พลัก….. ร่างขององค์ชายชูเจินกับองค์ชายหลิวอิงโดนเหวี่ยงวูบลงบนพื้นท้องพระโรงกลางราชวังอาณาจักรไป๋อย่างไม่ใยดีต่อฐานะองค์ชายของพวกมันแต่อย่างไร
“พวกมันร่วมมือกันเข้ามาบุกอาณาจักรของเราขอรับ”อสูรกิเลนขาวรายงานพลางถอยออกไปห่างจากชูเจินและหลิวอิงเหมือนจะให้ไป๋จูเหวินได้เห็นหน้าพวกมันชัดๆ
“ไม่นึกว่าอาณาจักรหลิวกับอาณาจักรชูจะคิดบุกอาณาจักรของเรา”ไป๋จูเหวินว่าพลางถอนหายใจออกมา พอจัดการงานที่เมืองร้อยแปดอสูรเสร็จก็กลับมาที่อาณาจักรไป๋ ไม่คิดว่าจะต้องเจอเรื่องบุกเมืองเช่นนี้ทั้งๆที่พึ่งเดินทางไปร่วมพิธีอภิเษกของอู๋หมิงที่มีทั้งอาณาจักรหลิวและชูเข้าร่วมแท้ๆ
“จับพวกมันเอาไว้ ห้ามออกไปไหน”ไป๋จูเหวินว่าพลางมององค์ชายทั้งสองด้วยสายตาเรียบเฉย โดยเฉพาะชูเจินที่เคยจับมันเอาไว้ คราวนี้สถานะของพวกมันสลับกันโดยสิ้นเชิง รอบนี้ไป๋จูเหวินเป็นผู้อยู่เหนือชีวิตของมันไปแล้ว
“ขุนนางภาคใต้”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองมาทางอสูรวัวสามเศียรที่รับตำแหน่งขุนนางใหญ่ภาคใต้อยู่ตอนนี้
“ขอรับ”อสูรวัวสามเศียรในชุดเสื้อผ้าสีทองพูดพลางคุกเข่าลงตรงหน้าไป๋จูเหวิน
“ส่งคนไปรายงานอาณาจักรหลิวและชูเรื่องการโจมตีอาณาจักรไป๋ของพวกเรา เราต้องการคำตอบจากปากขององค์จักรพรรดิแต่ละอาณาจักร”ไป๋จูเหวินพูดจบอสูรวัวสามเศียรก็ก้มหัวให้ไป๋จูเหวินทีหนึ่ง ก่อนจะเดินพรวดออกไปจากห้องเพื่อเรียกลูกน้องของมัน
ยามนี้อาณาจักรไป๋ก้าวไกลเรื่องการส่งสารที่สุดเรียกได้ว่าไม่มีอาณาจักรไหนเทียบได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพียงออกคำสั่งออกไป มังกรบินและผู้ส่งสารก็พุ่งทะยานออกนอกวังหลวงมุ่งไปยังเขตแดนของอาณาจักรชูและหลิวทันที
“ท่านพ่อ ท่านลุงเพิร์ลให้ข้ามาถามว่าท่านประชุมเสร็จหรือยัง”หลังจากลากองค์ชายทั้งสองออกไป ร่างน้อยๆของไป๋หลินก็โผล่มาจากประตู ทำให้ใบหน้าเคร่งเครียดของเหล่าขุนนางและตัวไป๋จูเหวินเองผ่อนคลายลงในทันที
“เสร็จแล้ว ให้ลุงของเจ้าเข้ามาเลย”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ เพราะเรื่องการบุกอาณาจักรทำให้ธุระที่มันนัดกับพวกเพิร์ลเอาไว้ต้องเลื่อนออกมา หลังจากจัดการเรียบร้อยในที่สุดพวกมันก็สามารถนั่งพูดคุยกันได้อย่างสงบเสียที
“นี่เป็นพิมพ์เขียวต้นแบบของรูบี้ เจ้าคิดว่าไง”เพิร์ลถามพลางนำกระดาษที่รูบี้วาดรูปเอาไว้ละเอียดยิบลงมากางที่โต๊ะกลางท้องพระโรง แม้แต่เหล่าอสูรรอบๆที่ได้ชื่อว่าฉลาดและรอบรู้ที่สุดในอาณาจักรไป๋ยังได้แต่ขมวดคิ้วกับภาพที่เห็นตรงหน้า
“ยอดเยี่ยม รูบี้ลงมือได้เลยหรือเปล่า”ไป๋จูเหวินถามพลางมองพิมพ์เขียวอย่างสนอกสนใจ สิ่งที่เขียนอยู่บนกระดาษคือสิ่งประดิษฐ์จากต่างแดน เรียกว่ารถไฟไอน้ำ โดยรูบี้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากอสูรได้นำพิมพ์เขียวที่ยังไม่สำเร็จดีออกมาปักฝุ่นเสียใหม่ แทนที่จะใช้ถ่านหินซึ่งหายากสำหรับอาณาจักรไชน์ที่กำลังรบกันอยู่ ให้มาใช้ตัวอสูรธาตุไฟสักตัวในการเผาไหม้แทน ทำให้ได้พลังงานที่ยอดเยี่ยมและนิ่งกว่าไฟของถ่านหินเสียอีก เพียงแค่ต้องมีการสลับตัวอสูรที่จะทำหน้าที่ให้ความร้อนเท่านั้น
“รูบี้บอกว่าถ้าเป็นเจ้านี่น่าจะเร็วเกือบเท่าหลินหลินเลย”เพิร์ลยิ้มพลางมองพิมพ์เขียวการสร้างรถไฟอย่างคาดหวัง ที่อาณาจักรไชน์รูบี้ยังไม่สามารถทำได้เพราะสภาพเศรฐกิจไม่อำนวย การคลังของอาณาจักรต้องเน้นไปให้ทหารที่กำลังรบกันอย่างต่อเนื่องมากกว่า แม้รูบี้จะเป็นบุตรสาวเจ้าเมืองก็ไม่ได้สามารถเสกเงินออกมาซื้อวัตถุดิบมาทำของชิ้นใหญ่ที่ไม่ทราบจะใช้งานได้หรือไม่ได้
แต่ตอนนี้รูบี้ได้เถ้าแก่ใจดีอย่างไป๋จูเหวินมาออกค่าทดลองให้ แร่โลหะและแร่ต่างๆที่รูบี้ต้องใช้ ไป๋จูเหวินมีเป็นภูเขา เงินหรือก็สามารถเบิกได้ไม่อั้น จะขาดก็แต่ช่างฝีมือดีเท่านั้น แต่ในข้อนี้รูบี้ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วง เพราะเหล่าอสูรที่สนใจงานนี้ต่างเข้าร่วมกันหลายตน พวกมันยินดีจะเรียนรู้จักสาวน้อยคนนี้แล้วนำมาพัฒนาต่ออย่างดีเยี่ยมทีเดียว
“ไวเท่าท่านหลินหลินเลยหรือขอรับ”อสูรงูเผือกขุนนางฝั่งตะวันตกถามออกมาด้วยความสนใจ หลินหลินมีความเร็วที่น่าตกใจมาก หากไม่ใช่อสูรบินการจะตามนางให้ทันเป็นเรื่องที่กินแรงมากทีเดียว
“ใช่ หากมีเจ้านี้ ต่อให้เป็นชาวบ้านธรรมดาก็สามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว”เพิร์ลตอบพลางยิ้มกว้าง ตัวรูบี้ที่ได้ทำสิ่งประดิษฐ์ที่ตนเขียนทิ้งเอาไว้นานมากเสียทีเองก็ดีใจกับเรื่องนี้เช่นกัน
“แบบนั้น อาณาจักรไป๋คงพัฒนาไปไวมากแน่ๆ”อสูรกวางหิมะขุนนางฝ่ายเหนือพูดออกมาด้วยท่าทีทึ่งๆ หากการคำนวณของมันถูกต้อง เพียงนั่งเจ้าสิ่งนี้ก็สามารถเดินทางจากเขตตะวันตกไปยังเขตตะวันออกได้เพียง 4 วันเท่านั้น นับว่าเป็นความเร็วที่น่าตกใจจริงๆเมื่อเทียบกับมนุษย์ที่ใช้รถม้าเดินทางกว่า 1 เดือน
“ท่านพ่อ ข้าพร้อมแล้ว”ไป๋หลินเห็นไป๋จูเหวินกับเพิร์ลตกลงกันได้แล้ว นางก็เดินเข้าพร้อมกับเหม่ยหลิน
“เจ้าไหวแน่นะ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองมาทางเหม่ยหลิน หลังจากกลับไปตรวจสอบงานของกลุ่มนักล่าอสูร ไป๋จูเหวินที่กลายเป็นจักรพรรดิควบตำแหน่งหัวหน้าแล้วจำเป็นต้องปรับโครงสร้างของกลุ่มนักล่าอสูรเสียใหม่ ตอนนี้มันตัดสินใจสร้างกลุ่มนักล่าอสูรสาขาอาณาจักรไป๋ขึ้นมาโดยให้เหม่ยหลินเป็นผู้นำ ส่วนสาขาอาณาจักรอู๋ก็รบกวนให้หวงหลงกลับมารับตำแหน่งไปก่อน แน่นอนว่าอายุเพียงเท่านี้สำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณมันสามารถกลับมาทำงานได้ทันที โดยไป๋จูเหวินวางแผนจะสร้างทางรถไฟสำหรับกลุ่มนักล่าอสูรทั้ง 3 สาขาโดยจะขอความร่วมมือจากอู๋หมิงและองค์จักรพรรดิอาณาจักรชินด้วย
“คิกๆ ที่นี่เป็นค่ายกลอสูรขนาดใหญ่ เหล่าอสูรไม่ทำร้ายมนุษย์ ท่านคิดว่างานของกลุ่มนักล่าอสูรอาณาจักรไป๋จะยากตรงไหนกัน”เหม่ยหลินหัวเราะพลางจับมือกับไป๋หลินเอาไว้แน่น
“งั้นข้าไปรอที่เมืองก่อนนะเจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางยิ้มกว้าง เมืองที่จะใช้เป็นที่ตั้งกลุ่มนักล่าอสูรสาขาอาณาจักรไป๋นั้นคือเมืองที่ห่างออกไปจากเมืองหลวงไม่มาก หากขี่หลังหลินหลินเดินทางเพียง 15 นาทีก็ถึงแล้ว พอไป๋จูเหวินเสร็จงานก็สามารถเดินทางไปได้ทันที นับว่าไม่ได้ห่างจากลูกเมียมากแต่อย่างไร
.
.
ตึง! หลังจากส่งข่าวไปยังอาณาจักรหลิวและชูเรื่องที่องค์ชายของพวกมันโจมตีอาณาจักรไป๋ เพียงไม่กี่วันร่างขององค์จักรพรรดิอาณาจักรชูก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าไป๋จูเหวิน แต่คราวนี้มันไม่ได้มาด้วยท่าทีสง่าผ่าเผยแต่อย่างไร มันมีสภาพเหมือนพ่อที่พึ่งรู้ว่าลูกชายไปก่อเรื่องในเมืองแล้วโดนทหารจับไม่มีผิด
“จักรพรรดิไป๋ ข้าได้ทราบเรื่องแล้ว”องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูไม่มีท่าทีโมโหหรือต่อต้านเลยแม้แต่น้อย มันเดินเข้ามาแล้วประสานมือให้ไป๋จูเหวินในทันที
“ได้โปรด อภัยให้สิ่งที่บุตรชายของข้าทำลงไปด้วย”องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น แค่ได้ทราบว่าบุตรชายเพียงคนเดียวของมันทำอะไรลงไป ตัวมันก็สะท้านวาบรีบเดินทางมาเพื่อขอขมาในทันที มันทำงานเป็นจักรพรรดิมาตลอด ได้เห็นความสัมพันธ์ของไป๋จูเหวินกับอู๋หมิง รวมทั้งอาณาจักรชินเอง มันไม่เหมือนชูเจินที่ดูไม่ออกว่าไป๋จูเหวินมีความสนิทสนมกับอาณาจักรทั้งสองมากแค่ไหน
แม้แต่ยอดฝีมือในอาณาจักรอู๋ ส่วนมากก็เป็นคนรู้จักของไป๋จูเหวิน ต่อให้อาณาจักรชูเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรอู๋ แต่หากหันคมหอกเข้าหาอาณาจักรไป๋ อาณาจักรอู๋คงไม่รีรอที่จะยกเลิกพันธมิตรและโจมตีอาณาจักรตนเองในทันที เรียกได้ว่าไม่ต้องรอให้อาณาจักรชินเข้ามาร่วมวงก์ อาณาจักรของมันก็คงโดนลบหายไปในพริบตาอยู่แล้ว
“องค์จักรพรรดิ..หากคนของข้าหมายจะบุกฆ่าประชาชนของท่าน ท่านจะยกโทษให้หรือไม่”ไป๋จูเหวินถามพลางมององค์จักรพรรดิอาณาจักรชูนิ่ง ยามนี้มันแบกรับความรู้สึกของประชาชนเอาไว้ หากปล่อยชูเจินไปง่ายๆมันคงไม่มีหน้าไปพบประชาชนแน่ๆ
“ขะ ข้าทราบดีว่าท่านรู้สึกเช่นไร…”องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูว่าพลางยิ้มเศร้าๆออกมา
“ข้า..ข้าไม่ขอให้ท่านปล่อยชูเจิน”องค์จักรพรรดิพูดออกมาด้วยท่าทีขมขื่น แม้ในใจมันจะยอมรับแต่มันก็ไม่เคยพูดออกมา ชูเจินไม่เคยเหมาะกับบัลลังก์ เป็นเพียงองค์ชายที่โชคดีเหลือคนสุดท้ายเท่านั้น ตอนนี้มันเลยไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของชูเจินสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่มันห่วงคือความปลอดภัยของอาณาจักรมันมากกว่า
“ข้ามาเพื่อขอร้องท่าน ว่าอย่าโจมตีอาณาจักรของพวกเราเลย สิ่งที่บุตรชายของข้าทำลงไปเป็นเพียงการตัดสินใจของมันเท่านั้น”จักรพรรดิอาณาจักรชูขอร้อง ก่อนจะก้มหัวลงให้กับไป๋จูเหวิน ยามนี้มันจนตรอกแล้วจริงๆ มีทางเดียวคือต้องขอร้องให้ไป๋จูเหวินไม่ทำอะไรอาณาจักรตนเองเท่านั้น เพราะเพียงแค่มันพลิกฝ่ามืออาณาจักรชูก็คงล่มสลายแล้วแน่ๆ
“ข้ามีเงื่อนไข”ไป๋จูเหวินพูดออกมาเสียงเรียบ แต่ถึงจะทำท่าทีเฉยๆแต่ไป๋จูเหวินก็ไม่คาดคิดว่าองค์จักรพรรดิอาณาจักรชูจะลงทุนก้มหัวให้ถึงเพียงนี้
“เงื่อนไข….”องค์จักรพรรดิถามพลางเงยหน้าขึ้นมามองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีหวาดๆ
“ก่อนอื่น ปลดฐานะองค์ชายของชูเจินออกซะ รวมทั้งสิทธิ์การครอบครองบัลลังก์ด้วย”ได้ยินไป๋จูเหวินพูดเช่นนั้นในใจวูบหนึ่งขององค์จักรพรรดิกลับแอบเห็นด้วยอยู่ครึ่งหนึ่ง เพียงแต่
“ข้ามีบุตรชายเหลืออยู่คนเดียว แบบนั้น…”แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าชูเจินเป็นเช่นไร แต่ความจริงที่ว่าชูเจินเป็นเชื้อพระวงศ์เพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในรุ่นต่อไปยังคงค้ำคอองค์จักรพรรดิอยู่ แถมตัวองค์จักรพรรดิอาณาจักรชูยังอ่อนแอไม่ทราบจะหมดลมเมื่อไหร่ หากปลดตำแหน่งองค์ชายของชูเจินแล้วอาณาจักรมันใครจะปกครองกัน
“ท่านก็ยังอายุไม่มาก สร้างทายาทใหม่เสียก็สิ้นเรื่อง”ได้ยินไป๋จูเหวินพูดเช่นนั้น องค์จักรพรรดิก็เหงื่อตกทันที สร้างทายาทใหม่? ตัวมันอายุปู่นนี้แล้วยังจะสร้างทายาทได้อักงั้นหรือ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ไม่เคยคิด แต่ก็มีปัญหาที่ร่างกายตนเองเสียมากกว่า
“จักรพรรดิไป๋ เรื่องเกรงว่าร่างกายข้าจะไม่ไหว”องค์จักรพรรดิอาณาจักรชูมีพลังวิญญาณไม่มาก ทำให้ร่างกายแก่ลงอย่างรวดเร็วแทบไม่ต่างจากมนุษย์ปกติ แถมหลังจากป้ำทายาทออกมาจำนวนมากมันก็แทบจะปิดอู่ไปแล้ว ก็ใครจะไปคิดเล่าว่าบุตรชายบุตรสาวตนเองจะร้ายกาจกันถึงขนาดฆ่าฟันกันเองจนหมดไม่เหลือแบบนี้
“เรื่องนั้นข้าพอช่วยท่านได้”ไป๋จูเหวินถอนหายใจออกมาพลางใช้ดวงตาสีเขียวและสีม่วงมองเข้าไปในร่างกายขององค์จักรพรรดิอาณาจักรชู สภาพร่างกายที่ย่ำแย่เช่นนี้ความจริงเกิดจากความเครียดสะสมที่เกิดจากบุตรชายบุตรสาวฆ่าฟันกันเองมาตั้งแต่หลายปีก่อน ยิ่งอาณาจักรจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ยิ่งทำให้มันเครียดเข้าไปใหญ่จนสภาพจิตใจย่ำแย่ ส่งผลให้ร่างกายแย่ตามไปด้วย
“นี่เป็นสูตรยาช่วยผ่อนคลายและบำรุงร่างกาย แพทย์ในวังของท่านคงสามารถทำได้ไม่ยาก หากดื่มน้ำที่ต้มกับสมุนไพรเหล่านี้เช้าเย็น ไม่นานเรื่องนั้นก็คงไม่มีปัญหา”ไป๋จูเหวินว่าพลางยื่นกระดาษให้องค์จักรพรรดิ
“ส่วนเรื่องชูเจิน ข้าจะส่งมันไปที่ทางเหนือ ช่วยงานคนของข้า ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำอะไรรุนแรงหรอก”ไป๋จูเหวินว่าพลางยิ้มออกมา บอกตามตรงสำหรับอาณาจักรชู ยังไงมันก็เป็นพันธมิตรของอาณาจักรอู๋ สมัยสงครามช่วยเหลือกันไม่น้อย ไป๋จูเหวินไม่คิดทำลายอาณาจักรชู แต่ก็ไม่เห็นด้วยที่ชูเจินจะรับตำแหน่งแทน เรียกได้ว่าเห็นแก่หน้าองค์จักรพรรดิ จะไม่บุกอาณาจักรชู แต่จะขอสั่งสอนชูเจินเสียให้เข็ดหลาบ ทางเหนือของมันมีดินแดนของชาวเมืองหลวงเก่า ที่นั่นเต็มไปด้วยชาวเมืองไร้คุณภาพ ทำมาหากินไม่เป็น หากส่งชูเจินไปในฐานะบ่าวรับใช้ คงจะสนุกดีไม่น้อย