บทที่ 564 คุณอยากรบ เช่นนั้นก็มารบกัน

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 564 คุณอยากรบ เช่นนั้นก็มารบกัน

ไม่อยากตายก็……ไสหัวไปเหรอ?

หลังจากที่ฟังคำพูดของฉินเทียน หวังเหมี่ยนก็ยังสงสัยในหูของตัวเอง

สถานะของเขาคืออะไร? เป็นถึงหนึ่งในสามโหวเย๋แห่งเกาะตงไห่ที่มีฐานะสูงศักดิ์เชียวนะ และในใต้หล้า จะมีกล้าพูดแบบนี้กับเขา?

แต่ตอนนี้ กลับถูกเด็กหนุ่มยี่สิบต้นๆ สั่งให้เขาไสหัวไปในฐานะผู้นำอย่างนั้นหรือ?

ไม่ใช่แค่หวังเหมี่ยนเท่านั้น แปดยอดฝีมือที่เขาพามา รวมไปถึงจี้ซิงและเหล่าผู้มีอำนาจแห่งเจ็ดเมืองทางใต้เอง ล้วนอ้าปากค้างด้วยความตะลึง

ใบหน้าของจี้ซิงเต็มไปด้วยความไม่น่าอยากจะเชื่อ

แอบพูดในใจว่า พี่ใหญ่ของฉัน ต้องกวนถึงเพียงนี้เลยหรือ?

นี่เป็นถึงโหวเย๋ของตงไห่เชียวนะ!

ไม่ว่าใคร ในเมื่อฉินเทียนยอมรับตำแหน่งผู้นำแล้ว เช่นนั้นเจ็ดเมืองทางใต้ก็คือดินแดนของเขา

นักธุรกิจเหล่านี้ก็ดี หรือพี่น้องก็ดี ที่เขาเป็นผู้นำ เมื่อทำผิดแล้ว สามารถชดใช้ได้ แต่ต้องเป็นเขาเป้นคนมาลงโทษ

ขอโทษด้วย คนนอก ไม่มีสิทธิ์นี้

ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดเจนว่าหวังเหมี่ยนใช้อำนาจรังแกคน และตั้งใจแบล็กเมล์เจี่ยงเส้า

ตงไห่จงใจก่อกวนการเลือกตั้งผู้นำแห่งเจ็ดเมืองทางใต้ คนที่ควรจะถูกถามหาความรับผิดชอบต้องเป้นพวกเขาถึงจะถูก

ในสถานการณืแบบนี้ ยังจะมีหน้า มาอวดดีเรียกร้องค่าชดเชยอะไรที่นี่อีก?

ดังนั้นฉินเทียนเก็บกดความโกรษนี้ไว้ในใจมานานแล้ว เมื่อครู่เข้าไม่สามารถแทรกแซงได้ ก็เลยปล่อยมันไป

ในเมื่อตอนนี้แสดงอย่างชัดเจนแล้ว แน่นอนว่าฉินเทียนต้องรีบพูดอยากมาให้เร็วที่สุด!

“นายพูดว่าไงนะ?”

“นายไล่ฉันอย่างนั้นหรือ?”หวังเหมี่ยนไม่อยากเชื่อ

“คุณฟังไม่ผิด”

“ไม่อยากตาย ก็ไสหัวออกไปจากเจ็ดเมืองทางใต้เสีย!”สายตาของฉินเทียนยังแฝงไปด้วยรอยยิ้มที่ดุร้าย

โหวเย๋อะไรไร้สาระ ในสายตาของเขา ทุกคนในใต้หล้า ฆ่าได้หมด

ใบหน้าของหวังเหมี่ยนในที่สุดก็หม่นหมองขึ้นมา

“องครักษ์กระบองอยู่ไหน!”เขาตะโกนด้วยเสียงโทสะ เสีงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งป่าเขา

“อยู่นี่ครับ!”เสียงราวฝ้าร้องทุ้มต่ำ ของชายยักษ์ใหญ่แขนเปลือยที่อยู่ด้านข้าง

เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างถมึงทึง และถือกระบองทองไว้ในมือทั้งสองทั้งสองข้าง ส่งให้หวังเหมี่ยนตรงหน้าด้วยความเคารพ

หวังเหมี่ยนไม่ได้รับกระบองมาทันทีทันใด แต่กลับจ้องมองไปที่ฉินเทียน แล้วฝันและพูดว่า:”เด็กน้อยฉินเทียน นายรู้อานุภาพกระบองของฉันหรือไม่?”

“เพียงแค่มือของฉันจับกระบองทองเท่านั้น ระหว่างนายกับฉัน ใครคนหนึ่งก็จะต้องตาย!”

“เกาะตงไห่และเจ็ดเมืองทางใต้ ก็จะตกอยู่ในสภาพการฆ่ากันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!”

“ฉันขอถามนายอีกครั้ง นายคิดดีแล้วใช่หรือไม่?”

เขายกเกาะตงไห่ เพื่อคุกคามปลอดภัยของเจ็ดเมืองทางใต้ทั้งหมด

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าของผู้มีอำนาจของเจ็ดเมืองทางใต้ที่อยู่ที่นั่น ได้เปลี่ยนไปหมด และในสายตาก็เต็มไปด้วยความกังวล

ถ้าทั้งตงไห่มารุกราน แล้วไม่เขาจะรับมืออย่างไรได้?

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์เลือกตั้งผู้นำครั้งนี้ ได้มียอดฝีมือจำนวนมากต้องมาล้มตาย ซึ่งถือว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่

หม่าจั๋วชุนทนไม่ได้ และกำลังจะลุกขึ้นมาเตือนฉินเทียนคิดทบทวนอีกครั้ง

เพื่อเจี่ยงเส้าคนเดียว แล้วต้องทำผิดกับตงไห่ทั้งหมดนี่ มันไม่คุ้มค่า

“เดี๋ยวก่อน เจ้าบ้านหม่า”

อานกั่๋วที่อยู่ข้างๆ จับมือของหม่าจั๋วชุนไว้

เขาพูดอย่างเย็นชาว่า:”พวกเราทุกคนรู้ดีกับผลที่ตามมา แต่ตอนนี้คือผู้นำใหญ่กำลังออกหน้าช่วยเจ็ดเมืองทางใต้”

“ในเวลานี้ ในพวกไม่สามารถมีเสียงที่สองได้ ทำได้เพียงสนับสนุนเท่านั้น”

“คุณเข้าใจความหมายของผมไหม?”

หม่าจั๋วชุนพนักหน้าว่า เขาเข้าใจ

ตอนนี้ ไม่ใช่เฉพาะการสร้างพลังอำนาจของฉินเทียน แต่เป็นการสร้างพลังอำนาจของเจ็ดเมืองทางใต้ทั้งหมด

และถ้าหากเขาลุกขึ้นมาคัดค้าน นั่นเป็นความแตกแยกภายในกันเอง ซึ่งจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยอะเอาได้

เขาฝืนใจกลืนสิ่งที่อยากจะพูดกลับลงไป ด้วยความว้าวุ่นใจ ส่วนคนที่เหลือ ก็คิดแบบเดียวกัน

พวกเขาควบคุมอารมณ์ชั่ววูบที่อยากจะหักห้ามเอาไว้

ปัญหาเหล่านี้ ฉินเทียนจะไม่รู้ได้อย่างไร?

ในความเป็นจริงแล้ว ตอนที่เขาลุกขึ้นมาเผชิญหน้าตาต่อตากับหวังเหมี่ยน เขาก็รู้อย่างชัดเจนว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

และจะนำผลเสียอะไรมาบ้าง

ยอมรับว่า จานทรายที่แตกกระจายมานานขนาดนี้อย่างเจ็ดเมืองทางใต้ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นภาพความสามัคคี และในเวลานี้ การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งอย่างตงไห่แบบนี้ มันไม่ใช่กลยุทธ์ที่ดีที่สุด

แต่!

ก็เป็นเพราะว่าจานทรายที่แตกกระจายของเจ็ดเมืองทางใต้เป็นมาเนิ่นนานเหลือเกิน ซึ่งมันไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นภาพความสามัคคีในวันนี้ ดังนั้นเขาจะต้องปกป้องรักษาภาพนี้ไว้ให้โดยได้!

ที่ผ่านมา เจ็ดเมืองทางใต้เป็นเหมือนเนื้อก้อนใหญ่ ใครก็ตามล้วนอยากเข้ามากัดสักคำหนึ่ง

มันไม่ใช่แค่เกาะตงไห่เท่านั้น บ้านเกิดเมืองนอนของฉินเทียนเอง และตระกูลฉินทางทิศตะวันตก ยิ่งกระจายมากมายอยู่ในเจ็ดเมืองทางใต้

ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดก็คือ เป่ยเจี่ยงและหยุนชวน

นี่เป็นเพียงส่วนที่เปิดเยตนออกมาแล้วเท่านั้น และสายลับที่ยังไม่เปิดเผยตัว มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ามีเท่าไหร่

นอกจากเกาหวางตงไห่และตระกูลฉินทางตะวันตกเฉียงเหนือแล้ว ดูเหมือนฉินเทียนยังจะเห็นเหงาของผู้อยู่เบื้องหลังผ่านทางลิเหลียง

เพราะเจ็ดเมืองทางใต้กระจัดกระจายกันมากเกินไป และอ่อนเกินไป เหมือนลูกพลับอ่อนที่ใครๆ ก็สามารถหยิกได้

ก่อนหน้านั้น ฉินเทียนไม่ได้ดำรงตำแหน่งนี้ จึงไม่ได้สนใจ ก็ถือว่าแล้วกันไป

ตอนนี้ เขาก้าวออกมาในฐานะผู้นำใหญ่

ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะต้องสู้กับตงไห่จนนองเลือด หรือสูญเสียครึ่งหนึ่งของเจ็ดเมืองทางใต้ไปก็ตาม เขาก็จะบอกให้ลูกรู้!

เจ็ดเมืองทางใต้ ลุกขึ้นมาแล้ว!

มันเหมือนกับสิงโตตัวหนึ่งที่หลับใหลและตื่นขึ้นมา!

จะไมาใช่ลูกพลับอ่อนน่วมที่ใครๆ ก็สามารถหยิกได้อีก!

มันผู้ใดที่กล้าแตะต้องเจ็ดเมืองทางใต้ ขอให้พิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน!

พูดจากมุมมองนี้ ฉินเทียนกลับมองหวังเหมี่ยนที่อยู่ตรงหน้าและตงไห่ทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังเป็นไก่ตัวหนึ่ง

เขาจะเชือดไก่ให้ลิงดู!

เมื่อเทียบกับส่วนได้ส่วนเสียชั่วขณะที่อยู่ตรงหน้า สัญญาณอันแข็งแกร่งที่เจ็ดเมืองทางใต้ลุกขึ้นมาแบบนี้ เมื่อพูดถึงระยะยาว มันมีความสำคัญมากกว่า!

ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะต่อสู้!

ซึ่งเขาเตรียมพร้อมสำหรับการออกรบแล้ว!

“ฉันยังยืนยันคำเดิม ไม่ยากตายก็ไสหัวไปซะ!”

ในสายตาของเาเปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการสู้ โดยกัดฟันพูดทีละประโยค

“ถ้าหากคุณอยากสู้ ก็ตามนั้น——”

คุณอยาสู้ งั้นตามสู้ตามต้องการ!

นี่คือสิ่งที่เขาอยากพูดกับหวังเหมี่ยน

ทุกคนรู้ดีว่า ตราบใดที่พูดประโยคนี้ออกมา หวังเหมี่ยนต้องเกิดโทสะอย่างมหันอย่างแน่นอน

และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ็ดเมืองทางใต้และเกาะตงไห่ ต้องมีภาพเหตุกาณ์ความตายที่ไม่มีวันสิ้นสุดเป็นแน่

หวังเหมี่ยนในขณะนี้ ในที่สุดก็ยอมตัดใจ สายตาของเขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ฝ่ามือค่อยๆ หันไปคว้ากระบองทอง

คำพูดสุดท้ายของฉินเทียนกำลังจะออกมา โดยมือของหวังเหมี่ยนก็ใกล้จะคว้ากระบองทองได้แล้วเช่นเดียวกัน!

ในขณะที่ฟางเส้นสุดท้ายกำลังจะขาดลง บุ้ม!

เนินเขาข้างๆ จู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังขึ้น!

เสียงปืนที่หนักแน่น ถ่ายทอดพลังนุภาพออมาราวกับฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น!

ทุกคนตัวสั่นเทา และหน้าซีดด้วยความตกใจ แล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองพร้อมกัน

ทันทีที่เห็น ต่างตกใจกันใหญ่โดยควบคุมไม่ได้

มองเห็นเพียงบนเนินเขาไกลลับตา และไม่รู้ว่าคนกลุ่มนั้นปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

ผู้นำ กลับเป็นผู้หญิงในชุดกระโปรงแดงโบราณ

เธอใส่ผ้าปิดหน้าไว้ ทำให้มองไม่เห็นใบหน้า แต่เมื่อลมแห่งภูเขาพัดผ่านกระโปรงแดงราวเพลิงไฟ ซึ่งมองเห็นเรือนร่างสวยงามระเบิดได้เลือนราง

นี่มันไม่สำคัญ

ที่สำคัญคือ แขนข้างหนึ่งที่ชี้สู่บนท้องฟ้าของเธอ

ในมือ ถือปืนถือปืนสั้นที่เป็นสีแดงเหมือนกันขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ตรงปากกระบอกปืน ดูเหมือนว่าจะมีควันพ่นออกมา

เสียงปืนเมื่อครู่ ถูกส่งออกมาจากเธออย่างไม่ต้องสงสัย

เกิดอะไรขึ้น?

อย่าบอกนะว่าเห็นผีกลางวันแสกๆ แบบนี้อย่างนั้นเหรอ?

ไม่ใช่แค่ผู้หญิงกระโปรงสีแดงโบราณ แต่ดูไปแล้วเหมือนปีศาจที่ข้ามภพมาจากสมัยโบราณ

ข้างหลังเธอมีชายหญิงสิบกว่าคนเรียงกันเป็นแถว แม้ว่าพวกเขาจะสวมเสื้อผ้าที่ทันสมัย แต่สีสีหน้าไร้ซึ่งอารมณ์และเต็มไปด้วยการกวาดล้าง

ซึ่งดูไปแล้วเหมือนวิญญาณที่มาจากอีกภูมิภพหนึ่ง

นี่มัน?

ทุกคนงวยงงไปหมด