นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 626 หายไปแล้ว
สวีหว่านเอ๋อร์ตกอยู่ในความครุ่นคิดอีกครั้ง ขณะที่เธอกำลังดูการวิจารณ์เธอบนอินเทอร์เน็ต
บริษัทสามารถอยู่ได้ชั่วขณะหนึ่งด้วยเงิน 100,000 ที่บุคคลลึกลับมอบให้ แต่ตอนนี้ก็เกือบจะสายเกินไปแล้ว
และเรื่องของเธอก็ยังส่งผลกระทบต่อหน้าตาของบริษัทมากยิ่งขึ้น และลูกค้าจำนวนมากได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทของตระกูลสวี
“แกไปทำอะไรไว้อีก!”
เสียงถามของพ่อสวีมาจากข้างนอก ทำให้สวีหว่านเอ๋อร์ทรุดตัวลงไปอีก
และหลังจากเหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างซูฉิงและฮ่อหยุนเฉิง กลับกลายเป็นการทำร้ายตัวเองแทน
หมายเลขโทรศัพท์ของบุคคลลึกลับไม่สามารถโทรกลับได้ ดังนั้นจึงไม่ต้องคิดที่จะจับเงินล้านนั้นเลย
สวีหว่านเอ๋อร์ทำอะไรไม่ถูกและขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่กินอะไรแม้แต่นิดเดียว
เรื่องนี้ได้รับการแฉอย่างดุเดือดบนอินเทอร์เน็ต และมันมาถึงจุดที่ไม่สามารถจบได้
สวีหว่านเอ๋อร์รู้สึกหดหู่ใจมาก และพ่อสวีเองก็รู้ว่าไม่มีหน้าอยู่อีกต่อไป ลูกสาวของเขาได้ทำอะไรแบบนี้ และถูกแฉอีก ไม่มีใครสามารถทนต่อไปได้อีก
คืนนั้นสวีหว่านเอ๋อร์รีบปิดเว่ยป๋อของเธอ และเธอก็ไม่ได้รับความคิดเห็นที่ไม่ดีเกี่ยวกับเธออีกต่อไป
และพ่อสวีก็ได้จัดระเบียบบริษัทใหม่ และเตรียมย้ายบริษัทไปต่างประเทศ ซึ่งที่นี่อาจไม่มีที่สำหรับตระกูลสวีของพวกเขา
พวกเขาซื้อตั๋วสำหรับคืนนี้ เก็บสัมภาระอย่างเร่งรีบ และรีบออกจากเมืองไปอย่างรวดเร็ว
สวีหว่านเอ๋อร์มองดูทิวทัศน์นอกเครื่องบินและลังเลเล็กน้อย เพราะนี่คือเมืองที่เธออาศัยอยู่มากว่า 20 ปี
อย่างไรก็ตาม ในการเผชิญกับการเยาะเย้ยของผู้อื่น เธอไม่สามารถทนต่อความระแวดระวังและหยิ่งผยองได้อีกต่อไป และบางทีการจากไป ก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเธอ
ชาวเน็ตพบว่าเว่ยป๋อของสวีหว่านเอ๋อร์ถูกลบออกไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น และบริษัทของตระกูลสวี ก็หายไปอีก ทุกคนต่างคิดว่าธุรกิจของครอบครัวสวีนั้นล้มลลายแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป
และแล้ว ครอบครัวสวีก็หายตัวไป และหายไปจากสายตาของผู้คน
ซูฉิงที่นั่งอยู่ในสำนักงาน เมื่อรู้เรื่องของสวีหว่านเอ๋อร์เธอ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
จากนี้ไปจะไม่มีปัญหาของสวีหว่านเอ๋อร์กับบริษัทและฮ่อหยุนเฉิงอีก นี่ไม่ใช่เรื่องดีหรอกเหรอ
เธอหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาบนโต๊ะแล้วจิบเล็กน้อย ทันใดนั้น กวนจิ่งสิงก็ผลักประตูเข้าไป
เมื่อเห็นว่าหน้าผากของกวนจิ่งสิงเต็มไปด้วยเหงื่อ หน้าตาดูรีบร้อน และก็ยิ่งซูฉิงรู้สึกปวดหัว
“เกิดอะไรขึ้น?”
มีหลายสิ่งที่เกิดขึ้นในบริษัทเมื่อเร็ว ๆ นี้ มันทำให้เธอแทบอยากจะหยุดหายใจ
เรื่องของสวีหว่านเอ๋อร์เพิ่งจะคลี่คลายลง แต่ตอนนี้มีเรื่องอื่นเข้ามา ทำให้เธอเวียนหัวอีกแล้ว
“วันนี้คุณดูเว่ยป๋อแล้วหรือยัง?”
“เว่ยป๋อ?”
ซูฉิงขมวดคิ้ว ทำไมผู้คนในครอบครัววันๆถึงได้เข้าการค้นหายอดนิยมในเว่ยป๋อ
“ตอนเช้านี้คุณยังพูดถึงการลบแอคเค้าท์เว่ยป๋อของสวีหว่านเอ๋อร์ไปไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้เปลี่ยนอีกแล้วเหรอ?”
“โอ้ อย่าพูดถึงสีหว่านเอ๋อร์ รีบไปดูก่อนเถอะ”
กวนจิ่งสิงรู้สึกรีบร้อนมาก และส่งต่อการค้นหายอดนิยมบนโทรศัพท์มือถือของเขาให้ซูฉิงดู
“ผู้กำกับของสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์และพนักงานใหม่เย่ซีถูกสงสัยว่าแอบกุ๊กกิ๊กกัน”
พอคำพูดนี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าซูฉิง เธอก็เบิกตากว้าง มองไปที่หน้าจอ แล้วมองไปที่กวนจิ่งสิง
“เธอ นี่พวกเธอ?”
กวนจิ่งสิงเกาหลังของเขาและดูหมดหนทาง “ฉันไม่คิดว่าจะถูกคนดูออก … ”
เมื่อเห็นการแสดงออกของกวนจิ่งสิง ซูฉิงก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดาๆแน่นอน
“มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทำไมฉันถึงไม่รู้?”
ซูฉิงหวนนึกถึงวันเวลาต่างๆ ในช่วงเวลานี้ และไม่น่าแปลกใจเลยที่กวนจิ่งฉิงจะดูแลเย่ซีเป็นอย่างดี และอดทนอ่อนโยนกับเธอกว่าคนอื่นๆ ซูฉิงโทษว่าเป็นเพราะเธอมีงานยุ่งในทุกๆจนเธอไม่ได้สังเกตเรื่องนี้
ตอนนี้เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว ถึงเธอจะรู้แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
“อย่าสนใจเรื่องพวกนั้นเลย ช่วยฉันคิดวิธีแก้ไขก่อนเถอะ”
กวนจิ่งสิงสองจับมือกัน ทำให้ซูฉิงทำอะไรไม่ถูก
“รางวัลปลายปีนี้ก็อย่างคิดจะได้มันมาครอบครองเลย”
ซูฉิงทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้อย่างแผ่วเบา เหลือเพียงกวนจิ่งสิงที่ดูประหลาดใจ จากนั้นเธอก็เริ่มคิดหาวิธีรับมือกับปัญหานี้
เธอเปิดวีแชทและดูภาพในการค้นหายอดนิยม
เหตุการณ์ในภาพ เกิดขึ้นตอนที่กวนจิ่งสิงปกป้องเย่ซีในร้านกาแฟครั้งล่าสุดนี้
หน้าของเย่ซีแดง เธอตัวเล็กน่ารักซ่อนตัวอยู่หลังกวนจิ่งสิงเต็มไปด้วยความรู้สึกของคู่จิ้น
“ตอนนั้นเย่ซีถูกหลอกโดยคนแปลกหน้า ดังนั้นฉันจึงรีบไปหาเธอและปกป้องเธอที่อยู่ข้างหลังฉัน ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะฉลาดแกมโกงและถูกแอบถ่ายแบบนี้ซะได้”
เมื่อเห็นว่าหน้าของซูฉิงผิดปกติไป เสียงของกวนจิ่งสิงก็เบาลงเรื่อยๆ เขารู้ว่าครั้งนี้เขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่
“อีกฝ่ายเป็นใครอย่างงั้นเหรอ?”
ซูฉิงถาม เนื่องจากเขาสามารถหาเย่ซีได้ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
“เขาสวมแว่นตาขอบดำและหมวก ฉันดูไม่ออกหรอกว่าเขาเป็นใคร”
กวนจิ่งสิงทำอะไรไม่ถูก ในตอนนั้นเขาสนใจแต่เย่ซีเท่านั้น และไม่ทันได้สนใจชายคนนั้นเลย
เนื่องจากสิ่งต่างๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว นี่ไม่ใช่สิ่งที่ควรให้ความสนใจ ทุกวันนี้ ความรักแบบแอบๆเป็นสิ่งต้องห้ามที่สุดในบริษัท และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเย่ซีที่ยังเป็นคนที่มาใหม่ เขาเพิ่งสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองในวงการบันเทิง อุตสาหกรรม และเป็นเรื่องยากที่จะไม่ถูกสังเกต
บริษัทสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้บ่อยครั้งในทุกวันนี้ และมีแต่เรื่องฉาวๆถูกเปิดเผยต่อสายตาของผู้คน ซึ่งดึงดูดความไม่พอใจของคนจำนวนมาก
มีการคอมเม้นท์เสียๆหายๆมากมายบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับเย่ซีและกวนจิ่งสิงและสถานการณ์ตอนนี้ก็อยากจะรับมือ
การวิจารณ์ของเย่ซีอยู่บนพื้นฐานของกฎอะไรแบบนี้ โดยบอกว่าเธอไม่มีจรรยาบรรณของศิลปิน เธอเพิ่งเข้ามาในบริษัทก็ไล่จับผู้อำนวยการบริษัท ไม่เช่นนั้นจะปล่อยเพลงใหม่ที่กำลังมาแรงด้วยจำนวนมากมายแบบนี้ได้อย่างไร?
บางคนก็ถึงกับหยิบเอาย่อหน้าที่เฉินอี้ลอกเลียนเย่ซีและ กล่าวจนไม่มีที่ยืนให้กับเย่ซี
และเย่ซีเองก็ไม่กล้าที่จะมองดูเว่ยป๋อในเวลานี้ ดังนั้นเธอทำได้เพียงนอนบนโต๊ะคนเดียว ด้วยตาสีแดงและน้ำตาที่มุมตาของเธอ
สิ่งนี้ทำให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ เธอดูเศร้าใจมาก และในขณะเดียวกันก็ดึงดูดสายตาที่ขุ่นเคืองมากมาย
เย่ซีเป็นเพียงคนที่มาใหม่ และไม่นานหลังจากที่เขาเข้ามา เขาก็มีทรัพยากรที่ดี ซึ่งทำให้หลายคนอิจฉามาก
ตอนนี้เรื่องนี้ถูกเปิดเผยแล้ว หลายคนในบริษัทรู้สึกอิจฉา และหลายคนก็ไม่ยอมแพ้ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกว่าเย่ซีดึงดูดความสนใจของกวนจิ่งสิงด้วยหน้าที่ไร้เดียงสาของเธอ ไม่เช่นนั้น เธอก็คงจะไม่มีผลงานดีๆแบบนี้หรอก
ในช่วงหนึ่ง เย่ซีก็ถูกเหยียบย่ำโดยทุกคน และแม้แต่ตำแหน่งของกวนจิ่งสิงในบริษัทก็ได้รับผลกระทบ และหลายคนที่อิจฉาตำแหน่งของกวนจิ่งสิงก็อยากจะกระโดดออกมาแทนที่เขา
ซูฉิงนั่งอยู่ในบริษัท ซูฉิงมองดูความคิดเห็นของสาธารณชนเกี่ยวกับเว่ยป๋อและรู้สึกปวดหัวมากขึ้น
ชื่อเสียงของกวนจิ่งสิงก็ไม่ได้มากเท่าไหร่นัก เขาไม่สามารถปฏิบัติต่อพนักงานของบริษัทอย่างเท่าเทียมกันได้ และสิ่งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกไม่พอใจ
ซูฉิงทำอะไรไม่ถูกเลยในเวลานี้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อจ้างคนมาและพยายามเปลี่ยนความคิดเห็นของสาธารณชน แต่ทันทีที่คนเหล่านั้นโพสต์โพสต์ ทุกคนก็ดุด่าพวกเขา
ซูฉิงเป็นห่วงพวกเขาจริงๆ ตลอดช่วงเช้า เธอได้รับจดหมายร้องเรียนจากพนักงานมากมาย