ตอนที่ 319

The Strongest Hokage

4 หาง ล้มลงบนพื้นและหมดสติไป จากนั้นร่างของ 4 หาง ก็กลายเป็นก้อนจักระและค่อย ๆ ถูกดูดกลับไปเหลือทิ้งไว้เพียงแค่ร่างของ พลังสถิตร่าง ของ 4 หางเท่านั้น

ไนโตะ หลี่ตามองไปที่ พลังสถิตร่าง ของ 4 หาง

4 หาง โดนหมัดของ ไนโตะ เข้าอย่างจัง พลังส่วนใหญ่ของการโจมตีนี้ปะทะเข้ากับพื้นทำให้พื้นถูกทำลายอย่างน่ากลัว

หมัดของ ไนโตะ สามารถบินเบือนมิติได้ และด้วยพลังดังกล่าวทำให้ ไนโตะ มีความสามารถมากถึงขั้นทำลายโลกได้เลยทีเดียว

โดยรวมแล้วความแข็งแกร่งของ ไนโตะ อาจจะอ่อนแอกว่า ไก ในตอนที่ ไก เปิดประตูด่านพลังบานที่ 8 ได้ แต่พลังของ ไนโตะ ไม่ได้มีผลข้างเคียง มันสามารถใช้ได้อย่างถาวร นั้นก็เพราะ วิชากระบวนท่าเปิดประด่านพลังทั้ง 8 แบบย้อนกลับ และโหมดเซียนของเขานั้นเอง!

ถ้า ไนโตะ ใช้พลังทั้งหมดของเขาและกระแทกพลังนั้นลงไปที่พื้น ด้วยพลังของเขา เขาจะสามารถทำให้เกิดภัยธรรมชาติได้ และเขาสามารถทำให้ทั้งแคว้นต้องตกอยู่ในนรกที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้!

หลังจากส่ายหัว ไนโตะ ก็ลืมทุกอย่างเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดกับสถานที่นั้น และอุ้ม พลังสถิตร่าง ทั้ง 2 คนขึ้นมาแล้วพุ่งขึ้นไปบนฟ้า ทิ้ง นินจาอิวะ ไว้ข้างหลังอย่างไม่สนใจ

พวกเขาใช้เวลานานก่อนที่พวกเขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้

พวกเขาเป็นนินจาระดับสูงของหมู่บ้านและมีเพียงไม่กี่คนในโลกเท่านั้นที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่เหนือพวกเขา

ถึงกระนั้นเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับ ไนโตะ พวกเขาก็พบว่าระดับของพวกเขากับ ไนโตะ นั้นต่างกันเกินไป และพวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะสู้เขาได้!

………

หลังจากจัดการกับ 4 หาง และ 5 หาง แล้ว ไนโตะ ก็จับ พลังสถิตร่าง ของทั้ง 2 กลับไปที่ค่ายของ โคโนฮะ ทันทีและส่งพวกเขาให้กับ โอโรจิมารุ

ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนรู้ว่า ไนโตะ บุกเข้าไปในค่ายของศัตรูได้อย่างไร และจับตัว พลังสถิตร่าง กลับมาเหมือนกับพวกเขาเป็นแค่ไก่ตัวหนึ่ง ซึ่งข่าวนี้ทำให้เกิดความสับสนและวุ่นวายครั้งใหญ่ให้กับโลกนินจา!

เมื่อข่าวนี้มาถึง หมู่บ้านอิวะ ซึจิคาเงะ ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ ไนโตะ นั้นแข็งแกร่ง แต่เขาก็ควรมีขีดจำกัดบ้าง มันกลายเป็นตำนานมากขึ้นเรื่อย ๆ!

ซึจิคาเงะ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ และแสดงความขมขื่นออกมาบนใบหน้าอย่างชัดเจน

“เขามักจะจัดการได้ยากเสมอ แต่คราวนี้ ฉันรู้สึกว่าเจ้าปีศาจตัวน้อยนี้ได้กลายเป็นเหมือน อุจิฮะ มาดาระ ไปแล้ว”

โอโนกิ เคยต่อสู้กับ มาดาระ อยู่ครั้งหนึ่ง และระดับพลังของเขาก็ห่างกับ มาดาระ มาก แม้แต่ มู ซึจิคาเงะ รุ่นที่ 2 ก็เหมือนเป็นแค่มดเมื่อเทียบกับ มาดาระ!

เมื่อ ไนโตะ ปรากฏตัวครั้งแรก โอโนกิ สามารถฆ่า ไนโตะ ได้ในทันที แต่หลังจากผ่านไปหลายปีนับตั้งแต่พวกเขาเผชิญหน้ากันครั้งแรก ไนโตะ ก็เติบโตขึ้นมาก และตอนนี้ความแข็งแกร่งของ ไนโตะ ก็เกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึง!

ในมุมมองของ โอโนกิ เขารู้สึกว่าการแสดงพลังนี้เกือบจะเหมือนกับพลังของ มาดาระ เมื่อก่อน

แต่ มาดาระ มีคู่แข่งในรุ่นเดียวกันเพื่อรักษาความสมดุลให้แก่โลก นั้นก็คือ เซนจู ฮาชิรามะ แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในระดับเดียวกับ ไนโตะ!

ไม่มีนินจาคนไหนในยุคนี้ที่จะสามารถต่อกรกับ ไนโตะ ได้ นี่คือยุคของ ไนโตะ!

“โชคดีที่ความสัมพันธ์ระหว่าง ไนโตะ กับ โคโนฮะ ไม่ได้ดีเหมือนเมื่อก่อน เขาไม่ได้อยู่ข้าง โคโนฮะ อย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้นสงครามครั้งนี้คงจะไม่เกิดขึ้นตั้งแต่แรก”

ใบหน้าของ ซึจิคาเงะ เต็มไปด้วยความเศร้า เขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี นี่เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมสำหรับหมู่บ้านของเขาที่จะได้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง

แต่ถ้า ไนโตะ ยังยืนหยัดเคียงข้าง โคโนฮะ แบบนี้ต่อไป พวกเขาก็จะไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะในสงครามครั้งนี้ได้เลย

ตอนนี้ โอโนกิ ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากจับตาดูการเคลื่อนไหวและรอดูว่า หมู่บ้านคุโมะ จะทำอย่างไรต่อไป

หมู่บ้านอิวะ เริ่มดูสถานการณ์ของสงครามอยาเฉย ๆ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ความโกลาหลในโลกนินจาลดน้อยลงไปเลย แถมยังรุนแรงมากยิ่งขึ้นไปอีกด้วยซ้ำไป

หลายคนไม่อยากเชื่อข่าวนี้เลย

มันน่าเหลือเชื่อเกินไป เพราะตอนแรก ไนโตะ สามารถจับ 1 หาง กับ 3 หาง ไปได้ จากนั้นก็มีข่าวว่าเขาฆ่า กลุ่ม 7 ดาบนินจาแห่งคิริ เมื่อพวกเขาได้ยินข่าวนี้พวกเขาก็แทบไม่อยากเชื่อ แต่ข่าวที่ว่าคนคนหนึ่งบุกเข้าไปในค่ายของศัตรูแล้วจับ 4 หาง กับ 5 หาง ไปได้อย่างง่ายดาย นั้นมันเป็นไปไม่ได้

นี่มันเหมือนนิทาน!

บางคนสงสัยในเรื่องทั้งหมด และกล่าวหาว่า อิวะ และ โคโนฮะ สมรู้ร่วมคิดกัน

ไรคาเงะ รุ่นที่ 4 รู้สึกหงุดหงิดมากเมื่อเขาคิดเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เขาต้องการจัดการกับทั้ง โคโนฮะ และ โอโนกิ

อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจทฤษฎีเหล่านี้มากนัก แม้ว่า โคโนฮะ และ อิวะ จะทำข้อตกลงนี้อย่างลับ ๆ เขาก็ไม่ได้กลัว หมู่บ้านอิวะ แต่อย่างใด!

แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับ โคโนฮะ แต่ คิริ และ ซึนะ ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของเกมนี้อยู่ และตราบใดที่พวกเขาสามารถตัดกำลังกองทัพศัตรูได้ เขาก็ไม่กลัวที่จะต่อสู้กับทั้ง 2 ฝ่ายพร้อมกัน!

หมู่บ้านคุโมะ ยังคงเป็นต่อในแนวหน้าของสงคราม และนี่คือเหตุผลที่เขาจะไม่ยอมหยุดการโจมตี

อย่างไรก็ตาม เขาจะตัดสินใจเข้าร่วมการต่อสู้หาก ไนโตะ กล้าที่จะมาที่สนามรบ เขาก็จะฆ่า ไนโตะ ด้วยมือของเขาเอง!

……..

ค่ายแนวหน้าของ โคโนฮะ

หลังจากที่เขาส่ง พลังสถิตร่าง ของ 4 หาง และ 5 หาง ให้กับ โอโรจิมารุ เพื่อทำการวิจัยต่อแล้ว ไนโตะ ก็ไม่ได้ไปที่สนามรบในทันที แต่เขาอยู่ที่ค่ายนี้ชั่วคราวเพื่อศึกษางานวิจัยที่ โอโรจิมารุ มอบให้เขา

งานวิจัยของ โอโรจิมารุ กำลังจะถึงทางตันจริง ๆ แม้ว่าข้อมูลนี้จะลึกกว่าข้อมูลก่อนหน้านี้มาก แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์แต่อย่างใด และเขาก็ยังไม่เข้าใจความลึกลับของวิญญาณอย่างสมบูรณ์

หลังจากเขาอ่านข้อมูลที่บันทึกในม้วนกระดาษนี้อย่างระมัดระวัง ก็อาจกล่าวได้ว่า ไนโตะ ไม่ได้ผิดหวังกับข้อมูลที่ได้มา แต่ก็ไม่ได้พอใจแต่อย่างใด

ถ้ายังคงเป็นแบบนี้เขาจะไม่ไปถึงขั้นที่ 3 ของ พลังวิญญาณ อย่างแน่นอน

หากคุณต้องการพัฒนาวิชา คุณต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับวิชานั้น รวมถึงกระแสธรรมชาติของจักระที่ต้องใช้ในการร่ายวิชานั้นด้วย ด้วยวิธีนี้คุณสามารถพัฒนาวิชานินจานั้นได้

ครั้งสุดท้ายที่ผลการวิจัยทางวิญญาณที่ โอโรจิมารุ ศึกษามานั้น โดยทั่วไปแล้วจะกล่าวถึงทฤษฎีและแนวคิดเท่านั้น และ ไนโตะ ก็ต้องหาวิธีเพื่อเสริมสร้าง พลังวิญญาณ ของเขาเอง

แต่งานวิจัยที่เขาที่ได้รับมาจาก โอริจมารุ ในตอนนี้นั้นมีความก้าวหน้าเพียงเล็กน้อยจากงานวิจัยก่อนหน้านี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นแนวคิดหรือทฤษฎีก็ยังคงเป็นแบบเดิม มันยากที่จะพัฒนา พลังวิญญาณ โดยอาศัยข้อมูลในม้วนงานวิจัยนี้

หลังจากการทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ ไนโตะ ก็พบกับความยากลำบากเป็นอย่างมากในการพัฒนามัน ดังนั้นเขาจึงกลับไปหา โอโรจิมารุ

ตลอดทางที่เขาเดินไปในค่าย นินจาโคโนฮะ ต่างแสดงความเคารพเขาด้วยการโค้งคำนับให้กับ ไนโตะ

ไนโตะ บุกเข้าไปในค่ายของศัตรูด้วยตัวคนเดียว ซึ่งทำให้นินจาในค่ายแห่งนี้รู้สึกอายเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินข่าวนี้

นอกเหนือจากความตกใจที่พวกเขารู้สึกแล้ว พวกเขาก็ยังชื่นชมสิ่งที่ ไนโตะ ทำให้ โคโนฮะ

อีกไม่นานก็จะถึงห้องทดลองของ โอโรจิมารุ ซึ่งเขามักจะไม่ไปไหนยกเว้นเขาจะต้องไปเข้าร่วมในสนามรบ

บรรยากาศรอบ ๆ ที่นี่มืดมนมาก ภายใต้สถานการณ์ปกติ ก็คงจะไม่มีใครอยากจะมาที่นี่ แต่พวกเขาก็ต้องมาเพราะ โอโรจิมารุ ได้เปลี่ยนที่นี่เป็นห้องบัญชาการแล้ว