กลลวง นายสุดเท่ห์ ชาร์ลี เวธ บทที่ 651

ในรถ

จัสมินขับรถขณะที่เธอพูดกับชาร์ลี “ปรมาจารย์เวด คุณปู่ของฉันพูดถึงคุณมาสองสามวันแล้ว เขากลัวว่าคุณจะไม่มีเวลามาร่วมงานวันเกิดของเขา ฉันเชื่อว่าเขาจะมีความสุขมากที่ได้พบคุณ!”

ชาร์ลียิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ในเมื่อผมได้สัญญากับคุณไปแล้วว่าผมจะมาร่วมงานวันเกิด ทำไมผมถึงต้องผิดสัญญาที่มีกับคุณด้วยล่ะครับ?”

“อื้มมม!” จัสมินพยักหน้าอย่างมีความสุขก่อนจะพูดว่า “ฉันคิดว่าคนที่ปู่ของฉันต้องการพบมากที่สุดในวันนี้คือคุณนะคะ”

ขณะที่เธอพูด จัสมินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขณะที่เธอพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของฉัน เขาได้พูดถึงคุณอย่างต่อเนื่องในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานับตั้งแต่เขาไปพบคุณหมออัจฉริยะ ดร.ซิมมอนส์ เมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังบอกฉันอย่างลับ ๆ ว่าความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการได้พบคุณที่งานเลี้ยงวันเกิดของเขาในวันนี้”

ชาร์ลีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ

เขารู้เหตุผลว่าทำไมนายท่านมัวร์ถึงต้องการพบเขาเป็นอย่างมาก

เขาคงได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายและรูปลักษณ์ของแอนโธนีและเขาต้องค้นพบผลมหัศจรรย์ของยาอายุวัฒนะ ดังนั้นนายท่านมัวร์คงต้องหวังว่าชาร์ลีจะมอบยาตัวหนึ่งให้เขา!

อันที่จริง นายท่านมัวร์ไม่ใช่คนเดียวที่ไม่สามารถต้านทานการดึงดูดของยาอายุวัฒนะนี้ได้ ชาร์ลีรู้ว่าคนชราทุกคนไม่มีทางต้านทานการดึงดูดใจของยาอายุวัฒนะได้

ชาร์ลีพิจารณาแล้วว่าควรเตรียมของขวัญประเภทใดให้กับนายท่านมัวร์ หลังจากที่เขาได้รับคำเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเขา

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจว่าคนอย่างนายท่านมัวร์ไม่ต้องการของขวัญหรือเงินใด ๆ ดังนั้นเขาอาจจะให้ยาอายุวัฒนะเป็นของขวัญแทนก็ได้

เม็ดยาอายุวัฒนะเพื่อความอ่อนเยาว์ไม่ได้วิเศษมากนักสำหรับเขาและส่วนผสมที่แพงที่สุดในเม็ดยาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากโสมม่วงอายุสามร้อยปี

นอกจากนี้ เนื่องจากเขาได้ช่วยเลียมซึ่งเป็นลูกนอกกฎหมายจากตระกูลวีเวอร์ เลียมจึงมอบมรดกตกทอดของตระกูลอันล้ำค่าที่สุดให้กับเขา ซึ่งเป็นโสมขาวราวหิมะซึ่งมีอายุมากกว่าหนึ่งพันปีเพื่อขอบคุณเขา ถ้าชาร์ลีใช้โสมขาวราวหิมะพันปีเพื่อกลั่นและปรุงยาใหม่ ผลคงจะดีกว่ามากเมื่อเทียบกับยาอายุวัฒนะตัวเก่า

ดังนั้น ชาร์ลีจะมอบยาอายุวัฒนะให้นายท่านมัวร์โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากสำหรับตัวเขาเองมากนัก เขาก็แค่ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

ในเวลานี้ จัสมินกล่าวว่า “ปรมาจารย์เวด คุณปู่ได้เชิญเพื่อน ๆ ของท่านมาร่วมงานวันเกิดของท่านเป็นจำนวนมาก คุณสามารถมีช่วงเวลาที่ดีในการพูดคุยกับพวกเขาต่อได้นะคะ”

“โอ้ งั้นเหรอครับ?” ชาร์ลียิ้มก่อนจะถามว่า “เขาเชิญใครมาบ้างเหรอครับ?”

จัสมินตอบว่า “ฉันพอทราบว่าคุณปู่เชิญคุณดอริส รองประธานบริษัทเอ็มแกรนด์ กรุ๊ป มางานเลี้ยงวันเกิดของเขาวันนี้ ฉันได้ยินมาว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอใช่ไหมคะ?”

ชาร์ลีพยักหน้า “ใช่ครับ”

จัสมินยิ้มก่อนพูดว่า “เธอจะมาวันนี้ด้วยค่ะ”

หลังจากนั้นจัสมินหยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “สำหรับหัวหน้าตระกูลควินตันและตระกูลไวท์ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณด้วยใช่ไหมคะ?”

ชาร์ลียิ้ม และพูดว่า “ใช่แล้วครับ”

จากนั้นจัสมินกล่าวว่า “คุณปู่ยังเชิญเลียมประธานของวีเวอร์ เภสัชกรรมให้มาในวันนี้ ฉันได้ยินมาว่าคุณเป็นคนที่สนับสนุนเขาเหรอคะ?

ชาร์ลีพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ใช่ครับ เลียมเป็นเด็กนอกสมรสซึ่งไม่เคยได้รับการต้อนรับจากตระกูลวีเวอร์เลย เนื่องจากพ่อและพี่ชายต่างแม่ของเขาทำให้ผมขุ่นเคือง ผมจึงตัดสินใจสนับสนุนเขาแทน”

จัสมินเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดว่า “ปรมาจารย์เวด ฉันได้ยินมาว่าคุณขอให้ดอน อัลเบิร์ตส่งพ่อและลูกชายจากตระกูลวีเวอร์ขึ้นไปบนภูเขากอลมินเพื่อขุดโสมจริงเหรอคะ?”

“ใช่ครับ” ชาร์ลีตอบว่า “เนื่องจากจอร์แดนดูถูกภูเขากอลมินมาก ผมจึงตัดสินใจส่งเขาไปที่นั่นเพื่อไปไตร่ตรองการกระทำของเขา”

จัสมินยิ้มก่อนจะพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่าทั้งสองคนกำลังใช้ชีวิตที่น่าสังเวชบนภูเขากอลมิน พวกเขาต้องขุดหาโสมเพื่อแลกกับอาหาร เมื่อไม่นานมานี้ ภูเขาเต็มไปด้วยหิมะ ทั้งพ่อ และลูกชายไม่สามารถออกไปที่ภูเขาเพื่อขุดเก็บโสมได้ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่มีอะไรจะกินหรือดื่ม พวกเขาจึงวิ่งไปที่บ้านของชาวบ้านคนหนึ่งและขโมยไก่ แต่พวกเขาถูกจับได้ในการกระทำดังกล่าวและทั้งคู่ก็ถูกทุบตีอย่างหนักเลยค่ะ”

ชาร์ลีอดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “ทำไมคุณถึงดูสนใจเรื่องนี้มากเหรอครับ? ผมไม่รู้เรื่องล่าสุดที่เกิดขึ้นกับทั้งคู่ด้วยซ้ำ”

จัสมินหน้าแดงด้วยความเขินอายขณะที่เธอพูดว่า “ฉันรู้สึกว่าทั้งสองคนสมควรที่จะถูกลงโทษสำหรับการกระทำของพวกเขาจริง ๆ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจตรวจสอบดูเพราะฉันอยากรู้ว่าพวกเขาได้รับโทษแบบไหนค่ะ”

ชาร์ลียิ้มก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น คุณคงจะสนใจกลุ่มคนที่ถูกส่งไปขุดถ่านหินที่เอริธด้วยหรือเปล่าครับ?”

จัสมินยิ้มก่อนจะพูดว่า “ใช่ค่ะ ฉันเคยสนใจเรื่องนั้นบ้างเหมือนกัน! พวกเขาดูน่าสงสารจริง ๆ พวกเขาต้องไปเหมืองถ่านหินวันละสิบสองชั่วโมง สภาพแวดล้อมและสภาพการทำงานแย่มาก การทำงานก็หนักมากและส่วนใหญ่พวกเขาก็ไม่มีอาหารเพียงพอ ฉันได้ยินมาว่าพวกเขามักจะร้องไห้อย่างน่าสมเพชในช่วงตอนดึกด้วยนะคะ…”