ตอนที่ 366 เด็กหนุ่มแปลกหน้า
ไม่นานพวกหลิงอวี้จื้อก็ออกจากเมือง ตำบลเถาหยวนใกล้กับอำเภอฉางหนิงมาก ตกบ่ายพวกเขาก็มาถึงตำบลเถาหยวนแล้ว ตำบลเล็กๆ ไม่ใหญ่ คนก็ไม่มาก บรรยากาศเรียบง่ายอบอวลไปทุกแห่งหน
ประกอบกับจะปีใหม่แล้ว ทุกครัวเรือนต่างติดชุนเหลียนหรือแถบอวยพรปีใหม่และทำโคมไฟ เด็กน้อยหัวเราะเอิ๊กกอ๊ากเบิกบานใจอยู่หน้าบ้าน มีบรรยากาศการเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างเข้มข้น
เห็นภาพเช่นนี้แล้ว จู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็นึกถึงพ่อแม่ของตนเองขึ้นมา ทุกปีจะต้องไปห่อเกี๊ยว ไม่รู้ว่าพวกท่านเป็นอย่างไรบ้าง คงทำได้เพียงคิดว่าเธอตายไปแล้ว เธอก็ไม่มีวิธีกลับไปได้อีก คิดถึงเรื่องเหล่านี้ ในใจหลิงอวี้จื้อก็รู้สึกโศกเศร้า
“หลิงอวี้จื้อ เจ้าเป็นอะไรไป”
เห็นหลิงอวี้จื้อเข้ามาในตำบลแล้วจู่ๆ ก็ไม่พูดไม่จา มู่หรงนี่อวิ๋นจึงถามขึ้น
“ตำบลเล็กๆ แห่งนี้ให้ความรู้สึกอบอุ่น อีกห้าวันก็จะปีใหม่แล้ว ทุกแห่งประดับประดาด้วยผ้าและโคมไฟ พวกเราไม่พักโรงเตี๊ยม แต่เช่าบ้านพักสักหลังเถิด!”
มู่หรงนี่อวิ๋นพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าก็คิดเห็นเช่นนี้เหมือนกัน”
“มั่วชิง พอพวกเราปักหลักเรียบร้อยแล้ว เจ้าไปสืบข่าวที่อำเภอฉางหนิงสักหน่อย อย่าให้เฟิงอิ๋นรู้ตัว”
“ข้าน้อยรับทราบ”
มั่วชิงพยักหน้ารับคำ
มู่หรงนี่อวิ๋นรับผิดชอบไปหาบ้าน หลิงอวี้จื้อพาพวกนางเดินเที่ยวเล่น ตำบลเถาหยวนเล็กจริงๆ มีถนนเพียงสองสาย ครึ่งชั่วโมงก็สามารถเดินเล่นได้ทั่วตำบลแล้ว รอบๆ ก็มีหมู่บ้านไม่กี่หมู่บ้าน
ถึงแม้ข้างนอกพระอาทิตย์จะออกมาแล้ว แต่ก็ยังคงหนาวอยู่เล็กน้อย เด็กหนุ่มผมเผ้ากระเซอะกระเซิงคนหนึ่งยืนอยู่บนถนนใหญ่ ใบหน้าสกปรกมาก ดำมอมแมม เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อาบน้ำมานานแล้ว ท่าทางอายุราวสิบห้าสิบหกปี
สวมเสื้อผ้าปะชุน รองเท้าที่ใส่ก็ขาด นิ้วเท้าโผล่ออกมา ยืนหนาวตัวสั่นสะท้าน ริมฝีปากแห้งแตก เขากัดริมฝีปาก ดวงตาจับจ้องไปที่แผงขายซาลาเปาซึ่งอยู่ไม่ไกล แต่ไม่เดินเข้าไป
เห็นได้ชัดว่าเขาหิวแล้ว คงจะไม่มีเงิน ดูแล้วไม่เหมือนขอทาน แต่เหมือนคุณชายน้อยตกอับ
หลิงอวี้จื้อซื้อหมั่นโถวลูกหนึ่งเดินมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม ยิ้มพลางพูดว่า
“หิวแล้วกระมัง! ถือว่าข้าเลี้ยงเจ้าแล้วกัน”
แววตาของเด็กหนุ่มเป็นประกายทันใด พูดขอบคุณเสียงเบา แล้วหยิบหมั่นโถวในมือหลิงอวี้จื้อ เห็นได้ชัดว่าเขาหิวสุดๆ แล้ว พอหยิบหมั่นโถวไปแล้ว ก็กินเข้าไปคำโต ใช้เวลาไม่นานหมั่นโถวลูกนั้นก็หายเกลี้ยง
หลิงอวี้จื้อเห็นว่าเขาหิวมาก จึงให้มั่วชิงไปซื้อหมั่นโถวมาอีกสองลูก หลิงอวี้จื้อยื่นหมั่นโถวให้เด็กหนุ่มเอง
ตอนนั้นเองเด็กหนุ่มถึงเงยหน้า สองตาประสานกัน เด็กหนุ่มมีสีหน้าตกใจ ถามอย่างระมัดระวัง
“เจ้าคือพี่สะใภ้หรือ”
“หา…”
หลิงอวี้จื้อคิดตามไม่ทัน เธอมั่นใจว่าตนเองไม่รู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ จะกลายเป็นพี่สะใภ้ของเขาไปได้อย่างไร ไม่ใช่จำคนผิดอีกแล้วหรอกนะ!
“น้องชาย ข้ายังไม่แต่งงาน ไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า”
“ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นพี่ชายของข้า เจ้าเป็นคู่หมั้นของท่านอ๋อง ย่อมเป็นพี่สะใภ้ของข้า”
“เจ้าเป็นใคร รู้จักข้าได้อย่างไร”
หลิงอวี้จื้อพินิจพิเคราะห์เด็กหนุ่มตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอนนั้นซีหนานอ๋องมีลูกชายเพียงคนเดียว ไม่มีทางมีลูกชายเยาว์วัยขนาดนี้อีกคนได้ ไม่นานเธอก็นึกถึงตระกูลอวิ๋น หรือว่านี่จะเป็นน้องชายของอวิ๋นอี้เหยา คำนวณจากอายุก็น่าจะอายุราวๆ นี้
“ข้าชื่ออวิ๋นซั่ว ข้าเคยเห็นภาพเหมือนของเจ้า จึงรู้จักเจ้า”
เดาถูกตามคาด เขาเป็นคนตระกูลอวิ๋นจริงๆ บังเอิญเหลือเกิน นึกไม่ถึงว่าจะเจออวิ๋นซั่วที่นี่ เธอไม่เชื่อว่านี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ อวิ๋นซั่วน่าจะตั้งใจตามหาเธอ
เขาอาศัยแค่ภาพเหมือนก็จำเธอได้นับว่าเก่งกาจมาก หน้าตาเธอโดดเด่นเป็นที่จดจำขนาดนี้เลยหรือ แล้วภาพเหมือนนั้นเป็นฝีมือของใคร
ตอนที่ 367 น้องชายของเซียวเหยี่ยน
“ตระกูลอวิ๋นยังไม่ตกอับ เหตุใดเจ้าถึงกลายเป็นเช่นนี้”
ไม่ว่าจะคิดอย่างไร อวิ๋นซั่วก็เป็นทายาทเศรษฐี ทายาทเศรษฐีที่มั่งคั่งที่สุดในซูโจว เธอเคยไปบ้านตระกูลอวิ๋น ไม่ต้องสงสัยเรื่องสินสอดทองหมั้นของตระกูลอวิ๋นเลย แต่ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าคุณชายแห่งตระกูลอวิ๋นจะลดตัวลงมาเป็นขอทาน ใครก็ต้องรู้สึกเหลือเชื่อ
อวิ๋นซั่วก้มหน้าลง ราวกับรู้สึกละอายใจ ยืนตัวสั่นสะท้านอยู่ท่ามกลางลมหนาว เห็นเขาเป็นเช่นนี้แล้วช่างน่าสงสาร ไหนๆ ก็เป็นน้องชายแม่เดียวกันแต่ต่างพ่อของเซียวเหยี่ยน หากเซียวเหยี่ยนพบเขาเข้า ก็คงจะต้องใส่ใจเขา หลิงอวี้จื้อพูดว่า
“เจ้ากลับไปกับข้าก่อน เปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำสักหน่อยแล้วค่อยๆ พูด”
“ขอบคุณพี่สะใภ้”
หลิงอวี้จื้อไม่ได้แก้คำเรียกของอวิ๋นซั่ว แต่กลับชอบใจ เดิมทีเธอก็เป็นพี่สะใภ้ของอวิ๋นซั่วอยู่แล้ว ไหว้ฟ้าดินก็ไหว้กันมาแล้ว แค่ขาดขั้นตอนสุดท้ายไปขั้นตอนเดียว
“พี่สะใภ้ เจ้าอยู่กับชายอื่นได้อย่างไร พี่ชายข้าล่ะ”
“ไอ้น้องชาย ท่านอ๋องยอมรับเจ้าแล้วหรือ หลิงอวี้จื้อไม่ได้เป็นพี่สะใภ้ของเจ้า ถ้าไม่เรียกว่าพี่สาว ก็เรียกว่าแม่นางหลิง นางกับท่านอ๋องยังไม่ได้แต่งงานกัน เจ้าเรียกนางเช่นนี้จะทำให้นางเสื่อมเสีย”
“พี่สะใภ้ข้ายังไม่ว่าอะไร เจ้าเอาอะไรมาคัดค้านข้า รู้อยู่แก่ใจว่าพี่สะใภ้ข้ามีสามีแล้ว เจ้ายังตามนางอยู่อีก เจ้าต่างหากที่กำลังทำให้นางเสื่อมเสีย”
อวิ๋นซั่วตอกกลับทันที มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับมู่หรงนี่อวิ๋นอย่างเต็มที่
มู่หรงนี่อวิ๋นยังอยากต่อปากต่อคำ แต่หลิงอวี้จื้อรั้งเขาเอาไว้ ดึงเขามาข้างๆ แล้วพูดเบาๆ ว่า
“เจ้าจะไปแข่งอะไรกับเด็ก ไม่กลัวคนอื่นจะหัวเราะเยาะเสียบ้าง”
“คนผู้นี้ปรากฏตัวอย่างประหลาด อวิ๋นอี้เหยาก็มีท่าทีจะเป็นศัตรูกับท่านอ๋อง ตามหลักการแล้วน้องชายคนนี้ก็คงมีนิสัยไม่ต่างกับพี่สาวของเขา จะสนิทสนมกับท่านอ๋องที่ไม่เคยพบหน้ากันเช่นนี้ได้อย่างไร ข้าว่าเขาเป็นแค่โจร คิดจะพึ่งพาบารมีท่านอ๋อง”
หลิงอวี้จื้อกดเสียงต่ำลงไปอีก
“หากจะพึ่งพาบารมี ควรจะไปเมืองหลวง มาพึ่งพาบารมีที่นี่ ไม่บ้าไปหน่อยหรือ ข้ารู้สึกว่าเขามีเป้าหมายอื่น คอยดูว่าเขาจะทำอะไรค่อยว่ากัน”
“เจ้าจะเก็บเขาไว้ข้างๆ หรือ”
“ไม่เก็บเขาไว้ เขาก็จะไปหาอาเหยี่ยน ตอนนี้อาการบาดเจ็บเขาสาหัสขนาดนั้น จะมีแรงที่ไหนมาจัดการกับเด็กผีนี่
พวกเราก็ไม่สามารถฆ่าเขาโดยไม่มีเหตุผล เรื่องเหล่านี้เป็นการคาดเดาของพวกเราล้วนๆ หากพวกเราเดาผิดขึ้นมา ไม่เท่ากับว่าฆ่าผู้บริสุทธิ์หรอกหรือ อย่างไรเขาก็เป็นน้องชายของอาเหยี่ยน เรื่องของตระกูลอวิ๋นเขาก็ไม่เคยอยู่ร่วมด้วย”
“ข้าจะดูเขาเอง”
มู่หรงนี่อวิ๋นรับคำ
“พี่สะใภ้ เจ้ากระซิบกระซาบกับชายอื่นได้อย่างไร ความประพฤติเช่นนี้ผิดต่อพี่ชายของข้านะ”
เสียงเย็นชาของอวิ๋นซั่วดังแว่วมาทางด้านหลังของทั้งสองคน หลิงอวี้จื้อถือว่ามู่หรงนี่อวิ๋นเป็นเพื่อนสนิทแน่นแฟ้นมานานแล้ว ประกอบกับเธอเป็นผู้หญิงยุคปัจจุบัน ไม่ได้ยึดหลักศีลธรรมอะไรมากมายเช่นนั้น
“นี่คือมู่หรงนี่อวิ๋น เป็นเพื่อนสนิทของข้ากับพี่ชายเจ้า น้องชาย เจ้าก็เป็นห่วงท่านอ๋องมากเหมือนกันนะ”
“พี่สาวไม่อยู่แล้ว พ่อข้าก็ไม่อยู่แล้ว ข้าเหลือญาติเพียงคนเดียวแล้ว”
อวิ๋นซั่วก้มหน้าลงอย่างโศกเศร้า
“ตระกูลอวิ๋นเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“พอแม่ข้าตายไปแล้ว พ่อข้าก็หมดอาลัยตายอยาก คืนหนึ่งมีโจรกลุ่มหนึ่งบุกเข้าบ้านตระกูลอวิ๋น ปล้นบ้านจนเกลี้ยง ฆ่าสาวรับใช้และคนงานตายเรียบ พ่อข้าบาดเจ็บหนัก”