ตอนที่ 161 พาลั่วอิงไปดูหนัง

ออกแบบรักโปรเจกต์หัวใจ

ลั่วเซ่าเชินค่อนข้างกังวล แม้ว่าปากของถังโจวโจวจะบอกว่าเชื่อ แต่หากเธอยังคงมีบาดแผลอยู่ในใจ แล้วที่เขาต้องการให้เธอเชื่อมั่นในตัวเขาจะมีประโยชน์อะไรล่ะ? แบบนี้มันก็เป็นแค่เพียงลมปากน่ะสิ

 

 

           ถังโจวโจวนึกว่าลั่วเซ่าเชินจะปล่อยเธอไปหากเธอพูดแค่สองสามคำนั้นออกมา แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าลั่วเซ่าเชินจะคาดคั้นเธอถึงขนาดว่าเธอเชื่อเขาจริงๆ ใช่หรือไม่

 

 

           เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเขาติดใจถามซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น เธอก็ไม่อยากจะโกหกเขา เธอจึงตอบด้วยความสัตย์จริงว่า “เซ่าเชิน ถ้าคุณอยากให้ฉันเชื่อคุณจริงๆ คุณก็ต้องอธิบายให้ฉันฟัง ไม่ใช่ว่าเลี่ยงไม่ยอมพูดอะไรเลยแบบนี้ พอคุณทำแบบนี้ฉันก็ไม่อาจมั่นใจได้ แล้วจะให้ฉันเอาอะไรไปเชื่อคุณล่ะคะ?”

 

 

ลั่วเซ่าเชินพูดไม่ออกเมื่อถังโจวโจวพูดออกมาตรงๆ เขาเงียบไปนานก่อนจะตอบว่า “โอเค โจวโจว ผมจะไม่ขอให้คุณเชื่อผมในตอนนี้ เพราะผมรู้ว่าคุณเองก็ยังคงไม่สามารถไว้ใจผมได้จริงๆ ผมจะปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ทุกอย่างเอง”

 

 

“ฉันเชื่อค่ะว่าเวลาจะพิสูจน์ทุกอย่าง!” ทั้งสองคนจบบทสนทนาในเรื่องนี้ได้ด้วยดี ถังโจวโจวยิ้มออกมาได้เสียที

 

 

จุ๊บ! ลั่วเซ่าเชินประทับรอยจูบลงบนแก้มของถังโจวโจว

 

 

ถังโจวโจวมองเขาด้วยสายตาประหลาดใจ เธอไม่เข้าใจความหมายของเขา แล้วลั่วเซ่าเชินก็เฉลยออกมาว่า “นี่เป็นตราประทับสำหรับการพูดคุยด้วยความเข้าใจของเราเมื่อครู่นี้!”

 

 

ลั่วเซ่าเชินยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ถังโจวโจวก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย และเมื่อลั่วเซ่าเชินเห็นว่าถังโจวโจวไม่ได้เย็นชากับเขาอีกต่อไปแล้ว เขาก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “โจวโจว ผมขอโทษ ขอโทษที่แม่ของผมพูดกับคุณแบบนั้น”

 

 

“คุณจะขอโทษฉันทำไมคะ นั่นไม่ใช่ปัญหาของคุณสักหน่อย?”

 

 

“เพราะว่าท่านคือแม่ของผม ผมจึงควรจะรับผิดชอบการกระทำของท่านด้วย” ลั่วเซ่าเชินไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากบอกเธอไปตามตรง

 

 

ถังโจวโจวพยักหน้า “ฉันยกโทษให้คุณค่ะ แต่เพราะฉันเห็นแก่หน้าคุณ ไม่ใช่เพราะท่าน” คำอธิบายของถังโจวโจวทำให้ลั่วเซ่าเชินใจชื้นมากยิ่งขึ้น ถังโจวโจวให้อภัยเพราะเป็นเขา นั่นแสดงว่าเขาเองก็พอมีอิทธิพลต่อหัวใจของเธออยู่บ้างเหมือนกัน

 

 

“ขอบคุณครับ โจวโจว แล้วผมก็ต้องขอโทษคุณล่วงหน้าเอาไว้ด้วยนะ หากว่าคุณแม่ผมจะทำอะไรให้คุณเจ็บอีก”

 

 

ถังโจวโจวตวัดสายตามองลั่วเซ่าเชิน ก่อนจะโพล่งคำถามที่ติดอยู่ในใจมาตลอดออกมา “แล้วทำไมคุณถึงไม่ห้ามท่านไม่ให้มาทำร้ายฉันล่ะคะ คุณจะเอาแต่ขอโทษแทนท่านไปเรื่อยๆ อย่างนี้น่ะหรือ”

 

 

ถังโจวโจวรู้ดีว่าคุณแม่ลั่วกับลั่วเซ่าเชินเป็นคนละคนกัน แต่ก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ส่วนลั่วเซ่าเชินก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น ถังโจวโจวเห็นอย่างนั้น ไม่ต้องบอกก็พอรู้ เธอเข้าใจดีว่าที่สุดแล้วเรื่องนี้ก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆ เธอจึงปรับน้ำเสียงให้ฟังดูสบายๆ ขึ้น แล้วตั้งท่าจะลุกเดินหนีไป

 

 

“เอาเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ คุณไม่ต้องพูดหรอก เป็นฉันเองที่ทำให้คุณลำบากใจ”

 

 

ถังโจวโจวก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ เธอจะถามคำถามแบบนี้ออกมาทำไม บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกครั้งไปเสียได้ เธอนี่หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ เลย!

 

 

“นี่คุณคิดไปถึงไหนต่อไหนอีกแล้วใช่ไหม!”

 

 

ลั่วเซ่าเชินคว้าตัวเธอที่คิดจะหนีไว้ได้ ทันทีที่เขาดึงตัวถังโจวโจวไว้ ถังโจวโจวก็เซไปตามแรง และเสียหลักจนนั่งลงไปบนตักของลั่วเซ่าเชิน

 

 

ถังโจวโจวดิ้นขลุกขลักเพื่อให้หลุดออกจากอ้อมกอดของลั่วเซ่าเชิน แล้วในจังหวะนั้น เธอก็ได้ยินเสียงแหบพร่าของลั่วเซ่าเชินที่มากระซิบอยู่ข้างหู “โจวโจว คุณอย่าขยับ ผมกลัวว่าผมจะทนไม่ไหว…”

 

 

ถังโจวโจวตัวแข็งทื่อในทันที เธอกำลังขบคิดหาคำตอบว่าลั่วเซ่าเชินหมายถึงอะไร ทันใดนั้นเอง เธอก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่ก้นของเธอ ถังโจวโจวนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง แล้วใบหน้าของเธอก็แดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกทันที คนหื่นกามนี่!

 

 

เธอไม่กล้าขยับตัวอีกแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าลั่วเซ่าเชินจะกลายร่างเป็นสัตว์ร้าย แต่ลั่วเซ่าเชินที่เห็นว่าถังโจวโจวนั่งนิ่งโดยดี เขาก็รู้สึกเสียดายนิดหน่อย ถ้าถังโจวโจวยังคงขัดขืนเขาต่ออีกสักนิด เขาก็จะมีเหตุผลมากพอที่จะลงมือทำแบบนั้นกับถังโจวโจว แต่โอกาสดีๆ แบบนั้นหลุดลอยไปเพราะคำพูดของเขาแล้ว

 

 

กว่าที่ลั่วอิงจะกลับมาถึงบ้าน ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินก็กลับมาอยู่ในความสงบแล้ว และเมื่อป้าหลิวเห็นว่าทั้งคู่กลับมาแล้ว เธอก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “คุณชาย คุณผู้หญิง กลับมาแล้วหรือคะ เดี๋ยวฉันจะรีบเข้าไปเตรียมมื้อเย็นให้ค่ะ”

 

 

ลั่วอิงโถมตัวเข้าหาถังโจวโจว “แม่โจวโจวขา วันนี้คุณแม่กับคุณพ่อไปไหนกันมาหรือคะ หนูมีอะไรจะบอกค่ะ วันนี้หนูไปซื้อของที่ตลาดกับป้าหลิวมาด้วย! หนูรู้จักผักเยอะแยะเลย”

 

 

สีหน้าของลั่วอิงดูตื่นเต้นมาก เธอรอให้ถังโจวโจวเอ่ยชมเธอ ถังโจวโจวก็ยกมือขึ้นลูบศีรษะของเธอและเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า “จริงเหรอคะ ลั่วอิงเก่งที่สุดเลย! แม่โจวโจวต้องเอาหนูเป็นแบบอย่างซะแล้ว”

 

 

หลังจากกินข้าวกันเสร็จ เนื่องจากช่วงนี้อากาศค่อนข้างเย็น ถังโจวโจวจึงไม่อยากออกไปเดินเล่น ดังนั้นเธอจึงอยู่เล่นกับลั่วอิงในห้อง

 

 

ช่วงสุดสัปดาห์ ถังโจวโจวและลั่วเซ่าเชินพาลั่วอิงไปดูหนังเรื่องใหม่ที่กำลังเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ พวกเขาได้ยินมาว่าหนังเรื่องนี้เป็นที่โปรดปรานของเด็กๆ ในขณะที่ถังโจวโจวกับลั่วอิงกำลังยืนรอลั่วเซ่าเชินไปซื้อเครื่องดื่มและป๊อปคอร์นอยู่ที่หน้าโรงภาพยนตร์นั้น พวกเธอก็ได้พบกับคนรู้จัก

 

 

“โจวโจว มาดูหนังเหมือนกันเหรอ” สวี่โยวควงแขนของเซียวโม่เดินเข้ามาหาถังโจวโจวและลั่วอิง

 

 

ถังโจวโจวยิ้มเจื่อน “บังเอิญจังเลย สวี่โยว เซียวโม่ พวกเธอก็มาดูหนังเหมือนกันเหรอ” ถังโจวโจวชำเลืองมองไปที่หน้าท้องของสวี่โยวที่นูนป่องออกมาอย่างชัดเจน สายตาของเธอไม่สามารถกลบเกลื่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ได้ สวี่โยวรู้ดีว่าถังโจวโจวกำลังหวนนึกถึงเด็กที่ไม่มีวาสนาคนนั้น

 

 

สวี่โยวยืนลูบหน้าท้องของเธอพลางหันไปหาเซียวโม่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามองถังโจวโจวเพียงครู่เดียวก็หันกลับมามองเธอ สวี่โยวรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นท่าทีเช่นนี้ของเขา เธอเอ่ยกับเซียวโม่ว่า “อาโม่คะ คุณช่วยไปซื้อป๊อปคอร์นมาให้ฉันหน่อยได้ไหม แล้วก็เครื่องดื่มด้วยนะคะ”

 

 

“คุณท้องอยู่นะ ดื่มเครื่องดื่มแบบนี้มันไม่ดีต่อลูกในท้องเลย!” เซียวโม่เอ็ดเบาๆ

 

 

สวี่โยวพูดอย่างออดอ้อน “อาโม่คะ ฉันไม่ได้อยากดื่มสักหน่อย เจ้าตัวเล็กนี่ต่างหาก เอาเป็นว่าคุณซื้อมาเถอะค่ะ ฉันจะดื่มแค่นิดเดียว โอเคไหม”

 

 

เซียวโม่จึงทำได้แค่เพียงถอนหายใจและพูดออกมาว่า “คุณพูดแล้วนะว่าจะดื่มแค่นิดเดียว ถ้าคุณดื่มเยอะ ผมจะกลับไปลงโทษคุณที่บ้าน”

 

 

“รู้แล้วค่ะ ฉันจะรักษาสัญญา” สวี่โยวยิ้มหวานให้ จากนั้นเธอก็เห็นเซียวโม่เดินออกไปซื้อเครื่องดื่มและป๊อปคอร์น จนกระทั่งเซียวโม่ถูกกลืนหายไปในฝูงชน สวี่โยวถึงหันหน้ากลับมามองถังโจวโจวและลั่วอิงที่ยืนอยู่หน้าโรงหนัง พลางคิดว่าลั่วเซ่าเชินไม่ได้มากับพวกเธอด้วยหรือ? “โจวโจว ช่วงนี้เธอสบายดีไหม”

 

 

เมื่อครู่ถังโจวโจวเห็นว่าเซียวโม่มองมาที่เธอแค่แวบเดียว จากนั้นเขาก็เบนสายตากลับไปที่สวี่โยว แม้เธอจะคิดว่าเซียวโม่นั้นทำถูกต้องแล้ว แต่ถังโจวโจวกลับรู้สึกหดหู่อย่างไม่อาจอธิบายได้

 

 

เธอไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร เมื่อก่อนที่เซียวโม่เคยตามวอแวเธอ เธอก็รู้สึกรำคาญ แต่ตอนนี้พอเซียวโม่ไม่ชายตามองเธอแล้ว เธอกลับรู้สึกแปลกพิกล

 

 

ถังโจวโจวคิดว่าช่วงนี้ชีวิตเธออาจจะสงบสุขมากเกินไป ดังนั้นเธอจึงคิดอะไรต่อมิอะไรได้มากมายขนาดนี้ เธอรีบขจัดความคิดที่อยู่ในหัวและกล่อมตัวเองในใจ ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว ลืมมันสิ ลืมไปมันซะ

 

 

บางทีการบอกตัวเองแบบนี้อาจจะช่วยได้จริงๆ ถังโจวโจวรู้สึกว่าจิตใจของเธอกลับสู่สภาวะปกติแล้ว เธอพูดกับสวี่โยวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูเหมือนว่าตอนนี้คุณจะไปได้สวยนะคะ ฉันยินดีกับพวกคุณด้วยจริงๆ”

 

 

“ขอบคุณนะ โจวโจว ตอนนี้ฉันมีความสุขมาก” สวี่โยวลูบหน้าท้องของเธอ ถังโจวโจวไม่อยากจะมองเธออีกต่อไป จึงเสมองไปทางอื่นทันที ซึ่งในขณะเดียวกัน เธอก็พร่ำบ่นอยู่ในใจ ทำไมเซ่าเชินถึงยังไม่มาอีก!

 

 

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา ในขณะที่ถังโจวโจวกำลังบ่นถึงลั่วเซ่าเชินอยู่นั้น จู่ๆ เขาก็โผล่มาจากทางด้านหลังเธอ “โจวโจว เรียบร้อยแล้ว เข้าไปข้างในกันเถอะ”

 

 

ลั่วเซ่าเชินส่งถังป๊อปคอร์นไปให้ลั่วอิงและจับมือเล็กๆ นั้นไว้ เขาหันมองสวี่โยวที่ยืนอยู่ข้างๆ ถังโจวโจว จากนั้นเขาก็มองไปที่หน้าท้องที่นูนป่องของเธอ ลั่วเซ่าเชินกลัวว่าถังโจวโจวจะนึกถึงลูกที่สูญเสียไป เขาจึงเร่งให้ถังโจวโจวเข้าไปข้างใน

 

 

ถังโจวโจวยิ้มขอโทษสวี่โยว “ขอโทษทีนะ สวี่โยว ฉันขอตัวเข้าไปข้างในก่อน”

 

 

“พวกเราขอตัวก่อนนะครับ คุณผู้หญิงเซียว เอาไว้โอกาสหน้าค่อยนัดกัน!” คำเรียกขานเธอของลั่วเซ่าเชินทำให้สวี่โยวรู้สึกสบายใจเป็นอย่างมาก แค่คำว่า ‘คุณผู้หญิงเซียว’ ก็ทำให้สวี่โยวรู้สึกว่าความพยายามของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมามันไม่ได้สูญเปล่า

 

 

หลังจากที่เซียวโม่ไปซื้อของกลับมา ถังโจวโจวก็หายไปแล้ว และเมื่อเขาเห็นว่าสวี่โยวยืนอยู่ที่เดิมเพียงคนเดียว เซียวโม่ก็ต่อว่าเธอ “ทำไมคุณถึงไม่หาที่นั่งล่ะ ทำไมถึงมายืนอยู่แบบนี้ ไม่กลัวคนชนเอาหรือไง เดี๋ยวลูกได้รับอันตรายขึ้นมาแล้วจะทำยังไง”

 

 

สวี่โยวยืนฟังเซียวโม่บ่นอยู่เงียบๆ โดยที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอยู่ เซียวโม่ที่พร่ำบ่นอยู่นานพลันหยุดต่อว่ากลางคัน “นี่ผมกำลังเอ็ดคุณอยู่นะ คุณยังยิ้มออกอยู่อีก?”

 

 

เซียวโม่รู้สึกว่าวันนี้สวี่โยวดูแปลกไป เธอทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และที่เขาดุเธออยู่นี้ เธอยังยิ้มได้อย่างมีความสุขอีกหรือ?

 

 

“คุณจะไม่ให้ฉันยิ้มได้ยังไงล่ะคะ คุณเอ็ดฉันก็เพราะว่าคุณเป็นห่วงฉันกับลูก ฉันรู้ค่ะ อาโม่ แต่คุณค่อยกลับไปสั่งสอนฉันที่บ้านได้ไหม ตอนนี้หนังมันใกล้จะเริ่มฉายแล้ว เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ!”

 

 

หากถังโจวโจวได้เห็นฉากนี้ เธอคงจะทอดถอนใจออกมาและรู้สึกปลง ด้วยว่าทุกสิ่งย่อมมีจุดอ่อนของตัวเองจริงๆ! เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น ภาพลักษณ์ของสวี่โยวมักจะดูเป็นคนไร้เหตุผลและเจ้ากี้เจ้าการ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวโม่ สวี่โยวจะกลายเป็นลูกนกตัวเล็กๆ ทันที นี่เป็นการแสดงความรักของสวี่โยวที่มีต่อเซียวโม่

 

 

เธอยอมปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อเขา เธอยอมถอยให้เขา ขอแค่เขารักเธอ สวี่โยวสามารถเพิกเฉยต่อสิ่งใดก็ได้ นี่คือคำขอร้องของสวี่โยวที่มีต่อเซียวโม่

 

 

“โอเคๆ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ” สายตาของเซียวโม่หยุดมองตรงที่ที่ถังโจวโจวยืนอยู่เมื่อครู่เพียงแวบหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ทำให้สวี่โยวเห็น เพราะเขากลัวว่าสวี่โยวจะคิดมากอีก

 

 

เซียวโม่ประคองสวี่โยวเดินเข้าไปในโรงที่หนึ่ง ส่วนโรงภาพยนตร์ที่ลั่วเซ่าเชิน ถังโจวโจว และลั่วอิงเดินเข้าไปคือโรงที่สอง

 

 

หลังจากที่หนังจบลง ถังโจวโจวกับลั่วอิงก็เดินอยู่ด้วยกันข้างหน้า ส่วนลั่วเซ่าเชินก็เดินถือของมาตามหลัง ราวกับเป็นผู้ติดตาม

 

 

“เป็นยังไงคะ หนังสนุกไหม” ถังโจวโจวถามลั่วอิง

 

 

ลั่วอิงไม่ยอมเดินดีๆ เธอกระโดดโลดเต้นไปตลอดทาง แต่ถังโจวโจวก็จับมือของเธอไว้แน่น

 

 

“ลั่วอิง เดินดีๆ ครับ ทำไมถึงซนแบบนี้” ลั่วเซ่าเชินเอ็ดเธอจากด้านหลัง

 

 

เมื่อลั่วอิงได้ยินเสียงของลั่วเซ่าเชิน เธอก็รีบหยุดยืนนิ่งๆ ก่อนจะหันหลังกลับไปยิ้มให้ลั่วเซ่าเชิน จากนั้นเธอก็ปล่อยให้ถังโจวโจวจูงมือเธอเดินอย่างว่าง่าย ถังโจวโจวใช้นิ้วแตะที่หน้าผากของเธอเบาๆ “ดูเหมือนว่าจะมีแต่คุณพ่อนะคะที่เอาหนูอยู่!”

 

 

“แม่โจวโจวขา หนูก็เชื่อฟังคุณแม่เหมือนกันนะคะ” ลั่วอิงรีบอธิบายอย่างรีบร้อน เพราะกลัวถังโจวโจวจะคิดว่าเธอตั้งใจดื้อกับถังโจวโจว

 

 

“ค่ะ หนูไม่ต้องกลัวหรอก แม่โจวโจวยังไม่ได้ว่าหนูเลย”

 

 

เมื่อถังโจวโจวเห็นว่าเดินมาจนใกล้จะถึงส่วนหน้าของโรงภาพยนตร์แล้ว เธอก็หันไปรับหมวกของลั่วอิงจากลั่วเซ่าเชินมา ก่อนจะสวมมันลงไปบนศีรษะของลั่วอิง หมวกสีแดงขับให้ใบหน้ากลมเล็กของลั่วอิงดูน่ารักน่าเอ็นดูอย่างมาก

 

 

“ลั่วอิงของเรานี่น่ารักจริงๆ แม่โจวโจวรักหนูที่สุดเลยนะคะ!” จู่ๆ ถังโจวโจวก็พูดออกมา ทำเอาลั่วอิงยิ้มกว้างจนแทบหุบยิ้มไม่ได้