แดนนิรมิตเทพ บทที่ 639
เห็นได้ชัดว่าสมาชิกหน่วยรบพิเศษที่ชื่อหลี่หู่ตกตะลึงเล็กน้อย

เขามองเฉินโม่ ตอนนี้พลังของเขาอ่อนลงเล็กน้อยเช่นกัน แต่ท่าทางของเขายังคงแข็งกร้าว “เจ้าหนู นายคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ?”

หลี่หู่คว้าปืนขึ้นมาทันที ยื่นมือชี้เฉินโม่ แล้วเล็งปากกระบอกปืนสีดำไปที่ระหว่างคิ้วของเฉินโม่

“เดี๋ยวก่อน!”

ในที่สุดเซี่ยไห่หลงที่เป็นรองหัวหน้าก็ทนดูไม่ไหวแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นความแข็งแกร่งของเฉินโม่มาแล้ว และมั่นใจว่าเฉินโม่ไม่กลัวกระสุน แต่การไม่กลัวกระสุน ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถต้านกระสุนได้

นักบู๊แดนในสามารถหลบกระสุนได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าเขาถูกกระสุนปืน ก็ไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไป

เว้นเสียแต่จะเป็นปรมาจารย์แดนแปรภาพ ถึงจะสามารถอาศัยพลังในปล่อยออกมาต้านกระสุนได้

เพียงแต่นั่นมันสำหรับกระสุนธรรมดาเท่านั้น และต้องมีระยะห่างระหว่างกันพอสมควร

แต่ตอนนี้เฉินโม่กับหลี่หู่อยู่ห่างกันไม่เกินห้าเมตร ด้วยระยะทางที่ใกล้เช่นนี้ แม้แต่ปรมาจารย์ก็ไม่สามารถต้านได้

ยิ่งไปกว่านั้น เซี่ยไห่หลงรู้จักปืนนี้เป็นอย่างดี กระสุนที่อยู่ในนั้นมีคุณสมบัติเหมือนกระสุนเจาะเกราะ ถ้าพลั้งมือฆ่าเฉินโม่ตาย ผู้บังคับบัญชาจะต้องตำหนิพวกเขาอย่างแน่นอน

เฉินโม่มองเซี่ยไห่หลงด้วยความสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ขัดขวางอย่างกะทันหัน และบังเอิญเซี่ยไห่หลงก็มองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “กระสุนไม่มีตา ถึงแม้ว่านายต้องการพิสูจน์ตนเอง แต่ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีเดิมพันด้วยชีวิตแบบนี้ ผมขอเตือนให้คุณคิดไตร่ตรองให้ดี”

และแน่นอนว่าเฉินโม่ไม่ยอมรับความหวังดีของเซี่ยไห่หลง “อ้อ คุณคิดว่านี่เป็นการเดิมพันด้วยชีวิตเหรอ? แต่ผมไม่คิดแบบนั้น มันเป็นแค่กระสุนเท่านั้น มันทำร้ายผมไม่ได้หรอก!”

น้ำเสียงของเฉินโม่ผ่อนคลายราวกับพูดคุยเรื่องทั่วไป เมื่อได้ยินอย่างนั้น เซี่ยไห่หลงก็แทบอยากจะใช้ปืนกลมือยิงเขา!

“ลั่นไกเถอะ ผมจะรับผิดชอบผลที่ตามมาทั้งหมดเอง!” เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

หลี่หู่กัดฟันแล้วกล่าวว่า “นายขู่ฉันเหรอ? นายคิดว่าฉันไม่กล้าเหรอ?”

หลังจากนั้น มือของหลี่หู่ก็กดอยู่บนไกปืน

เซี่ยไห่หลงมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้านายยืนยันจะให้ทำแบบนั้น นายต้องลงชื่อในหนังสือความเป็นตาย!”

“หนังสือความเป็นตาย?” เฉินโม่เลิกคิ้วและกล่าวพึมพำกับตัวเอง

“อย่าพูดไร้สาระ นายกล้าไหม?” ดูเหมือนว่าหลี่หู่คิดว่าเฉินโม่ไม่กล้าลงชื่อในหนังสือความเป็นตาย ดังนั้นเขาจึงด่าด้วยสีหน้าเยาะเย้ย

“เอามาสิ!” เฉินโม่กล่าวกับเซี่ยไห่หลง และตอบหลี่หู่ด้วยการกระทำจริง

สีหน้าของเซี่ยไห่หลงเคร่งขรึม มองเฉินโม่สักครู่ ราวกับเขาอยากรู้ว่าเฉินโม่กำลังคิดอะไรอยู่

เพียงแต่เขารู้สึกผิดหวัง เพราะเขาไม่สามารถมองเห็นอารมณ์ใด ๆ จากดวงตาของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าได้เลย เพราะดวงตานั้นลึกลับกว่านักปราชญ์ที่มีอายุเป็นร้อยปีเสียอีก

“นี่เป็นการตัดสินใจของนายเอง!” เซี่ยไห่หลงกล่าวประโยคหนึ่ง เดินไปหยิบกระดาษกับปากกา หลังจากเขียนข้อความเกี่ยวกับยินยอมไม่เอาความกรณีเสียชีวิตเสร็จแล้ว เขาก็ยื่นให้เฉินโม่

เฉินโม่เซ็นทันทีโดยไม่อ่านข้อความ จากนั้นก็ส่งกลับคืนไปให้เซี่ยไห่หลง

“ลั่นไกเถอะ!” เฉินโม่มองหลี่หู่ และกล่าว

“……”

เมื่อเห็นว่าเฉินโม่เป็นคนตรงไปตรงมา สมาชิกทุกคนของหน่วยรบพิเศษรู้สึกลังเลเล็กน้อย

พวกเขารู้ถึงพลังของปืนพกเป็นอย่างดี ถึงแม้พวกเขาจะสวมชุดเกราะ พวกเขาก็อาจจะไม่กล้าต้านรับโดยตรง หรือเฉินโม่คิดว่าปืนพกกระบอกนี้ เป็นเหมือนปืนพกธรรมดาทั่วไป? ดังนั้นเขาถึงไม่รู้สึกสะทกสะท้าน!

ขณะนี้หลี่หู่ที่ถือปืนอยู่รู้สึกประหม่าอย่างยิ่ง จนฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ

“เป็นอะไร? อย่าบอกนะว่าสมาชิกของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรีไม่กล้าแม้แต่จะลั่นไกฆ่าคน” น้ำเสียงของเฉินโม่แฝงไปด้วยความยั่วยุ

“พูดเหลวไหล!” หลี่หู่ตะโกนด้วยความโมโห “ตายเสียเถอะ!”

เปรี้ยง!

เสียงดังลั่น!

ด้วยระยะทางที่ใกล้ขนาดนี้ แม้แต่สมาชิกของหน่วยรบพิเศษเทพอินทรีอย่างพวกนี้ที่เคยชินกับการฝ่ากระสุน ก็ยังตัวสั่นสักครู่ และหลับตาโดยอดใจไว้ไม่ได้

จากนั้นพวกเขาก็ลืมตา

แล้วหลังจากนั้นพวกเขาทุกคนรู้สึกตกใจ!

ทุกคนเงียบสงัด!