ตอนที่ 267 ไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก / ตอนที่ 268 แม่นางน้อย

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 267 ไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก

 

 

 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ยังไม่ถอดชุดทางการออก หากไปทั้งเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ประหลาด ยังจะทำให้คนอื่นระแวงง่ายๆ ยังดีที่ข้างหน้าก็มีร้านเสื้อผ้าอยู่ร้านหนึ่ง เขาให้ผู้ดูแลซื้อชุดตามขนาดตัวของเขา พอเปลี่ยนเสร็จถึงไปที่ฉื่อเจียนฝูเซิง

 

 

คนต้อนรับที่ทำงานอยู่ในฉื่อเจียนฝูเซิงล้วนเป็นวัยรุ่นที่สายตาแหลมคม เห็นผู้มีอำนาจที่แต่งตัวดูดีอยู่บ่อยๆ มองคนก็แม่น รู้ว่าเฝิงเยี่ยไป๋ต้องมีฐานะสูงส่ง บนใบหน้าจึงยิ้มมากขึ้นอีก โค้งตัวเชิญเขาเข้ามาข้างใน “นายท่าน ท่านมากี่คน ไปชั้นใดหรือขอรับ”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋กวาดตามองดูรอบๆ ไม่เห็นคนที่คุ้นหน้า เขาไม่ตอบแล้วเดินไปที่ชั้นสอง ชั้นสองก็เป็นผู้หญิง ในเมื่อชั้นหนึ่งชั้นสองก็ไม่มีเช่นนั้นแล้วก็อยู่ที่ห้วงความสุขแล้ว เขาเหลือบมองคนต้อนรับคนนั้นแล้วพูดว่า “ไปชั้นสาม”

 

 

คนต้อนรับแม้จะรู้สึกแปลก แต่ก็ไม่ได้คิดมาก คนต้อนรับนำเขาไปที่ชั้นสามแล้วคุยกับแม่เล้าที่ชั้นสามเสร็จ ก็หันหลังลงไปทำงานต่อแล้ว

 

 

แม่เล้าพอได้เห็นเฝิงเยี่ยไป๋ก็ยิ้มขึ้นมาทันที คนที่หน้าตาดีเช่นนี้ร้อยปียากจะได้เจอสักครั้ง อีกอย่างเพียงมองความมั่งคั่งทั้งตัวของเขานั้นหนีไม่พ้นต้องเป็นคนร่ำรวยแน่ๆ แม่เล้าจึงรีบเข้าไปต้อนรับ แล้วลูบเนื้อผ้าที่เขาใส่อยู่ อื้อหือ! ยังเป็นเนื้อผ้าชั้นดีอีก คนนี้ร่ำรวยยิ่งนัก ดูไปแล้วก็ไม่ใช่ลูกค้าประจำ คราวนี้ได้เชือดแน่ๆ

 

 

“นายท่าน ท่านมาที่นี่ครั้งแรกกระมัง ข้าจะบอกท่านให้ พวกเรานี้…”

 

 

ยังไม่ทันได้พูดจบก็ถูกเฝิงเยี่ยไป๋ยกมือตัดบทเสียก่อนแล้ว ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้เห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ละคนข้างกายล้วนมีแม่นางอยู่คนหนึ่ง ท่าทางทรงเสน่ห์เช่นนั้น เกรงว่าวิญญาณก็คงถูกลากไปเสียแล้วกระมัง

 

 

เขาชี้ไปยังที่นั่งด้านหลังพวกเขาในแนวเฉียงแล้วบอกแม่เล้าว่า “ข้านั่งที่นี่”

 

 

แม่เล้าอ้ำอึ้งเล็กน้อย รีบนำเขาไปแล้วถามอีกว่า “นายท่าน แม่นางของพวกเราแต่ละคนล้วนสะสวยเหมือนนางฟ้า ท่านจะไม่เลือกสักคนเลยหรือเจ้าคะ”

 

 

ก็จริง มาหอนางโลมแต่ไม่เลือกแม่นางกลับจะทำให้คนสงสัยได้ เขาเคาะโต๊ะ ชะงักไปเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เลือกคนที่ไม่พูดมากมา ตอนออกไปให้ปล่อยม่านที่ประตูลงด้วย”

 

 

แม่เล้าอ้าปากถามเขาด้วยความสงสัยว่า “นายท่าน ท่าน… ท่านไม่เลือกเองสักหน่อยเลยหรือ”

 

 

เลือก? เขาไม่ได้จะมาเที่ยวหอนางโลมจริงๆ ให้มีคนอยู่ข้างกายพอให้กลบเกลื่อนไปได้ก็พอแล้ว ยังจะเลือกอะไรอีก เขาสะบัดมือไล่ด้วยความหงุดหงิด สีหน้าเริ่มไม่ดีขึ้นมา “ให้เจ้าไปก็ไป จะมัวพูดมากอะไรอีก ไสหัวไป!”

 

 

“เจ้าค่ะๆ นายท่านได้โปรดหายโกรธก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้”

 

 

หากเป็นเมื่อก่อน เขาคงมีใจอยากจะเลือกเสียหน่อย เพียงแต่ตอนนี้ คนงามเพียงไรในสายตาของเขาก็เหมือนกันหมด ล้วนมีสองตาหนึ่งจมูกหนึ่งปาก นอกจากเฉินยางอาจจะยังน่าดูอยู่บ้างแล้ว คนอื่นนั้น สวยก็สวยไม่เท่าไรนักหรอก

 

 

แม่เล้าเห็นท่าทางดุร้ายของเขา ก็ไม่กล้าปรนนิบัติไม่ดี นางหาคนที่ปกติพูดน้อยแล้วให้ยกเหล้ากับอาหารเข้าไปปรนนิบัติ ฝ่ายแม่นางผู้นี้เมื่อได้ยินว่านายท่านผู้นี้อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ในใจจึงรู้สึกกลัว ก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไปนั้นยังรู้สึกกังวล เพียงแต่พอเข้าไปแล้วได้เห็นหน้า จิตใจแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แอบรู้สึกดีอยู่ลึกๆ ด้วยซ้ำ นายท่านที่มาวันนี้หน้าตาดีอย่างยากจะได้เห็นนัก แทบจะตะลึงไปในบัดดล นางลูบผมเล็กน้อย แล้วรินเหล้าให้เขา “นายท่าน ข้าน้อยชื่อเซียงจือ ไม่ทราบนายท่านมีนามว่าอะไรหรือ”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ไม่แม้แต่จะมองนาง เพียงทำเสียงชู่ใส่นาง “อย่าพูด ข้าไม่ชอบผู้หญิงพูดมาก”

 

 

เซียงจืออึ้งเล็กน้อย ไม่พูด ไม่พูดแล้วจะปรนนิบัติเขาได้อย่างไรกัน

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 268 แม่นางน้อย

 

 

 

 

โต๊ะของเฝิงเยี่ยไป๋นี้ห่างจากโต๊ะของพวกนั้นเพียงไม่กี่ฉื่อ[1] คนเหล่านั้นดื่มเหล้าไปแถมยังมีหญิงงามนั่งอยู่ข้างๆ พอคนหนึ่งเริ่มหัวข้อขึ้นมาก็แข่งกันพูด มีอะไรก็พูดออกมาเสียหมด คนหนึ่งพูดถึงคนที่ถูกตัดศีรษะวันนี้ จึงจุ๊ปากพูดว่า “ความคิดฝ่าบาทยากจะคาดเดาเสียจริงเลย ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเสนอเช่นนี้ ก็เท่ากับให้เหตุผลฝ่าบาทที่จะใช้ประหารเฝิงเยี่ยไป๋ คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วกลับถูกประหารเสียเอง”

 

 

อีกคนก็พูดต่อว่า “ใต้เท้าหวังตายได้ที่เสียจริง ก่อนจะตายก็ได้ปูทางให้พวกเรา จะน้ำลึกน้ำตื้นนี้ในใจพวกเราก็จะได้เดาถูก ตามที่ข้ามอง ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทมีอะไรกับไทเฮาหรอกนะ… หืม ไม่เช่นนั้นไฉนถึงได้กลับคำพูดให้เฝิงเยี่ยไป๋เข้าร่วมราชกิจเล่า อีกอย่าง แม้ไทเฮาจะมีอายุแล้ว เพียงแต่ความงามก็ยังคงอยู่ ไม่แน่อาจจะถูกตาต้องใจมากยิ่งกว่าเสียอีก พวกเจ้าว่าใช่หรือไม่ ฮ่าๆๆ !”

 

 

“ตอนงานชุมนุมใหญ่ครั้งนั้น พวกเจ้าเห็นไทเฮาหรือไม่ นั่งอยู่กับเหล่าสนมของฝ่าบาทไม่แพ้พวกนางเลย กลับเผยกลิ่นอายที่แตกต่างออกมาเสียอีก จุ๊ๆ มองแล้วช่างยากเกินจะห้ามใจเสียจริง ยังมีเฝิงเยี่ยไป๋นั่นอีก ว่าแล้วต้องสืบทอดความงามจากแม่ของเขา งามจนล่มทั้งแคว้นได้เลย อีกอย่างหน้าตาเขานั้นอ่อนเยาว์เสียอย่างกับอะไรดี วันนี้ตอนอยู่ที่ท้องพระโรงนั่น ข้าอยู่ใกล้เขามากที่สุด พอเหลือบไปมองเขา ใบหน้าขาวผ่องนั้นแดงเรื่อเล็กน้อย เหมือนดั่งแม่นางน้อยเช่นนั้น”

 

 

พอคำพูดนี้ออกมา ทั้งโต๊ะก็หัวเราะครืนขึ้นมา เฝิงเยี่ยไป๋แอบบีบจอกเหล้าในมือตนเอง คนพวกนี้บังอาจนัก คำพูดอะไรก็พูดออกมาได้ ไม่ได้คิดดูเลยว่าตัวเองเพิ่งจะรอดชีวิตกลับมาจากท้องพระโรงจะรอดไปจนถึงพรุ่งนี้ได้หรือไม่ แสร้งทำตัวเป็นคนดี ที่แท้ก็เป็นพวกต่ำช้า แม้แต่เขาก็ยังกล้านินทา เขาแค้นจนกัดฟันกรอด มือออกแรงมากไป จอกดีๆ ใบหนึ่งถึงกับถูกบีบจนแตกไปเลย

 

 

เซียงจือผวา ในใจคิดว่า ที่หมัวหมัวพูดไม่ผิดจริงๆ คนผู้นี้อารมณ์ไม่ดีนัก หนำซ้ำดูไปแล้วยังเป็นคนที่มีวิชา จอกเหล้าเพียงบีบก็แตกได้ ช่างน่าตกใจเสียจริง นางตั้งสติ รีบเอาผ้าไปให้เขาเช็ดมือ เฝิงเยี่ยไป๋ไม่สนใจ สะบัดแขนเสื้อแล้วลุกขึ้นมา เปิดผ้าม่านออกแล้วเดินออกไป

 

 

คนเมาพวกนั้นกำลังคุยกันสนุกได้ที่ หัวเราะขึ้นมาแล้วก็หยุดไม่ได้ ย่อมไม่เห็นว่าเฝิงเยี่ยไป๋กำลังเดินมาหาตนเอง

 

 

ตัวเขาดึงเก้าอี้แล้วนั่งลงที่มุมโต๊ะ และหัวเราะตามขึ้นมา หัวเราะไปอยู่สองที ก็ทำหน้าบึ้งตึงตบลงโต๊ะ ทั้งโต๊ะพลันเงียบลงทันใด

 

 

คนเหล่านั้นเงียบปากทันที สร่างเมาไปกว่าครึ่ง คนที่เมื่อครู่ยังถูกนินทาอยู่ตอนนี้นั่งอยู่ต่อหน้าตัวเองตัวเป็นๆ แต่ละคนนั้นทำท่าราวกับเห็นผีมิปาน รีบปล่อย ‘ของรักของหวง’ ในอ้อมกอดตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อคุกเข่าลง “ข้าน้อยคารวะท่านอ๋อง”

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋รินเหล้าให้ตัวเองหนึ่งจอก หมุนไปมาอยู่ในมือแต่ไม่ดื่ม แค่นเสียงหึออกจมูกเบาๆ “ฟ้าก็มืดแล้วยังจะคารวะอะไรอีกหรือ ข้าเห็นว่าพวกเจ้าคุยกันสนุกอยู่ที่นี่ดูน่าสนใจ ลุกขึ้นมาให้หมดเถอะ ลุกขึ้นแล้วก็พูดต่อ ให้ข้าได้สนุกไปกับพวกเจ้าอีกคน”

 

 

สีหน้าของเขานั้นบูดบึ้ง แม้จะไม่ได้โกรธจัด แต่ดูไปแล้วก็ไม่ได้ดีนัก ทำเอาพวกเขาเดาไม่ออก ในใจรู้สึกหวาดกลัว

 

 

ไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมา ต่างคนต่างอยากจะตบปากตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าเขาได้ยินไปมากน้อยเพียงใด หากเรื่องไปถึงฮ่องเต้แล้วฮ่องเต้ลงโทษลงมา พวกเขามีศีรษะมากเท่าใดก็ไม่พอตัด เวลานี้แต่ละคนล้วนหวาดผวาแล้วคุกเข่าที่พื้นเริ่มขอร้องขึ้นมา

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ประคองคนที่ใกล้ตัวที่สุดขึ้นมาพลางคลี่ยิ้มจางๆ ยิ้มจนทำเอาหนาวเหน็บไปถึงกระดูกดำ

 

 

——

 

 

[1] ฉื่อ เป็นมาตรวัด เทียบเท่าฟุตในปัจจุบัน