ตอนที่ 387

Crazy Leveling System

CLS ตอนที่ 387: โครงกระดูกมังกรสวรรค์

 

ก่อนที่จะถูกขวางกั้น ไม่มีใครรู้ถึงผลประโยชน์ของการผ่านประตูบานเล็กนั้น ตอนนี้เป็นที่แน่ชัดแล้ว พวกเขาไม่สามารถเข้าไปต่อได้ ต่อให้ไม่รู้ว่าข้างในจะมีสมบัติอะไรอยู่ แต่ปกติแล้ว สมบัติที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด หมายความว่าพวกเขาที่ไม่สามารถเข้าไปได้ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้รับสมบัติล้ำค่านั้น

 

แต่ว่าสมบัติล้ำค่านี้ กลับถูกเจ้าเด็กที่ไหนก็ไม่รู้เอาไป นี่ทำให้หวังเมิ่งหลงอิจฉาจนแทบคลั่ง

 

“นี่มันอะไรกัน เจ้าผ่านประตูที่ไม่รู้ระดับความยากนั่นจริงๆ!?” หวังเมิ่งหลงตะโกนเสียงดังจากข้างหลัง

 

“ถ้าไม่ผ่านแล้วข้าจะเข้ามาได้อย่างงั้นเหรอ? ถ้าเก่งจริง ทำไมเจ้าไม่เข้ามาให้ได้แบบข้าล่ะ?” อี้เทียนหยุนหันกลับมาชำเลืองมองเขา หลังจากนั้นก็ทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่ง แล้วก็เดินหน้าต่อไป

 

หวังเมิ่งหลงพลันระเบิดความโกรธออกมาเพราะคำพูดนี้ เขาอยากจะบุกเข้าไปด้วยความโกรธ เพียงแต่ตรงหน้าของเขามีกำแพงแสงขวางกั้นอยู่ ทำให้เขาไม่สามารถก้าวเข้าไปได้แม้แต่ครึ่งก้าว

 

“เจ้าหนู เจ้ารอข้าก่อนเถอะ ไว้เจ้าออกมาเมื่อไหร่ได้เห็นดีกันแน่!” หวังเมิ่งหลงแค่นเสียงออกมา จากนั้นก็เลือกเส้นทางตามใจ ไม่ฝืนบุกเข้าไปข้างหน้าต่อ

 

ฮัวซีอิ่งอดไม่ได้ต้องถามออกมา “คุณชายท่านนี้ สุดท้ายแล้ว การทดสอบของประตูบานนั้น แท้จริงแล้วยากขนาดไหน?”

 

อี้เทียนหยุนหยุดเท้าลง จากนั้นก็หันกลับมาพูดกับเธอว่า “9 ตาย 1 รอด”

 

คำพูดนี้ไม่ได้พูดอย่างไร้เหตุผล ความแข็งแกร่งของเขาถือว่ามากพอแล้ว พลังอำนาจถือว่าแข็งแกร่งกว่าคนระดับเดียวกันหลายเท่า แต่ก็ไม่มีวิธีที่จะจัดการกับหยวนชิงหลงได้จริงๆ ด้วยความสามารถที่เพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บ ทั้งยังมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อกรกับระดับวิญญาณเที่ยงแท้ หากไม่ใช่ 9 ตาย 1 รอด แล้วจะให้เรียกว่าอะไร?

 

“ขอบพระคุณมากค่ะ” สีหน้าของฮัวซีอิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ ชุดของเธอโบกสะบัดเล็กน้อย จากนั้นก็เลือกเส้นทางของตน ซึ่งทางที่เธอเลือกคือทางอีกเส้นกับที่หวังเมิ่งหลงเลือก

 

แต่ละระดับมีทางอยู่สองเส้น พูดได้ว่าต้องเลือกมาหนึ่งจากสอง เขาที่มีแผนที่สมบัติมังกรขด รู้ดีว่าเส้นทางไหนมีสมบัติที่ดีกว่า พูดได้ว่าเมื่อมาถึงตรงนี้ ก็ไม่มีอันตรายจากอะไรอีกแล้ว

 

หลังจากผ่านการทดสอบเป็นตายออกมาได้ หากยังต้องเผชิญกับอันตรายอีก นั่นก็คงจะเกินไปหน่อยแล้ว

 

อี้เทียนหยุนมองตามแผ่นหลังที่เดินจากไปของเธอ จากนั้นก็หันหน้ากลับ เดินไปยังส่วนที่ลึกที่สุดต่อ หลังจากผ่านเส้นทางที่ทอดยาว ที่ปรากฏต่อหน้าสายตาเขาก็คือกำแพงแสงสีเขียวขนาดยักษ์ ซึ่งขวางกั้นจนไม่สามารถมองเห็นข้างใน

 

เขาไม่ลังเล พร้อมกับก้าวเท้าเข้าไปในกำแพงแสงนี้ พร้อมกับหายตัวไปจากสถานที่นี่โดยสมบูรณ์ หลังจากเดินเข้ามา ที่ปรากฏต่อสายตาเขาคือทางแยกหลายสิบเส้นทาง ซึ่งไม่รู้ว่าแต่ละเส้นทางมุ่งไปสู่ที่ไหน

 

ซึ่งจริงๆ แล้วเส้นทางแต่ละสายล้วนแต่เป็นเส้นทางที่ถูกต้อง เพียงแต่จะนำไปสู่สมบัติที่แตกต่างกันก็เท่านั้นเอง การจะเลือกเส้นทางไหนนั้น ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับความสามารถของตน ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่เกี่ยวอะไรกับอี้เทียนหยุน เพราะว่าในมือของเขามีแผนที่สมบัติของถ้ำมังกรขดอยู่ แต่ละเส้นทางนำไปสู่ขุมสมบัติแบบไหน ตัวเขาล้วนรู้ดีที่สุด!

 

“ไปทางนี้!”

 

อี้เทียนหยุนหยิบเอาแผนที่ออกมา และทันใดนั้นบนแผนที่ก็บอกทางที่ควรไป ซึ่งเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าจะเดินไปผิดทาง และเมื่อเลือกเส้นทางที่จะไปได้แล้ว เขาก็ได้ทำการเดินไปยังเส้นทางนั้นในทันที หลังจากเข้าไป เส้นทางด้านหลังของเขาก็พลันหายไป

 

เมื่อเส้นทางที่ควรไปปรากฏ ก็ไม่มีความกังวลว่าจะต้องเสียใจ ทำได้เพียงเดินตรงไปเท่านั้น

 

“ไม่รู้ว่าทางที่จะไปนี้ จะนำไปสู่สมบัติแบบไหน?” ในใจอี้เทียนหยุนเกิดความคาดหวังขึ้นหลายส่วน เพราะบนแผนที่สมบัติไม่ได้บันทึกว่าจะนำไปสู่สมบัติแบบไหน มันบอกเพียงแค่ว่าเส้นทางนี้จะนำไปสู่สมบัติที่ดีที่สุด ส่วนจะเป็นสมบัติชนิดไหนนั้น ไม่ได้มีบอกเอาไว้

 

หลังจากเดินมาตามทางเดินที่ทอดยาว ที่ตรงหน้าสายตาของเขาก็ปรากฏเป็นเรือนร่างมหึมาของมังกรยักษ์ เพียงแต่นี่ไม่ใช่มังกรตัวเป็นๆ หากแต่เป็นโครงกระดูก! เป็นโครงกระดูกของมังกรยักษ์ที่ค่อนข้างสมบูรณ์

 

เพิ่งจะมาถึง กลิ่นอายของมังกรก็ถูกปล่อยออกมา ทำให้เขารู้สึกกดดันอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าโครงกระดูกมังกรนี้ ก่อนที่จะตายจะต้องมีระดับที่น่าสะพรึงมากอย่างแน่นอน เพราะขนาดเหลือแต่กระดูกยังสามารถปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงขนาดนี้ออกมาได้ กระทั่งเขายังรู้สึกว่าอยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่แห่งนี้ในทันที

 

ยังไงก็ตาม ต่อให้เทพมังกรจะทรงพลังสักแค่ไหน ก็ใช่ว่าจะมีชีวิตเป็นอมตะ ต่อให้เป็นเผ่าพันธุ์มังกรเองก็ตาม

 

“หลายปีแล้ว ในที่สุดก็มีคนเข้ามาถึงที่แห่งนี้จนได้” อยู่ๆ ก็มีน้ำเสียงที่มากไปด้วยความหดหู่ และเสียใจดังออกมา

 

อี้เทียนหยุนรีบหันไปมองในทันที และที่ปรากฏในสายตาของเขาก็คือชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่กำลังนั่งขัดสมาธิ พร้อมกับใบหน้าซีดเซียว ในสายตาเต็มไปด้วยความจนใจ

 

หลังจากเห็นชายคนนี้ชัดๆ อี้เทียนหยุนก็พูดขึ้นมาว่า “จักรพรรดิเริ่นหลง?”

 

ชายผู้หล่อเหลาที่ปรากฏตรงหน้านี้ ดูแล้วมีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับเริ่นจื่อโหรวอย่างมาก หากดูจากข้อมูลที่ได้รับมา ชายผู้หล่อเหลาคนนี้ จะต้องเป็นเริ่นหลงอย่างแน่นอน

 

“หลายปีแล้วที่ไม่ได้ยินคนเรียกข้าแบบนี้ ข้าคือเริ่นหลง จักรพรรดิเริ่นจริงๆ นั่นแหละ ข้าก็คิดว่าคนได้ลืมข้าไปแล้วซะอีก” เริ่นหลงส่ายหัว พร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “จากวันนี้ไป เจ้าคงต้องอยู่เป็นเพื่อนข้า ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นี่”

 

“ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ?” อี้เทียนหยุนขมวดคิ้ว

 

“ตราบใดที่ไม่สามารถปราบมังกรสวรรค์ตนนี้ได้ ก็ไม่สามารถออกไปได้ ซึ่งมันก็คือสมบัติที่อยู่ตรงหน้าเจ้า แล้วอย่างนี้จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวได้ยังไง” เริ่นหลงพูดพร้อมส่ายหัว

 

ภายใต้การสำรวจรอบๆ ของอี้เทียนหยุน เขาก็พบทางออกอื่นจริงๆ นั่นล่ะ นอกจากโครงกระดูกของมังกรสวรรค์ตนนี้แล้ว ก็ไม่มีของอย่างอื่นอีก หมายความว่า จำเป็นต้องปราบโครงกระดูกมังกรสวรรค์ตนนี้เสียก่อน ถึงจะออกไปได้

 

สมบัติชิ้นนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ กระทั่งเริ่นหลงยังไม่สามารถปราบได้ สามารถจินตนาการได้เลยว่ามันน่าสะพรึงขนาดไหน

 

“สมแล้วที่ได้ชื่อว่าจักรพรรดิเริ่น สามารถนั่งในตำแหน่งจักรพรรดิ แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ที่มีโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่ เส้นทางตั้งมากขนาดนั้น ยังอุตส่าห์เลือกเส้นทางนี้ออกมาได้” อี้เทียนหยุนพยักหน้า ในใจมากไปด้วยความรู้สึกชื่นชม

 

สามารถเป็นผู้สืบทอดราชบัลลังก์ได้ โชคชะแน่นอนว่าต้องไม่ย่ำแย่ ดังนั้นในเส้นทางทั้งหลายเหล่านั้น การที่เขาเลือกเส้นทางนี้ได้สำเร็จ ไม่นับว่าเป็นอะไร แม้ว่าโชคชะตาของเขาจะดี แต่ความแข็งแกร่งของเขายังไม่พอที่จะปราบโครงกระดูกมังกรสวรรค์ตนนี้ได้

 

“จักรพรรดิเริ่น ท่านผ่านประตูบานเล็กนั่นสำเร็จสินะ ถึงได้มาถึงที่นี่ได้” อี้เทียนหยุนถามขึ้น

 

“ใช่แล้ว หากสามารถผ่านประตูบานนั้นได้ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเข้ามาที่นี่ไม่ได้” เริ่นหลงยิ้ม “เอาล่ะ เรียกข้าว่าเริ่นหลงก็พอ ในเมื่อมาเจอกันที่นี่ได้ ถือว่าเป็นโชคชะตา เรื่องฐานะอะไรนั่นไม่สำคัญ เพียงแต่ยังมีเรื่องที่ข้าปล่อยวางไม่ได้อยู่”

 

เขาถอนหายใจออกมา ในสายตาเต็มไปด้วยความกังวลและผิดหวัง

 

“จักรพรรดิเริ่น เรื่องที่ท่านปล่อยวางไม่ได้คงจะเป็นเรื่องขององค์หญิงสินะ?” อี้เทียนหยุนถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ

 

“เจ้ารู้จักจื่อโหรวด้วย!?” เริ่นหลงจ้องมา พร้อมกับร่างที่กระโดดผึงขึ้น กระโจนมาตรงหน้าเขาในพริบตา

 

ความเร็วนี้ ไม่เสียทีที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับวิญญาณเที่ยงแท้ แม้จะถูกขังไว้ที่นี่ แต่ก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญอยู่ดี

 

“ข้าก็ต้องรู้จักแน่นอนอยู่แล้ว องค์หญิงเชื่อใจให้ข้ามาค้นหาท่าน แต่ไม่คิดว่าท่านจะยังมีชีวิตอยู่จริงๆ นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าดีใจยิ่งนัก” อี้เทียนหยุนหยิบเอาต่างหูหยกเทียนหลงออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ก่อนมาที่นี่ องค์หญิงได้มอบของชิ้นนี้ให้ข้าไว้”

 

“นี่คือต่างหูหยกเทียนหลง ดูเหมือนว่าจื่อโหรวจะไม่เป็นอะไรอย่างนั้นสินะ!” เริ่นหลงรับต่างหูหยกเทียนหลงมา ในตาเต็มไปด้วยความรู้สึกดีใจ จากนั้นก็ส่งต่างหูหยกเทียนหลงคืนให้กับอี้เทียนหยุน แล้วพูดอย่างจริงจังว่า “การที่เจ้าได้รับต่างหูหยกเทียนหลงนี้มา แน่นอนว่าเจ้าต้องเป็นคนที่จื่อโหรวเชื่อใจ บอกข้าหน่อย ว่าสถานการณ์ด้านนอกตอนนี้เป็นยังไงบ้างแล้ว?”

 

ในสายตาของเริ่นหลงเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ ไม่คิดว่าถูกขังมาหลายปีขนาดนี้ แต่ไฟแห่งการต่อสู้ของเขายังไม่มอดดับไปอีก