กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 766
เซี่ยวอวี๋เซวียนผลักกู้ชูหน่วนออกอย่างคุ้นเคย

กู้ชูหน่วนกล่าว “บาดแผลภายในของเจ้าสาหัสมาก หากไม่รักษาเจ้าอาจตายได้”

“แม้นข้าจะต้องตาย ก็ไม่จำเป็นต้องให้เจ้ารักษาหรอก”

เมื่อเห็นว่าเขาขัดขืนอย่างไม่หยุด กู้ชูหน่วนจึงกดที่จุดเลือดลมบนร่างกายของเขาเลย หลังจากที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้คงที่แล้ว นางจึงหยิบเข็มเงินออกมา เพื่อช่วยฝังเข็มให้กับเขา

“แต่ข้าไม่มีทางมองเจ้าตายไปต่อหน้าข้าได้” กู้ชูหน่วนท่าทางใส่ใจ มีสมาธิ ไม่กระพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยาหยิบยาชั้นดีที่สุดที่มีอยู่ในแหวนเก็บสะสมออกมารักษาให้เขา

เพราะการรักษาของนาง อาการของเซี่ยวอวี๋เซวียนถึงได้ดีขึ้นมาก กลิ่นอายก็ฟื้นฟูมากขึ้นไม่น้อย

เซี่ยวอวี๋เซวียนกล่าวอย่างกริ้วโกรธ “รีบนำตัวหญิงสาวคนนี้ออกไปซะ หากไม่นำออกไป ข้าจะฆ่านางทันที”

กู้ชูหน่วนไม่เงยหน้า แล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “หลังจากนำตัวข้าออกไป ชีวิตนายท่านของพวกเจ้าก็จะสิ้นในทันที”

“นานท่าน นี่มัน…”

“ไม่ได้ยินที่ข้าสั่งหรืออย่างไร?”

“จุดฝังเข็มมิควรแตะต้องมั่วซั่ว เสียมารยาทแล้ว” กู้ชูหน่วนฝังเข็มบริเวณจุดหย่าเสวียของเขาไปด้วย

เซี่ยวอวี๋เซวียนจ้องกู้ชูหน่วนเขม็งอย่างโกรธแค้น

บ่าวรับใช้ของเขาที่อยู่รอบๆ ต่างก็ก้มหัว มิกล้าสบตาเซี่ยวอวี๋เซวียน

กู้ชูหน่วนเพียงแค่ลืมทุกอย่างทิ้ง และทำตามหน้าที่ของตนช่วยเขาสมานแผล

เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป กู้ชูหน่วนถึงได้ถอนหายใจยาวออกมา

“โชคดีที่นำตัวมาทันเวลา มิเช่นนั้นชีวิตน้อยๆ นี้เป็นอันตรายแน่”

สีหน้าของกู้ชูหน่วนอ่อนล้า จากนั้นก็ดึงเข็มออกจากจุดฝังเข็มของเขา

เซี่ยวอวี๋เซวียนลุกขึ้นยืนโซเซ และจ้องกู้ชูหน่วนด้วยสายตาอันเย็นชา

“อย่าคิดว่าเจ้าช่วยชีวิตข้าแล้ว ข้าจะรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณของเจ้า”

“ข้ามิเคยต้องการให้เจ้าซาบซึ้งในบุญคุณของข้าอยู่แล้ว” กู้ชูหน่วนลังเลที่จะพูด

นางมีคำพูดร้อยพันหมื่นคำพูดอยากจะบอกเซี่ยวอวี๋เซวียน แต่กลับมิรู้ว่าควรเริ่มจากตรงไหนดี

เมื่อนึกถึงชะตาลิขิตของตนเอง รวมทั้งเรื่องที่นางมีเวลาอีกไม่มากแล้วนั้น กู้ชูหน่วนจึงได้กลืนคำพูดทุกอย่างลงไป และกล่าวตักเตือนว่า

“อย่าให้ความเกลียดชังบังดวงตาของเจ้า ท่านพ่อและพี่ชายของเจ้าคงไม่หวังให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความโกรธแค้นหรอก”

“ทุกคนต่างมีสิทธิ์พูดประโยคนี้กับข้า มีเพียงเจ้าที่ไม่มีสิทธิ์ เจ้าวางใจเถิด ข้าจะต้องข้าลั่วอิ่วด้วยมือของข้าต่อหน้าเจ้าให้ได้”

เซี่ยวอวี๋เซวี่ยนดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วเดินจากไป เหลือไว้เพียงเงาหลังที่เย็นชาเท่านั้น

กู้ชูหน่วนมองตามเงาหลังของเขาที่เดินจากไปโดยไม่พูดไม่กล่าว

เสี่ยวเซวียนเซวียน…

หลังจากการจากลากันครั้งนี้ ทั้งชาตินี้เราก็มิอาจได้พบกันอีกเลยก็เป็นได้

หวังว่า…

เจ้าจะสามารถกลับไปเป็นคนที่ไร้ความกังวลใดๆ ได้เหมือนในอดีต…

เพลิงไฟลุกโชน ทำให้ท้องฟ้ามืดในยามค่ำคืนสว่างไสวขึ้น

กู้ชูหน่วนเดินกอดอกกลับไปยังเผ่าเพลิงฟ้า

เผ่าเพลิงฟ้าที่กว้างใหญ่ถูกเผาไหม้เหลือเพียงเถ้าถ่านอย่างไม่สิ้นสุด

เผ่าเพลิงฟ้าในตอนนี้ถูกเพลิงเผาจนสิ้นซากแล้วจริงๆ

และฆาตกรที่วางเพลิงนั้น มิต้องพูดมากก็รู้ว่าเป็นฝีมือของเซี่ยวอวี๋เซวียน

กู้ชูหน่วนก้าวเดินไปทางบริเวณที่เยี่ยจิ่งหานและคนอื่นๆ หายตัวไป แต่เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็มีผู้อาวุโสสูงและคนอื่นๆ ตามมาอย่างเร่งรีบ

“หัวหน้าเผ่า ตามตัวท่านเจอเสียที”

“เยี่ยจิ่งหานและเหวินเส่าอี้ล่ะ?”

“พวกเขาทั้งสองกำลังสู้กันอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และสู้กันอย่างดุเดือดมาก พวกข้ามิสามารถเข้าไปใกล้ได้ คนของหุบเขาตันหุยตามไปแล้ว กำลังรอพวกเขาสู้กันให้เสร็จขอรับ”

“ใครชนะใครแพ้กัน?”

“ตอนนี้ยังมิอาจรู้ได้ขอรับ ยังไม่แน่ใจนัก ทว่าเยี่ยจิ่งหานอาจเสียเปรียบกว่าเล็กน้อย”

“รองหัวหน้าเผ่าซือคงล่ะ” กู้ชูหน่วนพลางวิ่งพลางถาม

“ไอ้คนเลวทรามซือคงถูกน่าหลานหลิงลั่วโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส จากนั้นก็ถูกผู้อาวุโสสูงของเผ่าหยกเราโจมตีซ้ำ ตกลงจากหน้าผาสูงไปแล้วขอรับ ตอนนี้น่าหลานหลิงลั่วกำลังพาคนไปตามหาอยู่ขอรับ”

“พวกเจ้าส่งคนไปเสริมอีก ต้องหาตัวซือคงจั่งเฮิ่นให้พบจงได้ หากมีชีวิตต้องได้พบคนเป็น หากตายก็ต้องพบศพ”

“ขอรับ”

ข้างล่างเป็นแม่น้ำอันกว้างใหญ่ และวังวนน้ำกำลังหมุนวน จะหาไอ้คนเลวทรามซือคงให้พบโดยเร็วนั้น เกรงว่าคงมิง่ายเพียงนั้น

“หัวหน้าเผ่า กองกำลังของซือคงจั่งเฮิ่นถูกเยี่ยจิ่งหานทำลายจนหมดสิ้นแล้วขอรับ”

“กองกำลังของเผ่าหยกที่รอดตายก็ถูกคนซุ่มโจมตีของเยี่ยจิ่งหานฆ่าจนหมดด้วยขอรับ”

“หัวหน้าเผ่า สงครามครั้งใหญ่ระหว่างเหวินเส่าอี้และเยี่ยจิ่งหานจบลงแล้วขอรับ”

ประโยคสุดท้าย ทำให้กู้ชูหน่วนหยุดฝีเท้าลงอย่างควบคุมไม่ได้ทันที

“จบลงแล้ว?”

“ผลสงครามเป็นอย่างไร?”

“ทั้งสองต่างพ่ายแพ้และได้รับบาดเจ็บหนักขอรับ ทั้งยังบาดเจ็บสาหัสด้วย เหวินเส่าอี้แพ้แล้วเดินจากไป ส่วนเยี่ยจิ่งหาน…”

“เยี่ยจิ่งหานเป็นอย่างไรบ้าง?”

กู้ชูหน่วนก้าวไปข้างหน้าในบัดดล ราวกับเป็นกังวลจนกระชากคอเสื้อของเขา เพื่อถามไถ่

“ทั่วทั้งศีรษะของเยี่ยจิ่งหานกลายเป็นสีขาวดุจหิมะจากสีดำราวน้ำหมึก คาดว่า…เพราะว่าสูญเสียพลังไปมากเกินไป หรือไม่ก็เพราะว่าได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง จึงทำให้คำสาปโลหิตกำเริบ เพราะเช่นนั้น…เพราะเช่นนั้นแล้ว…”

“เขาอยู่ที่ใดกัน?”

“ไปแล้วขอรับ จากที่ข้าน้อยดูมา คำสาปโลหิตของเยี่ยจิ่งหานกำเริบกะทันหัน สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากประมุขชิงในตอนนั้น คาดว่าเขาเองก็เหลือเวลาไม่มากแล้วเช่นกัน”

กู้ชูหน่วนโซเซไปครู่หนึ่ง

“หัวหน้าเผ่า พวกเราจะไปตามหาเยี่ยจิ่งหานหรือไม่ขอรับ?”

สีหน้าของกู้ชูหน่วนซีดแล้วซีดอีก

ตามหางั้นหรือ?

จะตามหาอย่างไร?

หากเป็นเช่นนี้จริง เยี่ยจิ่งหานไม่มีทางปล่อยให้คนของนางตามหาเขาจนพบได้หรอก

แม้นจะตามหาจนเจอ เขาก็ไม่มีทางปรากฏตัวต่อหน้านางในเวลานี้เช่นกัน

ทางออกเดียวสำหรับตอนนี้คือ มีเพียงเร่งหาวิธีปลดคำสาปโลหิตเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้เยี่ยจิ่งหานกลายเป็นคนปกติได้

เขา…ต้องบาดเจ็บสาหัสมากแน่

ส่วนเหวินเส่าอี้…

เผ่าเพลิงฟ้ามีความแค้นความเกลียดชังรุนแรงมากเพียงนี้

แม้กระทั่งเถ้ากระดูกของบิดาเขาก็มิสนใจ แต่กลับหนีไปแทน

เขาเองก็คงได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน มิจำต้องคิดมาก นางก็สามารถคาดเดาได้ว่า สงครามใหญ่ครั้งนั้นต้องรุนแรงมากเพียงใด

คนอย่างเหวินเส่าอี้ยังแพ้แล้วหนีได้ จะต้องกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน

“ส่งกำลังคนไปเสริมอีก ทั้งเหวินเส่าอี้ ฮวาอิ่ง และซือคงจั่งเฮิ่นต้องหาให้พบ มิเช่นนั้น ข้ามิอาจอยู่อย่างสบายใจได้”

“ขอรับ”

หลังจากสงครามครั้งนี้ เผ่าเพลิงฟ้าได้ถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์

ทุกอย่างอย่างถูกเผาไหม้อยู่ในเพลิงไฟลูกใหญ่ หลังจากนี้ไปชื่อเผ่าเพลิงฟ้าจะหายไปจากโลกนี้

กู้ชูหน่วนมองเพลิงไฟที่กำลังลุกโชนอยู่ สายตาก็เหม่อลอย ไม่มีผู้ใดรู้ได้ว่านางคิดอะไรอยู่

จนผ่านไปหนึ่งชั่วยาม กู้ชูหน่วนถึงได้เอ่ยปากพูดว่า “กลับเผ่าหยก”

“หัวหน้าเผ่า ยังหาตัวพวกเขาทั้งสามไม่พบเลย…ตอนนี้จะกลับเผ่าหยกเลยงั้นหรือขอรับ? และยังมีเชลยของเผ่าเพลิงฟ้าเหลืออยู่ด้วย…”

“เชลยนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสสูงเถิด”

“ขอรับ…”

ไม่ว่าใครก็ดูออก

ว่ากู้ชูหน่วนอารมณ์ไม่ดีนัก

นี่เป็นชัยชนะครั้งใหญ่ ตามหลักแล้วหัวหน้าเผ่าจะต้องอารมณ์ดีมีความสุข

เหวินเส่าอี้หนีไปก็จริง ทว่าเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส มิรู้ว่าจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ แม้นจะมีชีวิตอยู่ เพียงเขาคนเดียวมิสามารถสร้างคลื่นลูกใหญ่ได้หรอก

ฮวาอิ่งไอ้คนบ้าคนนั้น พวกเขาก็ต้องหาทางทุกวิธีกำจัดออกไปให้จงได้

ไอ้คนเลวทรามซือคงนั้นไม่ใช่ก็อยู่ไม่ไกลมากแล้ว คาดว่าคงได้พบกับพญายมแล้ว

ทุกคนล้วนดีใจจนกระโดดโลดเต้น มีเพียงกู้ชูหน่วนเท่านั้นที่ไม่สบายใจ

นางรู้ดี ในวันหนึ่ง พวกเขาจักต้องกลับมาแก้แค้นอย่างแน่นอน

ทว่านางไม่มีเวลามากเพียงนั้นแล้ว

หลังจากกลับถึงเผ่าหยก กู้ชูหน่วนก็เก็บตัวอยู่ในห้องเป็นเวลาสามวันสามคืน ช่วงเวลาสามวันสามคืนนั้นไม่มีใครรู้ว่านางกำลังทำอะไร รู้เพียงว่านางได้ซ่อมแซมค่ายกลอันหนึ่งแล้วต่อด้วยอีกอันหนึ่ง

ค่ายกลเหล่านั้นเป็นค่ายกลที่บรรพบุรุษส่งทอดลงไป เป็นค่ายกลไร้เทียมทานของเผ่าหยก

นางยังเรียกผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสสูงสุดเข้าไปพูดคุยด้วยมากมาย ไม่มีใครรู้ว่ากู้ชูหน่วนต้องการสื่อถึงอะไรกับพวกเขากันแน่

ทว่าทุกท่าทีกิริยาของนางในช่วงนี้ ทำให้ผู้อื่นรู้สึกเหมือนเป็นคำสั่งเสียอย่างไรอย่างนั้น

ผู้อาวุโสหกใจอ่อนไหวมากที่สุด และถามผู้อาวุโสสูงอย่างกดดัน “หัวหน้าเผ่าวางแผนเรื่องของเผ่าหยกไว้ระเอียดเพียงนี้ ท่านคิดว่านางกำลังคิดอะไรอยู่งั้นหรือ?”

“หัวหน้าเผ่าทำอะไรย่อมมีเหตุผลของนางเสมอ ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรกันหรืออาจเป็นเพราะหัวหน้าเผ่าผ่านเรื่องราวมามากมาย จึงโตขึ้นแล้ว ดังนั้น…”

“ถุย ไม่ต้องพูดเรื่องพรรค์นั้นกับข้า ข้าไม่เชื่อหรอก”

ผู้อาวุโสสูงส่ายศีรษะ และเดินจากไป

เขาเองก็สงสัยเช่นกัน

ทว่าเขาก็คิดไม่ตกว่าหัวหน้าเผ่าจะทำอะไรกันแน่

ในห้องปรึกษากิจ

กู้ชูหน่วนพูดกับผู้อาวุโสสูงสุดอย่างเฉยเมยว่า “เตรียมตัวเริ่มการถวายชีพเถิด”