บทที่ 162 สมบัติระดับสวรรค์

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 162 สมบัติระดับสวรรค์

ย้อนกลับไปที่เหตุการณ์ก่อนหน้าการสังหารหมู่

เหลียงซานและชายชราชุดเทาที่กำลังพูดคุยกันระหว่างรอดูว่าโม่หยูถังจะแสดงความแข็งแกร่งขนาดไหนให้พวกเขาเห็น

ขณะที่พวกเขากำลังรอคอย จู่ ๆ ณ อาคารประมูลของตระกูลมี่กลับระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง และจากนั้นในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน พลังวิญญาณหมอกสีดำของโม่หยูถังก็พวยพุ่งกระจายออกจากซากอาคารอย่างรุนแรง

เหลียงซานและชายชราที่สวมชุดเทามองหน้ากัน

ชายชราชุดเทาพูดด้วยใบหน้าซีดเซียว “ฝ่าบาท นี่มันเป็นวิชาของคนจากสำนักเก้าเทพอสูร! ความแข็งแกร่งของพ่อบ้านผู้นั้นอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตนภาระดับ 13 เขาคือผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ครึ่งขั้น!”

เมื่อได้ยินคำพูดของชายชรา สีหน้าของเหลียงซานเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวทันที พลางเอ่ยกับชายชราชุดเทา “มันจบแล้วคนพวกนั้นไม่รอดแน่นอน เจ้าจงรีบไปช่วยเหมยซูเอ๋อจากผู้เชี่ยวชาญสำนักเก้าเทพอสูรซะ และถ้าหากนางถูกพลังอสูรปีศาจแทรกซึมเข้าไปในร่างเจ้าจงรีบให้นางกลืนโอสถสุริยันชำระ บางทีนางอาจจะยังมีโอกาสรอดอยู่”

ชายชราพยักหน้าและพุ่งไปยังเหมยซูเอ๋อที่บินหนีออกมาจากหอประมูลได้ และกำลังตกลงมาจากท้องฟ้าด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส

ก่อนที่เหมยซูเอ๋อจะตกลงบนพื้น ชายชราชุดเทารับนางไว้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ซีดเซียวและลมหายใจที่รวยรินของเหมยซูเอ๋อ เขารีบยัดโอสถสุริยันชำระเข้าไปในปากของนาง และโคจรพลังวิญญาณของตัวเองส่งไปยังร่างของเหมยซูเอ๋อเพื่อช่วยนางในการดูดซับฤทธิ์ของโอสถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เมื่อพลังหยางจากโอสถสุริยันชำระแพร่กระจายอยู่ภายในร่างกายของเหมยซูเอ๋อ ร่างของนางก็เริ่มสามารถต้านทานพลังอสูรปีศาจของโม่หยูถังได้ดีขึ้น

เมื่อเห็นว่าอาการของเหมยซูเอ๋อคงที่แล้ว ชายชราชุดเทาจึงหยุดโคจรพลังวิญญาณเข้าไปในตัวนาง และอุ้มเหมยซูเอ๋อกลับไปที่พระราชวังของเหลียงซานทันที

เมื่อกลับมาถึงพระราชวัง ชายชราชุดเทาวางเหมยซูเอ๋อที่ยังไม่ได้สติลง และพูดกับเหลียงซานด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ฝ่าบาท การปรากฏตัวของคนจากสำนักเก้าเทพอสูรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในระดับสวรรค์ครึ่งขั้นเช่นนี้ เราต้องคิดให้รอบคอบ สำนักเก้าเทพอสูรไม่ใช่สำนักธรรมดา ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าสำนักยอดเขาหยกจักรพรรดิของเราเลยแม้แต่น้อย เรื่องที่เกิดในวันนี้นั้นข้าคิดว่าจะต้องมีเรื่องราวเบื้องลึกไม่ธรรมดาแน่นอน ไม่เช่นนั้นมันเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลเช่นนี้จะปรากฏตัวขึ้นอย่างง่ายดาย”

ใบหน้าของเหลียงซานมืดลงในขณะที่เขาพูดว่า “สิ่งที่ข้าอยากรู้คือทำไมคนระดับสวรรค์ครึ่งขั้นตอนนี้ถึงกลายเป็นพ่อบ้านของหลิงตู้ฉิงได้ หรือว่าฐานะที่แท้จริงของ หลิงตู้ฉิงจะเป็นโอรสสวรรค์ของสำนักเก้าเทพอสูร?”

“ฝ่าบาท ข้าคิดว่าตอนนี้เราควรตัดสินใจให้เด็ดขาดไปเลยว่าเราควรปล่อยเขาไว้แบบนี้หรือกำจัดเขาทิ้งเสีย!” ผู้อาวุโสในชุดคลุมสีเทาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด “ถ้าเราต้องการฆ่าเขาเราต้องใช้สมบัติระดับสวรรค์เท่านั้น ไม่เช่นนั้นไม่ว่าเราจะส่งผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาไปสักกี่คนก็ตามมันก็ไม่เพียงพอที่จะสังหารโม่หยูถังแน่นอน”

ใบหน้าของเหลียงซานมืดลงเขาไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะตัดสินใจอย่างไรดี

ในขณะที่พวกเขากำลังครุ่นคิดกันอย่างหนัก ทั้งสองก็มองไปยังทิศทางของอาคารประมูลตระกูลมี่ด้วยความตกใจ “ไอ้พวกนี้มันจะกำแหงมากเกินไปแล้วจริง ๆ พวกมันถึงขนาดเปิดใช้สมบัติระดับสวรรค์กลางเมืองหลวงของเรา พวกมันคิดว่าเราไม่มีปัญญาทำอะไรกับพวกมันงั้นเหรอไง?” ผู้อาวุโสชุดเทาพูดด้วยอารมณ์โกรธ สมบัติระดับสวรรค์มีอานุภาพในการทำลายสูงเสียดฟ้าจะเรียกว่าฟ้าถล่มดินทลายก็คงไม่ผิด

หากสมบัติระดับสวรรค์ถูกใช้ในเมืองหลวงของอาณาจักรหนึ่ง ๆ มันแทบจะเท่ากับเป็นการประกาศสงครามกับทั้งอาณาจักรเลยทีเดียว เนื่องจากอำนาจที่รุนแรงของมันหากใช้มันกลางเมืองหลวงหรือพื้นที่ที่มีผู้คนอยู่อย่างแออัด ผลกระทบของมันนั้นจะรุนแรงถึงขนาดเป็นไปได้ที่เมืองทั้งเมืองอาจจะถูกลบหายไปเลย นั่นคือเหตุผลที่ชายชราโกรธมาก

การแสดงออกทางสีหน้าของเหลียงซานในตอนนี้เองก็ดูน่าเกลียดเช่นกันเขาพูดว่า “เตรียมสมบัติระดับสวรรค์ของเราให้พร้อม ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม ถ้าพวกมันกล้าที่จะใช้สมบัติระดับสวรรค์ในเมืองของข้า ข้าจะฆ่ามันหลังจากเรื่องนี้จบทันที แต่ยังไงซะข้าก็ต้องขอบคุณพวกมันเช่นกันที่พวกมันกลับช่วยข้าฆ่าไอ้พ่อบ้านนั่นโดยที่ข้าไม่ต้องลงมือเอง”

ผู้อาวุโสชุดเทาหยุดคิดครู่หนึ่ง เมื่อคิดได้ว่าอันที่จริงฝั่งของพวกเขาเองก็ได้ประโยชน์เช่นกัน สีหน้าของเขาก็ดีขึ้นเล็กน้อย

ในเวลานี้ผู้คนที่อยู่ด้านนอกรอบอาคารหอประมูลไม่สามารถมองเห็นสถานการณ์ของอาคารประมูลตระกูลมี่ได้ชัดเจนอีกต่อไป สิ่งที่พวกเขาเห็นคือบริเวณรอบหอประมูลตระกูลมี่ในตอนนี้มันเหมือนกับว่ามีโดมคริสตัลใสเหมือนกระจกเงาขนาดยักษ์ครอบพื้นที่บริเวณทั้งหมดไว้ ตัดขาดแยกพื้นที่บริเวณของอาคารประมูลและอาณาจักรจันทราออกเป็นโลกคู่ขนาน

ยกเว้นเสียแต่จะเป็นการมองผ่านจอภาพเช่นเดียวกับผู้คนในคฤหาสน์สราญรมย์ พวกเขาถึงจะสามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายในได้ แต่ภาพที่เห็นมันก็ยังดูรบกวนทำให้ภาพที่เห็นมันดูพร่ามัวไปบ้างเล็กน้อย

“นายท่าน ไอ้ตาแก่สารเลวคนนั้นจากสวนร้อยพฤกษาใช้สมบัติระดับสวรรค์แล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่ท่านต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว” เสี่ยวเยว่เฟิงพูดด้วยความโมโห

สมบัติระดับสวรรค์อำนาจของมันที่ปลดปล่อยออกมานั้นเทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของผู้บ่มเพาะขอบเขตสวรรค์ได้เลยทีเดียว

“ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ มันเป็นเพียงสมบัติระดับสวรรค์ธรรมดาเท่านั้น และพ่อบ้านโม่เองในอดีตระดับการบ่มเพาะของเขานั้นไปถึงขอบเขตสวรรค์ครึ่งขั้นแล้ว การเผชิญกับพลังระดับขอบเขตสวรรค์เช่นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขาในอนาคต เจ้าแค่คอยดูต่อไป” หลิงตู้ฉิงพูดช้า ๆ ด้วยสีหน้าไร้กังวล

“ถ้าหากเกิดสิ่งที่ไม่คาดฝันหรือพ่อบ้านโม่ไม่อาจรับมือไหวข้าจะจัดการเอง แต่ตระกูลมี่เองก็ไม่เลวเลยทีเดียวที่สามารถรับมือกับสถานการณ์มาได้ถึงขนาดนี้ หากตระกูลมี่ยังคงพัฒนาต่อไป ในอนาคตพวกเขาย่อมจะไม่ธรรมดาแถมพวกเขาจะช่วยข้าได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาตายหรอก”

ในเวลานี้ทุกคนที่ติดอยู่ภายในอาคารประมูลตระกูลมี่ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่สว่างไสวเหนือหัวพวกเขา ไม่นานมานี้หลังจากที่เจียงเต๋อชิงถูกแยกร่าง และลำแสงสีดำกำลังจะฆ่าหวางฟู่ฉี หวางฟู่ฉีได้ใช้พลังทั้งหมดของเขาเพื่อเปิดใช้งานเหรียญตราคำสั่งของสำนักในมือของเขา

หลังจากเหรียญตราคำสั่งถูกเปิดใช้งาน ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกราวกับบริเวณพื้นที่ที่พวกเขาอยู่นี้ถูกดูดหลุดเข้าไปอีกในมิติหนึ่ง เมื่อมองไปบนท้องฟ้า ทุกคนได้เห็นดวงดาวนับล้านมากมายส่งแสงประกายแพรวพราวอย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนลำแสงสีดำมรณะนั่นที่ทุกคนกลัวมันแทบตายก็ได้จางหายไป

เมื่อมองไปยังท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขา โม่หยูถังนั่งลงกับพื้นพลางพูดว่า “แม่นางมี่ ตอนนี้ข้าได้ใช้กำลังทั้งหมดแล้ว หรือต่อให้ข้ายังเหลือพลังอยู่ข้าเองก็คงไม่อาจต้านทานอำนาจของสมบัติระดับสวรรค์ได้ ตอนนี้ทางรอดของเราเหลือแค่เพียงทางเดียวเท่านั้นคือต้องให้นายท่านลงมือด้วยตัวเอง”

เมื่อพูดจบ โม่หยูถังมองไปยังภาพมายาบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวด้วยความอาวรณ์ นี่คือพลังของขอบเขตที่เขาเกือบจะบรรลุเมื่ออดีตก่อนที่เขาจะกลายเป็นคนพิการ

“พ่อบ้านโม่ นี่มันคืออะไรกัน?” มี่ไลและมี่ตั้วตั้วต่างถามด้วยความประหลาดใจพลางมองไปรอบ ๆ ด้วยความงุนงง พวกเขารู้สึกได้ว่าตอนนี้มันเหมือนกับว่าพวกเขาได้หลุดไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งแทนที่จะอยู่ในเมืองหลวงของอาณาจักรจันทรา พวกเขาพบว่าสภาพบริเวณรอบ ๆ กายของพวกเขานั้นมีเพียงซากปรักหักพังของอาคารหอประมูลของตระกูลเขาเอง และหากมองออกไปไกลกว่านั้นสภาพแวดล้อมรอบด้านนั้นดูว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิง พวกเขาไม่รู้ว่าสิ่งที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้คืออะไร

โม่หยูถังมองไปยังสองพ่อลูกและอธิบายอย่างชัดถ้อยชัดคำ “นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘อาณาเขต’  มันคือความสามารถที่จะมีแต่เฉพาะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์เท่านั้นที่สามารถเปิดใช้งานได้ สำหรับทวีปเทียนหยวนของพวกท่านที่เรียกขอบเขตรวมแสงดาราว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ไม่มีใครเทียบได้ มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกเกินไปจริง ๆ ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง แต่ว่า ‘อาณาเขต’ ที่พวกท่านกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ไม่ได้เป็นของจักรพรรดิโอสถ มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยสมบัติระดับสวรรค์ของเขา”

“แต่ไม่ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาจากตัวเขาเองหรือสร้างขึ้นมาจากสมบัติก็ตาม ภายใต้อาณาเขตนี้เขาจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งสูงสุด ตราบใดที่ไม่มีผู้ใช้ อาณาเขต อีกคนปรากฎขึ้นมาสู้กับเขา พวกเราทั้งหมดที่นี่จะไม่มีวันต่อต้านเขาได้และพวกเราจะถูกสังหารหมู่ตามความต้องการของเขาอย่างง่ายดาย!”

ในเวลานี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากสำนักต่าง ๆ ที่ยังเหลือรอดที่ติดอยู่ในอาณาเขตเช่นเดียวกับพวกของมี่ตั้วตั้ว เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของโม่หยูถังสายตาของทุกคนที่มองไปที่โม่หยูถัง

พวกเขามองดูชายชราผู้นี้ด้วยความหวาดกลัวและอารมณ์ที่ซับซ้อน

พวกเขาต่างคิดว่าไม่ว่าชายชราผู้นี้จะมีพลังมากแค่ไหน ยังไงวันนี้เขาก็ยังคงตายในไม่ช้า

สายตาของหวางฟู่ฉีก็มองไปที่โม่หยูถังเช่นกัน

เขายังอยู่ในอาการช็อกที่เมื่อครู่ เขาเกือบจะเสียท่าถูกชายชราที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยผู้นี้สังหารไปซะแล้ว

แต่โชคยังดีที่เมื่อเขารู้ตัวว่าสถานการณ์เกินความควบคุมของเขาไป เขาสามารถเปิดใช้งานสมบัติระดับสวรรค์ได้ทันท่วงที

“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าตัวตนที่แข็งแกร่งอย่างท่านจะมาซ่อนตัวอยู่ในทวีปกันดารแห่งนี้!” หวางฟู่ฉีมองไปที่โม่หยูถังด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน “แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของท่านมันไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไปแล้วเมื่ออยู่ภายใต้อาณาเขตที่สมบัติของข้าสร้างไว้ ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสท่าน ตราบใดที่ท่านเต็มใจที่จะสาบานกับกฎแห่งสวรรค์ว่าท่านจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับข้า แล้วข้าจะปล่อยท่านไป!”