำไมตอนนั้นพวกเราถึงไม่คิดและตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้เลย ตอนนี้เมื่อผมมาคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าน่าแปลกเหลือเกิน”
เปปเปอร์ก้มหน้าลงโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เมื่อสักครู่ที่เหมันตร์พูดเรื่องเหล่านี้ออกมา ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนกับถูกอะไรบดบังตาเอาไว้ จู่ๆ ก็จางหายไป ทำให้โลกทั้งใบกลายเป็นสว่างสดใสขึ้นมาอีกครั้ง
นั่นสินะ ส้มเปรี้ยวมีช่องว่างมากมายที่ให้จับผิด แต่เขากลับไม่รู้ถึงมัน ไม่เพียงแต่เขา แม้แต่เหมันตร์เองก็ไม่พบข้อบกพร่องเหล่านั้นด้วย มันน่าประหลาดจริงๆ
เขาพอจะเข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่ค้นพบช่องว่างเหล่านั้น คงจะเป็นเพราะพลังลึกลับนั่น
แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ แม้แต่เหมันตร์เองก็ถูกพลังลึกลับนั้นบดบังตาด้วย
“ประธานเปปเปอร์ครับ ทำไมถึงมองผมแบบนั้น?” ผู้ช่วยเหมันตร์มองไปด้วยความสงสัยและเอ่ยถาม
เปปเปอร์เม้มริมฝีปาก น้ำเสียงดูแหบแห้งตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอกครับ พรุ่งนี้คุณไปที่เขตนิวเทาน์ริเวอร์ แล้วไปหาตัวต้นไผ่ที่แท้จริงมาให้ได้”
นั่นจึงจะเป็นคนที่เขารัก!
“ครับ!” ผู้ช่วยเหมันตร์พยักหน้า จากนั้นดูเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันไปพูดว่า “แล้วคุณส้มเปรี้ยว……”
สายตาของเปปเปอร์มีแสงอันส่อถึงความอันตรายเปล่งออกมา “ผมจะจัดการเอง ผมจะทำให้เธอรู้ว่า การจะปลอมตัวเป็นต้นไผ่ไม่ใช่ง่ายๆ แบบนั้น”
ฟังจากน้ำเสียงอันเยือกเย็นของเขาแล้ว ผู้ช่วยเหมันตร์ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ในใจของเขารู้ดีว่าคุณส้มเปรี้ยวตายแน่
แต่ก็สมน้ำหน้า ใครสั่งให้เธอปลอมมาเป็นต้นไผ่และล้อเล่นกับความรู้สึกของประธานเปปเปอร์อยู่ถึงหกปีเล่า
ผู้ช่วยเหมันตร์ขยับแว่นตาแล้วหัวเราะออกมาอย่างสะใจก่อนจะเดินออกไป
เมื่อเขาเดินออกไปแล้ว เปปเปอร์ก็ยืดตัวตรงแล้วเดินไปที่หน้าต่างซึ่งสูงตั้งแต่เพดานจรดพื้น เขามองออกไปที่ทิวทัศน์ด้านนอกตอนกลางคืน คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน
เขากำลังคิดอยู่ว่า พลังอันลึกลับนั้นคืออะไรกันแน่ ทำไมจะต้องเข้ามาควบคุมให้เขารักส้มเปรี้ยว และส้มเปรี้ยวมีความลับอะไรอยู่ ?ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ทำให้เปปเปอร์รู้สึกถึงมุมมองของโลกอันแปลกใหม่ เดิมทีเขารู้สึกว่าตนเองปกติทุกอย่าง แต่คิดไม่ถึงว่าตนเองพลาดท่าตั้งแต่เมื่อไหร่ และถูกพลังอันลึกลับนี้เข้ามาควบคุมไว้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เปปเปอร์ก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัวขึ้นมาอีก ภาพในสมองเหมือนกับโคมไฟที่ฉายออกมาเป็นประกายกะพริบ มันปวดเสียจนเขาต้องก้มศีรษะลง