เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 410
โจวซู่เอ๋อร์ถามอย่างประหม่าอยู่บ้าง
ไหนจะเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับท็อปมารักษา
ไหนจะการตรวจร่างกายที่แม่นยำหลากหลาย
จะต้องใช้เงินก้อนใหญ่มากแน่
ตนเป็นแค่พนักงานทำความสะอาดคนหนึ่ง จะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้อย่างไร?
เย่เมิ่งเหยียนยิ้มพร้อมกล่าว : “อาอึ้มโจวคะ ค่าหมอค่ายาอาอึ้มไม่ต้องจัดการเลยค่ะ กองทุนรักเด็กของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปของพวกหนูจะรับผิดชอบเองทั้งหมดค่ะ!”
ทุกปี เฟิงเมิ่งกรุ๊ปจะนำกำไรเกือบครึ่งหนึ่งมาทำการกุศล
หนึ่งในนั้นก็มีการก่อตั้งกองทุนรักเด็กขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มคนที่ลำบากยากไร้อย่างโจวซู่เอ๋อร์!
“พวกคุณเป็นคนของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปหรือ?”
ได้ยินดังนั้น โจวซู่เอ๋อร์ถามด้วยใบหน้าตกตะลึง
เฟิงเมิ่งกรุ๊ป นั่นคือบริษัทอันดับหนึ่งในตงไห่เลยนะ!
ในตงไห่นี้ พูดได้เลยว่าไม่มีใครไม่รู้จัก
ถ้าลูกบ้านไหน ได้ทำงานที่เฟิงเมิ่งกรุ๊ป
นั่นก็นับว่าเป็นเกียรติของวงส์ตระกูล ต้องเชิญแขกมากินเลี้ยงเลยทีเดียว!
เย่เมิ่งเหยียนพยักหน้ายิ้มแล้วกล่าว : “ใช่ค่ะ! หนูเย่เมิ่งเหยียน เป็นประธานของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปค่ะ!”
“หา!”
โจวซู่เอ๋อร์ตะโกนอย่างตกใจ เธอรู้สึกโง่เขลานัก
เธอไม่คิดเลย ว่าเย่เมิ่งเหยียนไม่ใช่แค่เป็นคนของเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นถึงท่านประธานของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปอีก!
ประธานเฟิงเมิ่งกรุ๊ป นั้นก็เป็นคนใหญ่คนโตที่สูงส่งเทียมฟ้า!
ตอนนี้เอง
โจวซู่เอ๋อร์ถึงตระหนักได้อย่างแท้จริง ว่าตกลงแล้วตนเองได้พบผู้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน!
“คุณคือประธานเฟิงเมิ่งกรุ๊ป งั้นหรือว่าคุณเป็นคนของตระกูลเย่? งั้นคุณกับตระกูลหลัน…”
พูดถึงตรงนี้
โจวซู่เอ๋อร์ก็พูดต่อไม่ออกแล้ว
ในตงไห่นี้ใครๆก็รู้ ว่าตระกูลหลันคือญาติฝั่งแม่ของตระกูลเย่
ตอนนี้ผู้นำตระกูลเย่ ประธานบริหารเฟิงเมิ่งกรุ๊ปเย่ไห่ ก็คือลูกเขยของตระกูลหลัน!
เย่เมิ่งเหยียนรู้ว่าโจวซู่เอ๋อร์อยากจะพูดอะไร เธอพยักหน้าแล้วกล่าว : “ใช่ค่ะ! ตระกูลหลันเป็นตระกูลฝั่งคุณแม่หนู แต่ตระกูลหลันก็ส่วนตระกูลหลัน หนูก็ส่วนหนูค่ะ ไม่ว่าตระกูลหลันจะทำผิดมากมายแค่ไหน หนูก็ไม่โอนอ่อนให้พวกเขาหรอกค่ะ!”
พูดถึงตรงนี้ เย่เมิ่งเหยียนก็มีสีหน้ามุ่งมั่น
หยางเฟิงก็เอ่ยปากกล่าวว่า : “อาอึ้มโจว อาอึ้มพักผ่อนให้สบายเถอะครับ ผมจะทำให้คนของตระกูลหลันมาขอโทษอาอึ้มด้วยตัวเองให้ได้!”
โจวซู่เอ๋อร์รีบโบกไม้โบกมือ : “ไม่ต้องจ้ะไม่ต้อง แต่…ฉันยังมีอีกเรื่องอยากขอให้พวกคุณช่วย…”
เพียงเห็นเธอกัดฟันแล้วพูดว่า : “ตอนนี้ฉันนอนโรงพยาบาล ดูแลลูกสาวไม่ได้ ฉันหวังว่าพวกคุณจะช่วยดูแลลูกสาวของฉันให้หน่อย!”
โจวซู่เอ๋อร์หมดหนทางแล้วจริงๆ
ตอนนี้เธอนอนอยู่โรงพยาบาล
ลูกสาวของเธอยังเป็นโรคนูแนนซินโดรมอีก
เมื่ออยู่ห่างจากเธอ ลูกสาวเธอเป็นคนที่ไม่สามารถดูแลจัดการชีวิตตัวเองได้เลย!
ถ้าไม่ขอให้หยางเฟิงกับเย่เมิ่งเหยียนช่วย เธอก็ไม่รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร
หยางเฟิงยิ้มแล้วกล่าว : “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราเถอะครับ”
เย่เมิ่งเหยียนก็สมทบว่า : “อาอึ้มวางใจได้ค่ะ พวกเราจะดูแลลูกสาวให้เองค่ะ!”
“ขอบคุณจ้ะ! ขอบคุณพวกคุณมากๆเลยจริงๆ! ฉันไม่รู้จริงๆว่าควรจะพูดอย่างไร…”
โจวซู่เอ๋อร์ซาบซึ้งจนน้ำตาไหลออกมา
เธอรู้สึกว่า ตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก
ก่อนจะออกไป
หยางเฟิงกำชับหลินมู่ให้ดูแลโจวซู่เอ๋อร์เป็นอย่างดี
มีคำกำชับของหยางเฟิง
หลินมู่ได้จัดแพทย์และพยาบาลที่ดีที่สุด ให้ดูแลโจวซู่เอ๋อร์อย่างใกล้ชิดตลอดยี่สิบสี่ชัวโมงในทันที
ในขณะเดียวกัน
หยางเฟิงและเย่เมิ่งเหยียนขึ้นรถ มุ่งหน้าไปที่บ้านของโจวซู่เอ๋อร์
หลังจากขึ้นรถ
เสือขาวเอากระดาษจำนวนหนึ่งยื่นให้เขาแล้วบอกว่า : “ท่านแม่ทัพ นี่คือหลักฐานที่ลูกน้องของผมเพิ่งรวบรวมมาให้ครับ”
บันทึกบนกระดาษเหล่านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นคำให้การของผู้ชมก่อนหน้านี้
แค่แว็บเดียว!
หยางเฟิงมองแค่แว็บเดียว!
ลมเย็นเยียบแผ่ออกมาจากตัวเขา!
ตามบันทึกข้างต้น
อาชญากรรมที่ตระกูลหลันทำไป ไม่รู้จะสาธยายอย่างไรหมด
ปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยสูง!
ทำลายบ้านเรือนประชาชน!
ทำร้ายผู้ชายฉุดคร่าผู้หญิง!
แสวงหาผลประโยชน์จากประชาชน!
กดขี่ข่มเหงคนดี!
พูดได้เลยว่าไม่มีเรื่องเลวเรื่องไหนที่พววกมันไม่ทำ!
เย่เมิ่งเหยียนเหลือบตามอง