ตอนที่ 245 แผนร้าย 

 

 

 

 

 

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อไปว่า “ทั้งยังกล่าวว่าให้นางมอบให้กับบุตรชายของตนเอง กล่าวว่าจะสามารถช่วยชีวิตเขาได้ หลังจากนั้นยังกำชับอีกว่าให้บุตรชายของนางหรือในตอนนี้คือเซิ่นซื่อจื่อมอบมันให้กับเจ้า เรื่องนี้แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่คุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องกล่าวออกมาเอง เรื่องนี้นอกจากพระชายาเซิ่นอ๋องกับบุตรชาย พระชายาหลิงอ๋องกับบุตรสาวแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แม้แต่ผู้เดียว” 

 

 

อวี้อาเหรากัดริมฝีปาก ยามนี้นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรตอบกลับไปดี เดิมทีนางก็ไม่ใช่เจ้าของร่างตัวจริง ไหนเลยจะรู้เรื่องนี้ได้ 

 

 

“ชัดเจนว่าเจ้าไม่รู้เรื่องนี้แน่” ชายหนุ่มกล่าวจบ สายตาก็หันกลับมามองใบหน้าเผือดสีของนาง 

 

 

“เรื่องพวกนี้ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าจริงหรือไม่ หรือเป็นเรื่องที่เจ้าปั้นน้ำเป็นตัวทั้งหมด อีกอย่างเจ้าก็รู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่รู้เรื่องนี้” ตีนางให้ตายอวี้อาเหราก็ไม่ยอมรับเด็ดขาด ทำให้ชายหนุ่มโกรธเคืองยิ่งนัก จากนั้นจึงหัวเราะออกมาด้วยเสียงเย็นเยียบ “เจ้าไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร แต่คุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องตัวจริงอยู่ในกำมือข้า เมื่อถึงตอนนั้นถ้าหากให้นางได้พบกับหลิงอ๋องแล้ว เจ้าคิดว่าระหว่างเจ้าทั้งสองคนใครจะน่าเชื่อถือมากกว่ากันเล่า” 

 

 

“เจ้า!” อวี้อาเหราโกรธเสียจนพูดไม่ออก 

 

 

“อย่าลืมเสียเล่า การกระทำของเจ้าในตอนนี้ก็ไม่เหมือนคุณหนูรองที่อ่อนแอเมื่อวันวานแม้แต่น้อย ขอเพียงคุณหนูรองตัวจริงปรากฏกาย ยามนั้นเจ้าก็คิดว่าจุดจบของเขาจะเป็นเช่นไรหรือ” ชายหนุ่มใช้เสียงทุ้มต่ำเพื่อปลุกปั่นให้เกิดความคลางแคลงใจ 

 

 

อวี้อาเหรานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ในใจไม่รู้ว่าจะต้องปล่อยวางอย่างไรถึงจะสลบลง แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นจะไม่น่าฟัง แต่ก็พูดได้ตรงประเด็นทุกจุด หากคุณหนูรองตัวจริงยังไม่ตาย ขอเพียงนางปรากฏตัวต่อหน้าหลิงอ๋อง แล้วพูดถึงเรื่องราวในอดีตทั้งหมด เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็ย่อมจะแยกออกว่าใครเป็นตัวจริงและใครเป็นตัวปลอม และยิ่งช่วงนี้นางวางแผนร้ายต่อพวกอนุรองมาตลอด พวกนางจะต้องใช้โอกาสนี้ในการช่วยเหลือคุณหนูรองตัวจริงผู้อ่อนแอเพื่อรังแกนางแน่ 

 

 

เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจุดจบของนางนั้นก็คง… 

 

 

นางไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้น ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม “ข้าจะกลับไปถามเซิ่นซื่อจื่อและพระชายาเซิ่นอ๋องเอง อย่างไรเสียข้าก็ล้มหัวกระแทก หากจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนไม่ได้บ้างก็ไม่ถือว่าผิดปกติ แต่ว่าคุณหนูรองตัวจริงที่เจ้าว่านั้นอยู่ที่ไหนเล่า” 

 

 

“อยู่…” บุรุษสวมหน้ากากเปิดปากขึ้น ก่อนจะหยุดชะงักในทันที “เจ้าคิดว่าข้าจะบอกความลับอันยิ่งใหญ่เช่นนี้กับเจ้าหรือ หากปล่อยให้เจ้าพบตัวนางแล้ว เช่นนั้นความลับนี้ก็คงไม่เป็นความลับอีกต่อไปน่ะสิ” 

 

 

ในที่สุดอวี้อาเหราก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขา จุดประสงค์ที่แท้จริงของอีกฝ่ายคงไม่ได้มุ่งมายังตัวนางเองแน่ มิเช่นนั้นเขาคงจะถือโอกาสนี้จัดการนางไปแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องเมื่อครั้งที่เกิดขึ้นที่ภูเขาวั่วหลงซาน นางก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูดในทันที “เช่นนั้นเหตุใดครั้งนั้นเจ้าต้องฆ่าข้าด้วย” 

 

 

“ฆ่าเจ้า?” บุรุษที่สวมหน้ากากทำราวกับได้ยินเรื่องที่น่าขันมากที่สุดในโลก “ข้าจะฆ่าเจ้าไปทำไมกัน” 

 

 

“ถ้าเช่นนั้นคนที่เจ้าต้องการจะฆ่า…ก็คือฉู่ป๋าย!” อวี้อาเหราพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที 

 

 

“เจ้าก็ไม่ได้โง่เท่าไรนี่” บุรุษที่สวมหน้ากากหัวเราะขึ้นราวกับจะเยาะ ก่อนจะเงยหน้ามองขึ้นไปยังท้องฟ้า “ตอนนั้นเดิมทีข้าก็ต้องการจะฆ่าเขา แต่วรยุทธ์ของเขานั้นแข็งแกร่งเกินไปนัก ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าและเขานั้นไม่เลว เช่นนั้นจึงคิดว่าหากฆ่าเจ้าเสียก็คงถือโอกาสทำร้ายเขาได้ ทว่าเขากลับเข้ามารับดาบแทนเจ้าเสียเอง!” 

 

 

“เจ้ามันชั่ว!” อวี้อาเหราอดไม่ได้ที่จะสบถคำหยาบออกมา คิดดูแล้วเดิมทีตัวนางนั้นก็เป็นเพียงแพะรับปากแทนฉู่ป๋ายเท่านั้น ครั้งก่อนเดิมทีคนที่เขาตั้งใจจะสังหารก็คือฉู่ป๋าย แล้วยังทำร้ายนางเสียจนทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ ยังกล้าที่จะคุยโวโอ้อวดต่อหน้าจวินเสวียนจี ช่างโง่เง่ายิ่งนัก! 

 

 

“เจ้าว่าอะไรนะ” บุรุษที่สวมหน้ากากได้ยินคำพูดของนางแล้ว ในดวงตาก็ยิ่งฉายความเรียบเย็นมากยิ่งขึ้น มือข้างหนึ่งยื่นมาบีบคอนาง “ตอนแรกหากไม่ใช่เจ้าที่ช่วยเหลือเขา ไหนเลยจะทำให้ข้าต้องเสียแรงเปล่าเช่นนี้” 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 246 สังหาร 

 

 

 

 

 

“แค่กๆ” อวี้อาเหราไอโคล่ก จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาโกรธเคือง 

 

 

ความเคียดแค้นของบุรุษที่สวมหน้ากากค่อยๆ ผ่อนลง ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือออกจากลำคอของนาง 

 

 

“เจ้าก็เกลียดเขามากหรือ” อวี้อาเหราสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงของเขาได้ในทันที ความเคียดแค้นที่เอ่อล้นออกมาจากส่วนลึกในจิตใจเมื่อครู่นี้ก็มากพอจนราวกับจะหักคอนางให้ตายอย่างไรอย่างนั้น ความเกลียดชังเช่นนี้หากไม่ใช่เพราะว่ามีความแค้นใหญ่หลวงแล้ว เขาก็คงไม่มีทางที่จะมีสายตาเช่นนั้นได้แน่ นางเริ่มที่จะเข้าใจขึ้นมาแล้ว เขาคงต้องเป็นคนที่มีความแค้นกับฉู่ป๋ายแน่ เพราะอย่างนั้นถึงได้พยายามคิดหาวิธีการต่างๆ นานาเพื่อฆ่าเขา แต่น่าเสียดายที่รอบกายของเขามีคนมากมายคอยรายล้อมปกป้อง เพราะเช่นนั้นครั้งก่อนจึงยากนักที่จะหาโอกาสได้ และคงไม่คิดว่าจะถูกนางช่วยชีวิตเอาไว้ 

 

 

เพราะอย่างนั้น ครั้งนี้เขาถึงมาหาเรื่องนาง!  

 

 

อวี้อาเหรารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ คนจะซวยแม้ดื่มน้ำก็ยังติดคอ นางเพียงปรารถนาดีต้องการที่จะช่วยชีวิตผู้อื่น กลับไม่คิดว่ามันจะเป็นการทำร้ายตัวเองเช่นนี้ 

 

 

หากตอนนั้นนางไม่ช่วยฉู่ป๋าย ก็คงจะไม่มีใครมาขุดคุ้ยเรื่องราวของนาง 

 

 

ทว่าหากย้อนกลับไปอีกครั้ง นางก็คงจะช่วยเขาโดนไม่นึกเสียใจอยู่ดี  

 

 

บนโลกใบนี้ แม้ว่านางจะเป็นคนที่รักชีวิตของตัวเองมากที่สุด แต่ก็มีบางเรื่องที่อยู่เหนือยิ่งกว่าชีวิต ครั้งนั้นเป็นฉู่ป๋ายที่เกือบจะต้องสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยนาง แน่นอนว่านางจะต้องช่วยเขา ไม่เช่นนั้นแล้วนางคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ 

 

 

อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะค่อยๆ เริ่มเข้าใจถึงจุดมุ่งหมายของอีกฝ่าย 

 

 

หากไม่ใช่เพราะนางยังคงมีค่าอยู่ ชายผู้นี้คงจะไม่พานางมาถึงนี้เพื่อพูดคุยเรื่องราวเหล่านี้เป็นแน่ หากเขาโกรธแค้นที่นางช่วยชีวิตฉู่ป๋ายก็คงจะสังหารนางเสียตั้งนานแล้ว แต่กลับปล่อยนางเอาไว้เช่นนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีจุดมุ่งหมายอื่นอยู่เบื้องหลัง! 

 

 

“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่” 

 

 

บุรุษผู้สวมหน้ากากได้ยินดังนั้นก็ก้มหน้าลงมองหญ้าที่แห้งเฉาอยู่บนพื้น หัวเราะเสียงทุ้มต่ำขึ้น “ในเมื่อเจ้าทำลายแผนการของข้า แน่นอนว่าเจ้าจะต้องชดใช้” 

 

 

“แต่หากข้าไม่ทำเล่า” อวี้อาเหราถามออกไปอย่างไม่ลังเล 

 

 

ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากคู่นั้นเรียบนิ่งลง รู้สึกแปลกใจต่อความกล้าหาญของนางอยู่บ้าง เพียงแต่ชั่วขณะนั้นก็พลันเปลี่ยนแปลงไป ใบหน้าของชายหนุ่มกลับไปเป็นเย็นชาเช่นเดิม คำพูดหนึ่งประโยคถูกพ่นมาจากริมฝีปากบาง “หากเจ้าทำไม่ได้ ข้าก็จะทำให้เจ้าตายทั้งเป็น” 

 

 

“เจ้ากล้าหรือ!” อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมองเขา 

 

 

เขาจับดาบของตัวเองแน่นไม่ยอมปล่อย ใบหน้าเคียดแค้นไม่แปรเปลี่ยนของเขานั้นทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวอยู่เสมอ หากเขาต้องการให้นางตาย แน่นอนว่าเขาทำได้แน่! เมื่อลองชั่งน้ำหนักคำพูดของเขาแล้ว คงจะไม่ได้เพียงแค่ขู่ให้นางตกใจเล่น 

 

 

บุรุษผู้สวมหน้ากากไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรมากนัก ทำเพียงกล่าวขึ้นว่า “เจ้าก็ลองไม่ทำตามที่ข้าพูดดูสิ” 

 

 

อวี้อาเหราจ้องมองเขาอยู่เนิ่นนาน ทว่าอีกฝ่ายกลับไร้ซึ่งท่าทีตอบสนอง เขายังคงมีสีหน้าเย็นชาดั่งเดิม ความเยียบเย็นของเขานั้นบาดลึกเข้าไปในกระดูกราวกับลมหนาว ราวกับนอนอยู่บนก้อนน้ำแข็งอายุหมื่นปีด้วยเนื้อตัวที่เปลือยเปล่า หนาวเย็นเสียจนไร้เรี่ยวแรงจะกล่าววาจา และราวกับมีกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งพุ่งทะลวงเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็วฉับไว 

 

 

“ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่ อย่างไรเขาก็เป็นถึงซื่อจื่อแห่งจวนเซิ่นอ๋อง ข้าเป็นเพียงสตรีไร้เรี่ยวแรงแล้วจะเอาอะไรไปสู้กับเขา แม้แต่องครักษ์ข้างกายเหล่านั้นยังทำไม่ได้ แล้วอย่างข้าจะไปสังหารเขาแทนเจ้าได้อย่างไรกัน” อวี้อาเหรารู้ว่าใช้ไม้แข็งกับเขาไปก็คงไม่มีประโยชน์ น้ำเสียงของนางจึงอ่อนลงหลายส่วน 

 

 

อีกอย่าง สิ่งที่นางพูดนั้นก็เป็นความจริงทุกคำ ไม่อย่างนั้นก่อนหน้านี้นางคงไม่ถูกทำร้ายจนตกอยู่ในสภาพเช่นนั้น แม้แต่ชายฉกรรจ์ที่ไร้ความสามารถสองสามคนนางยังเอาชนะไม่ได้ แล้วจะให้ไปฆ่าฉู่ป๋าย คาดว่ายังไม่ทันเข้าใกล้เขานางก็คงถูกจับเสียแล้ว นั่นก็เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ มิใช่หรือ